- มนเสน่ห์ของศึกแดงเดือด คงจะเริ่มจางหายขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อมีช่องว่างของความห่างชั้นในคุณภาพของทีม ระหว่างลิเวอร์พูล/แมนยูฯ ปรากฎให้เห็นอยู่ในเกมการแข่งขันที่พึงจบลงไปโดยมีผล สกอร์ที่ 3 ประตู ต่อ 1

++ ทั้งในส่วนของรูปเกมการเล่น(แมนยูฯ)
++ ความมุ่งมั่นของนักเตะหรือจิตสำนึกในการให้เกียรติทีมของตน(แมนยูฯ)
++ รวมถึงความมุ่งหวังถึงผลการแข่งขันเพียงอย่างเดียว(โค้ชแมยูฯ) จนลืมไปว่า กีฬาฟุตบอลนั้น ความสวยงามหรือระบบการเล่นที่เป็นระเบียบ ก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ถือเป็นเสน่ห์ของกีฬาฟุตบอล ซึ่งทำให้แฟนบอลหรือนักกีฬาฟุตบอลส่วนใหญ่ต่างหลงใหลในกีฬาชนิดนี้

- โดยเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นทีมบิ๊กเนมแล้ว ทุกทีมล้วนต้องมีเอกลักษณ์หรือ สไตล์การเล่นของทีมนั้นๆ ที่ชัดเจนในแต่ละยุคสมัย ซึ่งทีมในระดับสูงโดยมาตรฐานแล้ว ล้วนต้องมีทิศทางในการทำทีมที่แน่นอน เป็นรูปธรรม จึงจะส่งผลให้แฟนบอล เกิดความ เชื่อมั่นในทีมและสนับสนุนทีมรักของตนทั้งในยามที่อยู่ในจุดสูงสุด หรือ ค่อยอยู่เคียงข้างในวันที่ทีมรักของตนตกต่ำที่สุดก็ตาม

- เมื่อผลการแข่งขันที่เกิดขึ้นส่งผลให้ กลิ่นอาย หรือ รสชาติ ของเกมฟุตบอล ในศึกแดงเดือดวันนี้

***** มนเสน่ห์เหล่านั้น คงอาจจะกล่าวได้ว่า มันได้จางหายลงไปโดยปริยาย แล้วก็เป็นได้ เนื่องจาก ความห่างชั้นที่เกิดขึ้น ที่กล่าวไว้ในข้างต้น *****

- ทิศทางหรือโมเมนตัม ของทีมแมนยูฯ กับปัญหาในจุดต่าง ๆ ที่ทีมกำลังประสพพบเจอ

***** คงจะให้สันนิษฐานไว้ก่อนก็ได้ว่า “แมนยูฯ ไนเต็ด”
คงเป็นทีมกลางตารางโดยแน่แท้แล้ว *****

- บุญบารมีที่สั่งสมมาในอดีตคงไม่ได้ส่งผลให้ บุคลากรในทีมทุกคน ได้ตระหนักถึงความสำคัญ ในสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย

- แล้วเหตุใด ??
ทีมที่มีฐานแฟนบอลมากที่สุดในโลกทีมหนึ่ง
มีมูลค่าของทีมติด อันดับท็อป 2 ของทีมที่แพงที่สุดในโลก
มีโค้ชมากประสบการณ์และมีฝีมือ ที่ผ่านการคุมทีมใหญ่ที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จกับทุกทีมในระดับหนึ่ง
มีนักเตะระดับโลกมากมาย อีกทั้ง ขุนกำลังที่พร้อมจะทดแทนตำแหน่งในแต่ละจุด ซึ่งก็เพียงพอแล้ว

- ทำไมสิ่งที่มี กับ ผลลัพธ์ที่ได้ กลับไม่สมเหตุสมผล กันเช่นนี้ ???

- หรือ เนื่องจาก ธุรกิจการตลาดที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมส์กีฬามากจนเกินไป จึงส่งผลให้ ทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกทีมหนึ่ง ถึงจุดตกต่ำ จนอาจกู้ไม่กลับ (อาจ)

- ปัญหาของ ทีมแมนยูฯ คงอาจเป็นกรณีศึกษาที่ดีว่า **ความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน บ้างครั้ง ก็มิอาจพิชิตความสำเร็จได้เสมอไป หากปราศจาก จิตวิญญาณหรือความมุ่งมั่นที่แท้จริง** คงงั้น ....

- อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คุณคิดว่าไง (แฟนแมนยูฯ) ??

