“กองทัพชุดขาว” ยูเออี ด่านชี้ชะตา “ช้างศึก” !!!

ไว้คราวหน้า X

ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย

ไปหน้าที่ 1

ไปที่หน้า

ตั้งกระทู้ใหม่

ฝากรูป

หน้าแรกบอร์ด >> ข่าวประจำวัน

14 January 2019 09:55 by Narueta

“กองทัพชุดขาว” ยูเออี ด่านชี้ชะตา “ช้างศึก” !!!

มาถึงด่านชี้ชะตาทัพ “ช้างศึก” ว่าจะได้ไปต่อหรือไม่? ในเวที “เอเชียน คัพ 2019” นั่นก็คือ “เจ้าภาพ” สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ซึ่งจะดวลกันในวันจันทร์ที่ 14 ม.ค.นี้

“กองทัพชุดขาว” ยูเออี ปัจจุบันรั้งอันดับ 79 ของโลก และอันดับ 8 ของเอเชีย เคยผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาแล้ว 9 ครั้ง และเคยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 1996 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ แต่ได้แค่รองแชมป์ด้วยการแพ้จุดโทษ ซาอุดิอาระเบีย

4 ปีก่อน ยูเออี เข้าถึงรอบตัดเชือก ก่อนแพ้ ออสเตรเลีย 0-2 แต่ยังได้อันดับ 3 มาครองด้วยการเอาชนะ อิรัก 3-2 โดยสถิติเล่นรอบสุดท้าย 36 แมตช์ ชนะ 12 เสมอ 8 แพ้ 16

ขณะที่เอเชียนคัพครั้งนี้ ยูเออี เข้ารอบอัตโตมัติในฐานะเจ้าภาพ ภายใต้การคุมทัพของ อัลแบร์โต้ ซัคเคโรนี อดีตกุนซือเอซี มิลาน วัย 65 ปีชาวอิตาลี ที่เคยพาทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์เอเชียนคัพ 2011 มาแล้ว

อย่างไรก็ตาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ชุดนี้จะไม่มีซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของทีมอย่าง โอมาร์ อับดุลราห์มาน เพลย์เมคเกอร์วัย 27 ปี ที่บาดเจ็บอย่างรุนแรงบริเวณหัวเข่าในการลงรับใช้สโมสรต้นสังกัดอย่าง อัลไอน์ ในลีกบ้านเกิด ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว

นั่นทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นต้องฝากความหวังไว้กับ อาลี มาบคูท กองหน้าวัย 28 ปี ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโวเอเชียนคัพ เมื่อ 4 ปีก่อน จากผลงาน 5 ประตู

นอกจากนี้ มาบคูท ยังทำสถิติยิงประตูเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์เอเชียนคัพ เพียงแค่ 14 วินาที ในเกมเจอกับ บาห์เรน รอบแบ่งกลุ่มเมื่อ 4 ปีก่อนอีกด้วย

อีกทั้งยังเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของ ยูเออี โปร ลีก จากการเล่นให้สโมสร อัล-จาซิร่า เพียงทีมเดียวตั้งแต่ปี 2008 ถึงปัจจุบัน ซัดไปแล้ว 122 ประตู

อีกหนึ่งความหวังจากสโมสร อัล-จาซิร่า คือ คัลฟาน มูบารัค ที่ทำไปแล้ว 10 แอสซิสต์ในลีกยูเออีฤดูกาลนี้

นอกจากนี้ ยังมีตัวหลักตั้งแต่รอบคัดเลือกอย่าง อาเหม็ด คาลิล และพี่ชายของ โอมาร์ อย่าง โมฮาเหม็ด อับดุลราห์มาน รวมถึงได้เรียก อิสมาอิส มาตาร์ กองหน้าจอมเก๋าวัย 35 ปีจากสโมสร อัล วาห์ด้า กลับมาติดธงด้วย

สำหรับสถิติเจอกับ ทีมชาติไทย ที่ผ่านมาทั้งหมด 12 ครั้งปรากฎว่า ยูเออี ทำได้ดีกว่า ชนะ 7 เสมอ 3 แพ้ ส่วน ทีมชาติไทย ชนะ 2

ซึ่ง 2 ครั้งที่ ทีมชาติไทย คว้าชัยคือในเอเชียนเกมส์ 2002 ที่เกาหลีใต้ ด้วยสกอร์ 3-1 และครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2004 ในศึกฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก เปิดบ้านชนะไป 3-0

แต่หลังจากนั้นมา เจอกันอีก 3 ครั้ง ทีมชาติไทย ไม่เคยชนะ ยูเออี ได้อีกเลย (เสมอ 2 แพ้ 1) โดยครั้งล่าสุดเจอกันในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก เมื่อต้นปี 2017 เสมอกัน 1-1 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน

สำหรับสถานการณ์ในเอเชียนคัพเวลานี้ของกลุ่มเอ “เจ้าภาพ” ยูเออี นำเป็นจ่าฝูง แข่ง 2 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 มี 4 คะแนน ตามมาด้วย อินเดีย ที่มี 3 คะแนนเท่ากับ ไทย แต่เฮดทูเฮด อินเดีย ดีกว่า ส่วนอันดับสุดท้ายคือ บาห์เรน ที่มีแค่คะแนนเดียว

เกมสุดท้าย ถ้า “ช้างศึก” สามารถเก็บชัยชนะเหนือ ยูเออี ได้ ก็จะการันตีเข้ารอบน็อกเอาท์อย่างแน่นอน แต่ถ้าผลเป็นอย่างอื่น ก็ต้องลุ้นเกมอีกคู่ระหว่าง อินเดีย กับ บาห์เรน รวมถึงกลุ่มอื่นด้วยว่า จะเป็นใจให้กับ ทีมชาติไทย หรือไม่?

โดยโปรแกรม “เอเชียน คัพ 2019” นัดสุดท้าย ของกลุ่มเอ ทีมชาติไทย จะพบกับเจ้าภาพ ยูเออี ในวันจันทร์ที่ 14 มกราคมนี้ ที่ ฮัซซา บิน ซายิด สเตเดี้ยม เมืองอัล ไอน์ เวลา 23.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ส่วนอีกคู่ระหว่าง อินเดีย พบ บาห์เรน จะแข่งในวันและเวลาเดียวกัน ที่ ชาร์จาห์ สเตเดี้ยม เมืองชาร์จาห์

อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า จะได้รู้กันแล้วว่า “ช้างศึก” จะได้ไปต่อ หรือโบกมือลากลับบ้าน?

หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

โหวตเป็นกระทู้แนะนำ