ค่ำคืนวันนี้ (5 ธ.ค.) ขุนพล “ช้างศึก” จะเปิดราชมังคลากีฬาสถาน ล้างตา “เสือเหลือง” ให้หายสงสัย หลังจากบุกไปเสมอมา 0-0 ที่บูกิต จาลิล

แม้ผลนัดแรกจะไม่มีอะไรเสียหาย แต่ด้วยรูปเกมที่ไม่สะใจคอซาดิสต์ ทำให้โค้ชคีย์บอร์ดเข้ามาถล่ม “ช้างศึกสไตล์ลุงวัช” ว่าเป็น “รถบัสแห่งอาเซียน”

หลายคนคงอยากให้ “มิโลวาน ราเยวัช” เปลี่ยนสไตล์ ลงมาเปิดเกมบุกเอนเตอร์เทนแฟนบอล แต่ “ปรัชญา” หรือแนวทางการทำทีมของโค้ชแต่ละคน ย่อมไม่เหมือนกัน

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กุนซือชาวเซิร์บ ได้เข้ามาสร้างภูมิคุ้มกันใน “เกมรับ” ซึ่งเป็นจุดอ่อนของทีมชาติไทยให้แข็งแกร่ง และไม่เสียประตูง่ายๆ อย่างเช่นอดีต

แต่เครื่องหมายคำถามคือ “เกมรุก” โดยเฉพาะนัดเยือน มาเลเซีย ที่บูกิต จาลิล “ช้างศึก” มีโอกาสยิงแค่ 5 ครั้ง และไม่เข้ากรอบเลยนั้น ได้กลายเป็นบาดแผลให้โค้ชคีย์บอร์ดคอยซ้ำเติม

อย่างไรก็ตาม หากดูสถิติในรอบแบ่งกลุ่ม “ช้างศึก” ทะลวงตาข่ายคู่ต่อสู้ได้ถึง 15 ประตู มากที่สุดในรายการนี้ โดยเฉพาะเกมเหย้า 3 แมตช์ “ราเยวัช” พาทีมเก็บชัยชนะรวด โดยยิงได้ถึง 14 ลูก ด้วยแบบแผนการเล่นที่ยึดมั่นในสไตล์ของตัวเอง คือเน้นเกมรับเหนียวแน่น แล้วรอโอกาสโต้กลับ

เชื่อเหลือเกินว่า เกมล้างตาวันพุธนี้ “ราเยวัช” ก็คงจะใช้แผนเดิมคือ “ล่อเสือ(เหลือง)ออกจากถ้ำ” แล้วรอจังหวะเชือด เหมือนแมตช์ถล่ม อินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ ที่แม้ว่าเปอร์เซ็นต์การครองบอลจะสูสี แต่การสร้างสรรค์โอกาสเข้าทำ รวมทั้งความแม่นยำในการผ่านบอลของ “ช้างศึก” มีประสิทธิภาพมากกว่า

เพราะการเปลี่ยนสไตล์ของตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจเพลี่ยงพล้ำได้

เหมือนเพลงหนึ่งของพี่เสกท่อนสุดท้าย “อย่าฟังคำคน อย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว คนแน่แน่วเท่านั้น ผู้ชนะ”

ค่ำวันนี้ ผมเชื่อว่า “มิโลวาน ราเยวัช” มีแผนรับมือ “เสือเหลือง” ไว้ในใจแล้ว

ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่รอเสียงเชียร์จากแฟนบอลชาวไทยให้กระหึ่มสนามราชมังคลากีฬาสถานเท่านั้น

เพจ #ช้างศึก

"เซื่อในสิ่งที่เฮ็ด
เฮ็ดในสิ่งที่เซื่อ"

ด้วยดีกรีรอบ8ทีมบอลโลก ผมเชื่อ

ดูแล้วยังไม่พัฒนาจากเดิมเท่าไหร่
มือระดับนี้ควรทำให้เห็นความแตกต่างบ้างในระดับอาเซียน

ดูระบบเดิมด้วยครับ​ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆๆแบบพลิกผ่ามือ​

ถ้าแค่เอาโค้ชเก่งๆมาลงแล้วเปลื่ยนจากหน้ามือเป้นหลังมือ​ คงไม่มีคำว่าระบบ

คนครับไม่ใช่หุ่นยนต์​ เปลื่ยนคนเขียนโปรแกรมแล้วจะจบ

สู้กันต่อไปปป

เกมรับดี หรือเวลาเจอคู่แข่ง บังเอิญกองหน้าเขาฟอร์มตก

นี่ยังเป็นข้อสงสัยสำหรับผม

เข้าใจครับว่ามีระบบ แต่มันมีระบบเดียวหรือ??? เค้าซ้อมกันระบบเดียวใช่ไหม มันควรปรับได้ตามคู่แข่งไม่ใช่เหรอหรือผมเข้าใจผิดไปเอง ส่งสัยดูบอลต่างชาติมากไปเห็นเค้าเปลี่ยนระบบได้ตามคู่แข่งที่เจอ

อ๋อ แล้วก็ไม่ได้อยากเห็นว่าหน้ามือเป็นหลังมือ แต่มันควรจะเห็นความแตกต่างบ้างในอาเซี่ยน นี่เน้นเกมรับแต่ดูโอกาศของฝ่ายตรงข้ามมีไม่น้อยเลย ชอบอย่างเดียวมีการไล่เพรสซิ่งแดนหน้าให้เห็นบ้าง

ที่แน่ๆถ้าในรอบคัดเลือกบอลโลกผมอยากให้เล่นแนวนี้​ครับ​ เพราะถ้าออกไประดับเอเชีย​ เราจะไม่ใช่แมนซิตี้แห่งอาเซียน​ แต่เป็น​ คารดิฟ​ ต่างหาก

ในระดับอาเซียนเราอาจไม่ต้องรัดกุมขนาดนี้​ อาจต้องกสรให้นักเตะมีความคุ้นชินกับระบบหรือเปล่า​ เมื่อแข่งระดับเอเซีย
วันนี้เจอมาเลยในบ้านคงจะได้คำตอบ​ว่า​ บุกเป็นไหมเมื่อจำเป็น
รับแล้วโต้คงเป็นแทคติคที่น่าจะดีที่สุดหากต้องไประดับเอเชีย​ ผงานในระดับนั้นหากพอชนะบ้างแพ้บ้าง​ก็ถือว่าประสบความสำเร็จระดับนึง

แล้วแต่ท่านเลยครับ เอาที่สบายใจ

เกมรับที่ดีที่สุดก็คือ..”เกมบุก” #มีบ้างมั้ยอ่ะ???

ตะบี้ตะบันรับ เล่นในบ้านก็รับ เล่นกับทีมที่อ่อนกว่าก็รับคงไปไม่ได้ไกลกว่านี้

อย่าไปเถียงเลยครับ

อย่าได้วิจารย์เชียวรา้ยวัช เดี๋ยวเป็นแฟนบอลเวล1 นะ
แหม่พวกเวล99 เค้าว่ากันแบบนั้น

แต่ผมบอกเลยราเยวัชไม่เหมาะกับทีมชาติไทย ย้อนไปดูสถิติสิ มันฟ้องตัวมันเองทั้งนั้นครับ ถ้าเข้ามาแล้วระดับอาเซียนผลงานตกลงแบบเห็นได้ชัดแบบนี้ ถามตรงๆจะหวังอะไรกับเอเชีย

โค้ชญี่ปุ่น เกาหลี พวกนี้มันแนวทางบอลเอเชีย ไม่ลองเอามาบ้างอะ