แดงไม่เดือด มาหลายปีแล้วครับ
ศึกผ่าเมือง แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ ยังดูมีสีสันมากกว่า

ด้วยความสัตย์จริง ในสายตาของผม ระดับชั้นของแมนยู
มันไม่ได้โดนลิเวอร์พูลทิ้งห่าง ขนาดที่เรียกได้ว่า
"แตะต้องไม่ได้ เราห่างไกลกันเหลือเกิน บอลคนละ Class"

ตั้งแต่ดูบอลมา ที่เรียกว่าห่างชั้นจริงๆ
คือ UCL กับ บาร์เซโลน่า 2011 ที่เฟอร์กี้ กำหมัด หน้าแดงก่ำ อ่ะ
อันนั้นคือมองไม่ออกเลยว่าแก้ทางยังไง? จะซื้อใครมาเสริม?
เพื่อเอาไปต่อสู้กับทีมต่างดาว ไร้เทียมทานแบบนั้น?
(หลังจากนั้น เฟอร์กี้เคยให้สัมภาษณ์ว่า อาจจะต้องใช้เวลาในการสร้างทีมถึง4ปี
เพื่อให้ไล่ทัน บาร์เซโลน่าในชุดดังกล่าว)

ตัวผู้เล่นแมนยูมันไม่ได้ขี้เหร่เลยนะ
แต่มูริญโญ่นั้น ค่อยๆสร้างปัญหาไปทีละส่วนๆ
1. ใครเล่นพลาดคือ Drop ด่าออกสื่อ

2. ใช้เงินไปเยอะมากในการซื้อตัวผู้เล่น แต่ซื้อพลาดใช้งานไม่คุ้ม
อยากให้บอร์ดช่วยทุ่มซื้อเพิ่มแพงๆ เขาไม่ซื้อให้เพราะผลาญไปเยอะแล้ว ก็เลยงอแง ดันทุรังส่งตัวสลับตำแหน่งมั่วๆให้บอร์ดมันรู้สึกว่า เฮ้ยยย อยากได้ตัวใหม่ ตำแหน่งนี้ขาดจริงๆ

3. แผนคือรับเหนียวแน่น รอสวน ,(ไม่ได้ดูตัวผู้เล่นเลย มันทำได้ไหม)
ครึ่งหลังถ้าสกอร์นำอยู่ กับตั้งรับรอโดนท้ายเกมส์
ถ้าตามหลัง ก็จะเปลี่ยนเฟไลนี่ ลงมาคอยโหม่งชงให้คนอื่น

4. นักเตะเองก็เริ่มคลางแคลงใจในรูปแบบการเล่น สะท้อนจากฟอร์มในสนาม ว่าไม่เข้าใจปรัชญามูริญโญ่ (มันก็คงคิดนี่เราเป็นทีมชั้นนำจริงๆหรือว่ะ เล่นรับยังกะบอลลีค 2)

5. ไม่มีการหมุนเวียนนักเตะ บอลถ้วยไหน ก็เอาชุดใหญ่ลงตลอด (เจ็บและกรอบสิครับ)

6. มูริญโญ่กำลังโฟกัสแต่เรื่องของตัวเองล้วนๆแล้วตอนนี้

แค่เปลี่ยนโค้ชแล้วแมนยูจะดีขึ้นเอง
José Mário dos Santos Mourinho

แปลกนะ ตอนหงส์กาก แต่มีเจอร์ราดอยู่

ผมรู้สึกถึงความมุ่งมั่น แม้จะสู้ไม่ได้ก็ตาม

คิดถึงพี่เจิด

มันอยู่ที่หัวเรือนั่นแหละ .. คิดว่ามูตอนนี้มันมีความกระหายไหม? แล้วมูเคยให้เกียรติใครไหม? แม้แต่นักเตะตัวเอง?

ผมเชื่อว่าแม้ว่าสองทีมนี้จะห่างชั้นแค่ไหนในเรื่องคุณภาพนักเตะ แต่เมื่อถึงแมทต์ที่มาพบเจอกันก็ใส่มันหยดทุกนัดที่ผ่านมา

ความผิดปกติของแมนยูมันเกิดจากอะไร .. ก็แก้กันที่ตรงนั้น !! รู้ทั้งรู้แต่ก็ยอมฝืนทนอยู่นั่นแหละ

มนต์สเน่มันไม่หมดเพราะเรื่องความห่างชั้นหรอก

ผมว่าไม่เกี่ยวกะทีมหรอก
แมนยูก็ยังเป็นแมนยู เพียงแต่โค้ชนั่นแหละที่ทำให้แมนยูมันกากเอง(3ปีรูปเกมยังไม่มีทรง)
ถ้าผีจะเป็นทีมกลางตาราง บอร์ดคงไม่ทุ่มทุนเลือกกุญชือดีกรีอย่าง
มูถลุงไป300กว่าล้านหรอกมั้ง

ผมก็เห็น หงษ์ยุคปูรอย ที่แฟนหงษ์บอกว่าเป็นยุคที่รูปเกมสะเปะสะปะ บรมกาก
เจอแดงเดือดก็ยังสนุก(ผี3-2หงษ์)เพราะอะไรละ
ตอนนั้นหงษ์ไม่ใช่หรอที่ตามตูดผี จบที่6

คนทำทีมอะเปล่าเลือกผู้เล่น และเลือกฟอร์มเมชั่นลงไปกากเอง

ผลักกันเป็น

สมัยปู่รอย หรือ รอดเจอร์ ผมก็อารมย์แบบนี้แหละ

ไม่ต้องมองถึงแมนยูหลอก มูอยู่กับทีมไหนก็เล่นแบบนี้อยู่แล้ว ลองดูกับเซลซีดิ เจอนอล เจอแมนยู เจอลิเวอพลู มูก็บัสใส่แม่งหมด

