[NAPOLITH] แพ้นัดเดียวตกรอบ ไอบ้าเอ้ย
ก่อนเกมกับ ลิเวอร์พูล มีหลายประเด็นที่ถูกพูดถึง โดยเฉพาะประเด็นเงื่อนไขเข้ารอบ คือใครจะเข้ารอบ ต้องมีแต้ม ลิเวอร์พูล ต้อง 3 ส่วน นาโปลี 1 หรือ 3 ก็ได้ แล้วก็เรื่องของตัวผู้เล่น
อันเช่ ให้สัมภาษณ์ว่าเกมนี้เขาจะไม่บัส ซึ่งผมก็ไม่ได้มองว่า นาโปลี มาจอดบัส แกกำชับลูกทีมว่าต้องมีสมาธิ เพราะมาเล่นที่ แอนฟิลด์ ไม่ใช่มาชมวิว แต่มาเพื่อเอาแต้ม พร้อมกับบอกอีกว่าเกมนี้ต้ดสินแค่ว่าใครเข้ารอบ ไม่ได้ตัดสินว่าคุณภาพของทีมไหนด้อยกว่า หรือเหนือกว่า
ผมบอกก่อนเลยนะครับว่าผมไม่อยากทะเลาะกับแฟนบอล ลิเวอร์พูล แค่ผมเจอมาในเพจ นาโปลี ของผม ผมก็ปวดหัวพอล่ะ เรื่องก่อนเกมของ เมอร์เตนส์ ผมไม่อยากพูดถึง ผมเคยเม้นไปในกระทู้นั้นแล้วว่ายังไงก็โดน ถ้ามันแพ้ขึ้นมา ซึ่งก็จริง เออ ถ้าแซวอันนั้นไม่ว่าครับ
แต่ประเด็นที่ผมว่าเดือดกว่าป้าย This is Anfield คือเรื่องของจังหวะ ฟาน ไดจ์ เสียบ เมอร์เตนส์ คือตามกฎต่อให้โดนบอลหรือไม่โดน แต่ยกเท้าเปิดปุ่มมาแบบนั้น ยังไงก็แดง เพราะคุณเล่นอันตราย เอาตรง ๆ ลิเวอร์พูล ก็เป็นทีมที่ผมให้กำลังใจทุกนัดนะ อยู่กลุ่ม หงส์ ใน เฟซบุ้ค ก็เยอะอยู่ จังหวะแบบนี้ ลิเวอร์พูล ก็เคยโดน พอตอนเสียผลประโยชน์ แฟนบอลหลาย ๆ คนก็บอกว่าแดง แต่พอได้ประโยชน์ กลับบอกว่าเหลือง ผมก็งงกับตรรกะนี้ดีเหมือนกัน
ผมก็เลยถามกลับกันไปว่าถ้าเปลี่ยนจังหวะนั้นเป็น ฟาน ไดจ์ แล้ว เมอร์เตนส์ เสียบใส่แบบนั้น the kop จะมองกันเป็นใบอะไรอีก เอาง่าย ๆ ถ้าให้เหลือง ก็บอกว่ากรรมการเป่าเอียงมา นาโปลี อีก คือผมว่าเคสนี้ แล้วแต่ดุลยพินิจ ความคิดใคร ความคิดมัน ไว้ถ้าผมเห็นเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นกับ ลิเวอร์พูล บ้าง เดี๋ยวมาดูกันว่าคอมเมนต์แต่ล่ะอย่างจะเป็นแบบไหน จะได้รู้ก็คราวนี้แหละว่าแฟนบอลประเภทไหน หลับหู หลับตาเชียร์ แฟนบอลคนไหน ความจำสั้นทำเป็นลืม
พูดถึงเกมการแข่งขัน ลิเวอร์พูล ทำได้ดีกว่าทุกอย่าง นาโปลี เป็นรองอยู่แล้ว ซึ่งผมมองว่า นาโปลี เล่นได้ตามแผนที่ อันเช่ วางมาทุกอย่าง แต่เพราะความผิดพลาดส่วนบุคคล เลยทำให้ทุกอย่างผิดแผนไปหมด นั้นคือ รุย ที่ไปพลาดในจังหวะประตู 1-0
เกมมันน่าจะจบตั้งนานแล้ว ถ้า ลิเวอร์พูล ไม่ยิงทิ้งขว้างกันเอง เชื่อว่าบอร์ด ss คงมีลุ้นล่ม ถ้า มิลิค ยิงลูกนั้นเข้าไป ซึ่งก็ต้องชม อลิสสัน ที่ยังมีสมาธิจนกระทั่งท้ายเกม
