10 นักเตะที่เปลี่่ยนตำแหน่งแล้วรุ่ง
ที่มา/แปลจาก :
https://talksport.com/football/244143/change-position-10-players-who-became-better-after-changing-their-role-including-thierry
1. Gareth Bale
ก่อนที่จะย้ายมาสเปอร์นั้น เบลเล่นตำแหน่งแบ็คซ้ายให้กับเซาท์แธมตัน รวมถึงสมัยไปเล่นกับน็อตติ้งแฮมฟอเรสต์แบบยืมตัวด้วย แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมาก จนเมื่อได้ย้ายมาสเปอร์สมัยแฮรรี่ เรดแนปด์ และเขาถูกจับเล่นปีกซ้ายจากนั้นก็ฉายแววเด่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนได้ชื่อว่าเป็นตัวรุกที่น่ากลัวที่สุดคนนึงบนโลกนี้ จนราชันชุดขาวทุ่มค่าตัวสถิติโลกดึงไปรวมทีมจนถึงปัจจุบัน
2. Thierry Henry
ตั้งแต่สมัยเริ่มเล่นฟุตบอลอาชีพกับโมนาโก อาร์เซน เวงเกอร์ (สมัยยังคุมโมนาโก) มอบหมายอองรีให้รับบทบาทเป็นตัวริมเส้น เพราะด้วยความที่เขาเป็นนักเตะที่มีทั้งความเร็วและความแข็งแกร่ง แต่หลังจากที่ทั้งคู่มาร่วมงานกันอีกครั้งที่อาร์เซนอลในปี 1999 อองรีก็ได้เปลี่ยนบทบาทให้มาเล่นกองหน้าตัวกลาง และถึงแม้อองรีต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่บ้าง แต่ไม่นานเขาก็ยืนยันได้ว่าการตัดสินใจของเวงเกอร์ที่หุบเขามาเล่นกองหน้าตัวกลางนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ด้วยการกลายมาเป็นดาวซัลโวตลอดกาลของอาร์เซนอลพร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย กับแชมป์เอฟเอคัพ 3 สมัย
3. Vincent Kompany
ในปี 2008 กอมปานีย้ายจากฮัมบูร์กมาเรือใบสีฟ้าด้วยความคาดหมายว่าจะมาเล่นมิดฟิลด์ตัวรับ แต่โรเบอร์โต มันชินี่นายใหญ่แมนซิตี้ในตอนนั้นเห็นแววความแข็งแกร่งและจับกอมปานีไปยืนคุมเกมส์ในแดนหลัง จากนั้นเขาก็พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ จนเป็นเซนเตอร์ฮาร์ฟตัวหลักของทีมและได้รับความไว้วางใจให้สวมปลอกแขนกัปตันทีม และสามารถพาเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในปี 2012 เมื่อครั้งกอมปานีอายุได้ 26 ปี เขาได้รับคำชื่นชมต่างๆ นานาว่าเป็นกองหลังที่ดีที่สุดในฟุตบอลอังกฤษยุคใหม่
4. Toni Kroos
เส้นทางค้าแข้งของ โทนี่ โครสนั้นไม่ได้โรบด้วยกลีบกุหลาบ ถึงแม้จะก้าวมาติดชุดใหญ่ของบาเยิร์น มิวนิคตั้งแต่อายุ 17 แต่ก็ถูกส่งต่อไปให้ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่นยืมตัวร่วม 18 เดือน ก่อนจะกลับมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทีมยักษ์ใหญ่แห้งแคว้นบาวาเรียในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก จนเมื่อปี 2011 ปู่จุปป์ ไฮน์เก้ ก็เปลี่ยนชะตาชีวิตของโครสด้วยการปรับให้เขามาเล่นมิลฟิลด์ตัวกลางที่มีหน้าที่ทำเกมส์จนเขาเป็นตัวหลักของทีม จากนั้นเขาก็ย้ายมาอยู่กับราชันชุดขาวซึ่งแทนที่ตำแหน่งของซาบี อลองโซ่ได้อย่างไร้รอยต่อ
5. Javier Mascherano
มิดฟิลด์ตัวรับจอมแกร่งถูกย้ายมาเล่นกองหลังตัวกลางเมื่อเขาย้ายมาเล่นกับบาร์เซโลน่าในปี 2010 แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแบบทันทีทันใด มิดฟิลด์ชาวอาร์เจนติน่านั้นสร้างชื่อของเขากับลิเวอร์พูลภายใต้การนำของราฟา เบนิเตช ก่อนจะเข้าตาทีมยักษ์ใหญ่แห่งคาตาลันและดึงไปร่วมทีมในที่สุด ในช่วงแรกหลังย้ายทีมดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากของนักเตะหน้าง่วงที่จะต้องปรับสไตล์การเล่นให้เข้ากับฟุตบอลที่ไหลลื่นของบาร์ซ่า แต่เขาก็พิสูจน์ตัวเองได้ในตำแหน่งกองหลังตัวกลางนัดที่เล่นแชมป์เปี้ยนลีคกับอาร์เซนอลที่เขาจับตายนิโคลัส เบนทเนอร์ กองหน้าของอาร์เซนอลได้อยู่หมัด และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นในตำแหน่งใหม่ของเขาที่พาต้นสังกัดคว้าแชมป์ได้มากมาย