คือจะหวังแดงเดือดแบบเปิดหน้าสู้กันถ้าหวังแบบนั้นมูจัดให้ไม่ได้หลอก ไม่ต้องพูดถึงแดงเดือดหลอก แค่ลำพังมูเจอทีมระดับเดียวกับวิธีทางสู้เดียวที่มูถนัดคือบัสแล้วสวนแค่นั้น

และที่ผ่านมามันทำได้ดีไง ถ้ามองย้อนไปปีที่เจิดลื่นปีนั้นมูก็เอาเซลซีบัสจนแฟนหงหัวร้อนออกมาด่าแจกกล้วยกันเพียบ

คือแดงเดือดสมัยก่อนมันเป็นการที่แบบกูไม่สนกูอันดับเท่าไหร่ เจอแมนยูกูสู้ถวายหัว เจอลิเวอพลูมึงต้องโดนกูแน่ แต่มาปีนี้แม่งไม่ใช่เลย คือ แมนยูสู้ไม่ได้อะส่วนหนึ่ง แต่ใจแม่งไม่สู้อะไรเลย

คือสำหรับผมนะ สมัยก่อนแดงเดือดมันสูสีไง แต่ คส นี้มันไม่ใช่

เคยมีกระทู้แบบนี้ตอนยุคแมนยูรุ่งเรือง
ขึ้นชื่อว่าแดงเดือดยังไงก็มันส์อยู่เหมือนเดิมล่ะครับ

สมัยก่อน หงส์กากแค่ไหน เจอแมนยูก็มัน ตั้งแต่มูมาคุมแหละ มันเลยจืดชื้น

ขนาด NOKIA ว่าแน่ๆ ก็ยังล่มมาแล้ว แมนยูก็ควรหาทางกลับฝั่ง

ผมว่าอันนี้จริงเลย จะห่างกันกี่คะแนนไม่รู้
แต่พอแดงเดือดตอนนั้นหงมีความมุ่งมั่นที่จะเล่น
มีความพยามกระหายที่จะชนะ และดูเห็นความสำคัญกว่าแมนยูในตอนนี้
แล้วนักเตะที่มูซื้อมาก็ใช่ว่าจะถูกๆที่ไหน มูลค่ารวมๆตั้งเท่าไหร่
ดูไม่มีใจเลย

จุดสูงสุดคือบอร์ดบริหาร

พันธกิจในใจของผู้บริหารต่อแบรนด์คืออะไร คือตัวกำหนดทิศทาง และมันคือทางที่ทีมกำลังดำเนินไปอยู่

แต่พูดก็พูดนะ การเป็นทีมกลางตารางมันไม่ได้นับกันแค่ปีเดียว อะไรๆมันสาทารถเปลี่ยนแปลงได้มากในปีเดียวเลยก็มี


ปัญหาของผีแดง คือ เคยมีคนแก้มาได้แล้ว คือยูเว่ ยุคก่อนมารอตต้า กับอันเยลี่

ยูเว่ยุคก่อนหน้าคอนเต้ คือแบยเดียสกับผีแดงเลย

ใช้เงินซื้อนักเตะไม่เวิร์ค เปลี่ยนโค้ชะเป็นว่าเล่น มันแก้ตรงเปลี่ยนโครงสร้างบนสุด เปลี่ยนceo เปลี่ยน ปธ.

ผมเชื่อว่าถ้าไม่เปลี่ยนตรงนั้น ยูเว่คงไม่มาถึง 7-8ปีมานี้

ในขณะที่ทีมที่เน่ายังไง ก็ยังเน่าอยู่ถึงตอนนี้ อย่างมิลาน อินเตอร์ ก็ยังไม่ฟื้น อินเตอร์ปรับโครงสร้างใหม่ต้อวรอดู มันไม่ทีอะไรการันตีแต่การเปลี่ยนแปลงคือสิ่งจำเป็นเมื่อบางมันไม่โอเค

ลิเวอร์พูลก็เหมือนกัน ถ้าไม่เปลี่ยนจากดูโอ้มะกัน คิดว่าจะเจอจุดเปลี่ยนหรือ

มันอยู่ในยุคที่โค้ชฟุตบอลไม่ได้ทำได้ทุกอย่างขนาดนั้นแล้ว ส่สนที่ีมีอิทธิพลที่สุดคือบอร์ด

ลองดูเลสเตอร์ กับ นิวคาสเวิลสิ ทีมเล็กๆ กลางๆ แต่ทำไมเลสเตอร์ไปได้ดีตามสภาพตัวเอง แต่นิว ทีมที่เคยเกาะหัวตารางทำไมน่าผิดหวังทั้งๆที่พื้นฐานดีกว่า

ใช่ครับนี้แหละคือมนเสน่ห์ ที่ผมพูดถึง

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ ซึ่งโดยรวม แฟนผีส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจหรอก