พลิกนรกผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ สำหรับทีมชาติไทย หลังเปิดหัวนัดแรกโดน อินเดีย ถล่มยับ 4-1 จน มิโลวาน ราเยวัช กุนซือเซอร์เบีย ต้องโดนตะเพิดพ้นเก้าอี้แม่ทัพ “ช้างศึก” ชุดตะลุยทะเลทราย เอเชียน คัพ 2019

สุดท้าย สถานการณ์สร้างวีระบุรุษ เมื่อ “โซลโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย กุนซือขัดตาทัพ ระดมสมองกับทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ปลุก “ช้างศึก” คืนฟอร์มเก่งทันควัน

เริ่มจากเอาชนะ บาห์เรน 1-0 และยันเสมอ ยูเออี เจ้าภาพ 1-1 เก็บ 4 แต้ม เข้ากระเป๋า คว้ารองแชมป์กลุ่มเข้ารอบอย่างองอาจ พร้อมถีบ บาห์เรน ที่เฮดทูเฮดเป็นรองตกไปรั้งอันดับ 3 ของกลุ่ม และส่ง อินเดีย กลับบ้านทันที

เมื่อมองรูปเกมทั้ง 2 นัด ต้องบอกว่า ไทย ทำผลงานได้ดีทั้ง 2 นัด ทำเอา 2 ทีมแกร่งจากตะวันออกกลางไปไม่ถูกเลยทีเดียว

โดย “โค้ชโต่ย” นำแท็คติคง่ายๆ มาปรับเข้ากับนักเตะที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งนำระบบเกมรับที่ ราเยวัช วางเอาไว้มาปรุงแต่งเล็กน้อย เพื่อให้ทีมลงตัวกว่าเดิม

เริ่มจากผู้รักษาประตูเมื่อ ฉัตรชัย บุตรพรม ยังไม่ตื่นจากฝันร้ายจากศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ทำให้ต้องใช้ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เฝ้าเสาทันที

ซึ่งนายด่านจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการเก็บ “คลีนชีต” ทันทีในเกมกับ
บาห์เรน

กองหลังอาชีพมี 4 คน สุพรรณ ทองสงค์ , พรรษา เหมวิบูลย์, เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว และ อดิศร พรหมรักษ์ กุนซือ ขัดตาทัพ “ช้างศึก” จัดการวางระบบกองหลัง 3 คน เพื่อขันเกมรับให้แน่นขึ้น ชนิดที่ บาห์เรน และ ยูเออี แทบไม่มีโอกาสเจาะเข้าไปทำประตูได้เลย

ส่วนปีกที่มีจำกัดจำเขี่ย ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาจึงใช้ โด กับ อุ้ม ทำเกมรุกและรับด้านข้างไปเลย

ด้านกองกลางมีให้เลือกใช้เยอะ สามารถปรับได้ตามต้องการ โดยมี ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ เป็นตัวหลัก

ขณะที่กองหน้าอาศัยความสามารถและความเข้าใจกันของอดีตนักเตะ เอสซีจี เมืองทองฯ ทั้ง เจ, มุ้ย และ กอล์ฟ ประสานงานกัน จนรูปเกมออกมาจัดจ้านถูกใจแฟนบอลไทย

ขยับไปที่ระบบการเล่นมีการยืดหยุ่นอย่างลงตัว จากระบบ 3-5-2 สามารถปรับให้นักเตะเล่นทั้ง 3-4-1-2, 3-4-3 และ 4-4-2 ได้อย่างกลมกลืน

หากในรอบน็อกเอ้าท์สามารถปรับเกมรุกให้เฉียบขาดขึ้น โดยเฉพาะ มุ้ย กับ กอล์ฟ ที่ยังดูขาดๆ เกินๆ รับรองอาจเห็นทีม “ช้างศึก” ไปไกลกว่านี้ก็ได้แน่

ต้องบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ แม้คู่แข่งในรอบต่อไปจะเป็นพี่เบิ้มของเอเชีย อย่าง จีน หรือ เกาหลีใต้ ที่มี ซอน ฮึง มิน ซูเปอร์สตาร์จาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ก็ตาม

เพราะถึงตรงนี้ “ช้างศึก” ไม่จำเป็นต้องกลัวใครทั้งสิ้น ขอแค่สู้สุดใจ แฟนบอลไทยก็มีความสุขแล้ว

ส่วนอะไรจะเกิดขึ้น ก็ถือเป็น “โบนัส” และ ประสบการณ์ที่ดีของทีมงานทุกคนก็แล้วกัน

นัดต่อไป ถ้าเจอจีนจะเบากว่าหน่อย มีลุ้นเลยทีเดียว

นอกจากผู้รักษาประตูแล้ว เหลือใครยังไม่ได้ลงสนามบ้างมั้ยครับ
ตัวสำรองนัดแรก สุมัญญา กรกช ปีโป้
ตัวสำรองนัดสอง สรรวัชญ์ มิก้า ใจเด็ด
ตัวสำรองนัดสาม เหลิม ปกเกล้า ใจเด็ด