รุย ในเกมแรกถือว่าได้รับคำชมมาก แต่ว่าไม่สม่ำเสมอ เกมนี้ตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าเป็นแบบนั้น เกมแพ้ โรม่า 4-2 ก็เพราะ รุย, แพ้ ยูเว่ 3-1 โดนใบแดงจนหมดโอกาสคัมแบ็ค ก็เพราะ รุย, นำ ซเวซด้า 3-0 จากลูกได้-เสีย +4 มาเหลือ +3 ทำให้เงื่อนไขเกมสุดท้ายคือแพ้ 1-0 ไม่ได้ ก็เพราะ รุย อีก ซึ่งความผิดพลาดเยอะเกินไป มันมีมาให้เห็นเรื่อย ๆ จนน่าเบื่อ ถ้าไม่เสียประตู โอเค แต่ถ้าเสียประตู คือชิบหาย วิธีแก้ปัญหาเดียวคือให้แกปรับปรุงฟอร์มของตัวเอง และ กูลาม กลับคืนฟอร์มโดยเร็ว กับอีกแบบหนึ่ง คือซื้อใหม่เลย
ซิลินสกี้ ทำให้เห็นอีกครั้งว่าเขาเล่นปีกซ้ายไม่ได้ เคสนี้น่าเห็นใจตรงที่ว่า อันเช่ ไม่มีปีกซ้ายให้ใช้งานแล้ว อูนาส คือปีกขวา ยูเนส เพิ่งกลับมาฟิต และ แวร์ดี้ เจ็บ ส่วน อินซิเญ่ ทาง อันเช่ แกยืนยันชัดเจนว่าจะใช้หมอนี้เล่นหน้าเป้า คือพอเห็น ซิลินสกี้ เล่นปีกซ้าย รู้สึกได้เลยถึงความไม่เป็นธรรมชาติ เล่นแบบฝืน ๆ เกมนี้ อันเช่ ใช้ ฟาเบียน ก่อน ซึ่งก็เป็นกองกลางเหมือนกัน แต่ถูกจับมาเล่น ผมมองเห็นว่ามันไม่ใช่ธรรมชาติของทั้ง 2 คนเลย
หลังเกม อันเช่ ให้สัมภาษณ์ชมลูกทีมว่าทำได้เกินคาดแล้ว ไม่มีใครคิดว่าด้วยขนาดทีมที่เป็นรอง ทีมจะมาถึงขนาดนี้ จะได้ลุ้นถึงเกมสุดท้าย ชนิดที่ว่าแพ้แค่เกมเดียว โดย อันเช่ ก็หวังให้ทีมพกฟอร์มการเล่นแบบไปเล่นใน ยูโรป้า ลีก ด้วย พร้อมกับหวังให้ดวงจะเข้าข้างทีมของเขาบ้าง (ไม่แน่ใจว่า ยูโรป้า จะใช้ VAR ปีนี้มั้ย)
ส่วนเรื่องจังหวะ ฟาน ไดจ์ ทาง อันเช่ ก็ถูกนักข่าวถามว่ามองยังไง เขาก็บอกประมาณว่าเสียดายที่ ยูฟ่า เอามาใช้ในรอบ 16 ทีม เพราะมันสายเกินไปแล้วสำหรับพวกเขา ไม่รู้ใน soccersuck แปลยังไงนะ แต่ที่ผมแปลมา ผมได้ประมาณนี้
“เป็นใบแดงได้ มีการพูดคุยอย่างมากมายเกี่ยวกับ วีเออาร์ ในตอนที่มันจะมีการใช้ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก สำหรับเราแล้ว มันสายเกินไป”
แล้วก็มีสถิติใหม่ ๆ เกิดขึ้น เช่น อันเช่ ทำทีมตกรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2000-01 ซึ่งตอนนั้นยังคุม ยูเวนตุส อยู่
แล้วนี้เป็นความโชคร้ายในถ้วยนี้ของ นาโปลี อีกอย่างนึง เพราะ 2013-14 มี 12 แต้ม ก็ยังตกรอบมาแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ไอเหตุการณ์ทำนองนี้จะไปเกิดกับทีมอื่นบ้าง