# น่าจะเป็น ศศลักษณ์ ชนานันท์ ยังไม่ได้ลง

เราเปลี่ยนมาเพลสตั้งแต่ครึ่งสนาม ทำให้เค้าเล่นยากตั้งแต่แดนกลางไม่งั้นกองหลังงานชุก ไม่เหมือนลุงวัชตรงถอยลึกแต่สวนเค้าไม่ได้เพราะตัวตัดเกมส์หรือหลังเราขึ้นเกมส์ยังไม่แม่นพอ ตัองให้เครดิตรโคชและทีมงานเต็มๆ

ยาวไปครับ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ได้นะช้างศึก

อยากดูศศลักษณ์ มากเลยครับ

ชื่นชมโค้ชที่รับเผือกร้อนแล้วทำได้ดี สถานะการสร้างวีระบุรษ สองเกมที่ผ่านมาจะแพ้เละชาวไทยก็ไม่ว่าอยู่ละ นัดแรกมันเหมือนทำใจไว้แล้ว อย่างว่าแหละครับของมันร้อนใครๆก็ปอดที่จะกล้ามารับ คนนอกอย่าหวังเลย ไทยไม่ช่วยไทยด้วยกันใครจะช่วย แค่ยกมือว่าผมเองครับผมจะช่วย หากตกรอบคนก็นับถือ หากไปได้สวยก็ตอนนี้แหละครับที่โชลโต่ยเป็นอยู่ ได้สองเด้งเลย หากมัวแต่ตุ๊ด ผมมาเป็นโค้ชผมไม่กล้ารับของร้อนนี้หรอกผมออกพร้อมเรวัดด้วย คงไม่มีวันนี้ คนไทยไม่สิ้นคนเก่ง สู้ ๆ

ขอให้เต็มที่แบบสองนัดที่ผ่านมา สกอร์เป็นยังไงคนไทยก็รับได้ แล้วกลับมาพัฒนากันต่อไป

ได้ขนาดนี้ ก้อดีใจสลัดละครับ จาก 4-1 ใครบอกเข้ารอบ กุละขรรมป้ะ

ลองใช้ ศศลักษณ์ แทน อดิศักษ์ น่าจะมันส์นะครับ กระชากดีกว่าเยอะ

ตั้งเค้าเล่นทีมชาติมา ผมไม่เคยเห็นว่าจะเล่นดีตรงไหนเลย ล้มจะเอาฟาวล์อย่างเดียวแล้วไม่ฟาวล์ด้วย ไปกับบอลก็ไม่ได้
สำรองยาวเลยแหละคนนี้

เห็น​ด้วยครับ​ เจ้าพีเสียเปรียบ​รูปร่างมากครับ​ เจอระดับเอเชียไม่น่าจะฉีกได้​ บังบอลก็ไม่น่าไหว​

ไม่ต้องเอเชียก็ได้ครับ แค่อาเซียนใน aff ยังไม่สามารถเอาตัวรอดได้เลย ในสโมสรเล่นดีนะ แต่ทีมชาติไม่ไหวจริงๆ

อยากเห็นศศลักษณ์ลงบ้าง แทนอดิศักษ์ท้ายเกมก็ได้
และทำให้รู้ว่าการเรียกสิโรจน์มาติด โคตรเปลืองที่เลยทีเดียว

ส่วนตัว ถ้าใช้ปีก อยากเห็นศศรักษ์ ลงเล่นมากกว่า

เพราะมีทั้งความเร็ว ทักษะ และความกล้าเล่นของปีกครบเครื่อง

การทำเกมตรงกลาง จากรับเป็นรุก ยังเป็นโจทก์ใหญ่ที่ยังไม่เห็นเลยในทีมชุดนี้

การเคลียร์บอลของกองหลัง (อดิศร) ยังมั่วซั่ว วางบอลก็เสียตลอด

ถ้าเจอกับบอลระบบดีๆ เพรสซิ่ง + คุมโซน มีโอกาสโดนหลายลูก

*** ถึงตรงนี้หลายท่านดีใจคิดว่าไทยมาไกลแล้ว

แต่ผมกลับมองว่าระบบการเล่นเราแย่ลงกว่ายุคซิโก้ ซะอีก
- การเคลื่อนที่ของนักเตะมั่วซั่ว
- การรับ-ส่งต่อบอลขาดๆเกินๆตลอด
- สไตล์การเล่นไม่มีความชัดเจนเลยสักนิด

ปล.สุดท้ายก็จะนั่งเชียร์ไปตามหน้าที่แฟนบอล