6. Sergio Ramos
ตั้งแต่รามอสย้ายจากเซบีญ่าด้วยค่าตัว 18.5 ล้านปอนด์มาทีมใหญ่แห่งเมืองหลวงเมื่ออายุได้ 19 ปี ตลอด 8 ปีกับราชันชุดขาว เขารับหน้าที่แบ็คขวาเป็นหลัก ผลงานก็ไม่ดีแต่ก็ไม่ร้ายอะไร จนเมื่อปี 2011 ภายใต้การกุมบังเหียนของโจเซ่ มูริญโญ่ นายใหญ่ชาวโปรตุเกสก็จับพี่มอสมายืนตำแหน่งกองหลังตัวกลาง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในอาชีพทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ จนเป็นหนึ่งในกองหลังระดับยุโรปและระดับโลกในปัจจุบัน
7. Robin van Persie
อาร์เซน เวงเกอร์ เซนต์สัญญากับนักเตะหนุ่มชาวดัชต์ (ในสมัยนั้น) เพื่อมาสืบทอดการรีไทร์ของเดนนิส เบิร์กแคมป์ เมื่ออายุ 20 ปี RVP เดินทางมาถึงลอนดอนและได้รับความไว้วางใจให้เล่นตำแหน่งตัวริมเส้น แต่เวงเกอร์กลับเห็นแววและใช้แนวคิดเดียวกับเธียรี่ อองรีโดยการปรับให้ RVP เข้าไปเล่นตำแหน่งกองหน้าตัวกลาง และได้พิสูจน์ตัวเองว่าเขาคือเพชรฆาตหมายเลข 10 ที่ดีที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ชาติดัชต์ ก่อนที่จะถูกเซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน ดึงตัวไปร่วมทีมปิศาจแดงและก็ไม่ทำให้สาวกเร้ด อาร์มี่ต้องผิดหวัง
8. Andrea Pirlo
มิดฟิลด์สุดคลาสสิคชาวอิตาเลี่ยนรายนี้เป็นคนที่จารึกในประวัติศาสตร์ลูกหนังแก่คนรุ่นหลังว่า "มิดฟิลด์ตัวยืนต่ำนั้นจะต้องเล่นบอลแบบไหน" ซึ่งแต่เดิมนั้น อันเดรียส ปิร์โล่ ถูกจับให้เล่นมิดฟิลด์ตัวยืนสูงและขยับขึ้นไปทำเกมส์รุก เห็นได้จากที่เขาได้สวมเสื้อเบอร์ 10 สมัยเล่นให้เบรสชา จากนั้นก็ย้ายไปเล่นให้งูใหญ่อินเตอร์มิลาน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก จนต้องย้ายกลับเบรสชาแบบยืมตัวภายใต้การทำทีมของคาร์โล มาซโซเน่ และที่นี่เองเขาถูกเปลี่ยนมาให้เล่นมิดฟิลด์ตัวยืนต่ำและเริ่มทำผลงานได้ดี ก่อนที่ปิศาจแดงดำ เอซีมิลานจะไปดึงตัวปีร์โล่มาจากคู่แข่งร่วมเมือง และที่นี่เองปีร์โล่ประสบความสำเร็จ เป็นคีย์แมนคนสำคัญพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีคได้ถึง 2 สมัย
9. Bastian Schweinsteiger
ชไวนี่เริ่มต้นคว้าแข้งด้วยตำแหน่งปีกซ้าย ด้วยความสามารถในการเลี้ยงบอลและการเตะลูกนิ่งที่สุดวิเศษ ทำให้เขาไปรับการเสนอสัญญาจากยักษ์ใหญ่อย่างบาเยิร์น มิวนิคและได้รับโอกาสติดทีมชาติไปพร้อมกัน แต่ด้วยสายตาอันแหลมคมของหลุยส์ ฟาน กัล นายใหญ่เสือใต้ในเวลานั้น เขาเห็นถึงพรสวรรค์ของชไวนี่ที่มีเทคนิคเฉพาะตัว มีการอ่านเกมส์ที่เฉียบขาด การบัญชาเกมส์ที่ยอดเยี่ยม และมีการเข้าบอลที่มีประสิทธิภาพ จึงจับเขามาเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวคุมเกมส์ตรงกลาง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้ชไวนี่นั้นจารึกชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดมิดฟิลด์ที่ครบเครื่องที่สุดของวงการฟุตบอลเป็นระยะเวลาหลายปี
10. Gianluca Zambrotta
ย้อนไปเมื่อปี 1999 เมื่อตอนที่เขาย้ายไปร่วมทีมยูเวนตุส ตอนนั้นทั้งทีมคาดหมายว่าเขาจะเข้ามาเป็นปีกขวาพรสวรรค์สูงของทีม อย่างไรก็ตามมาร์เซโล่ ลิปปี้ก็ได้เปลี่ยนเขาไปเล่นตำแหน่งฟูลแบ็คขวา ซึ่งนับเป็นตำแหน่งแจ้งเกิดของเขาต่อสายตาชาวโลก และด้วยความที่สามารถสลับไปเล่นฟูลแบ็คทางฝั่งซ้ายก็ได้ ทำให้ซามบล็อตต้าได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแกนหลักของทั้งทีมม้าลายและทีมชาติอิตาลี และด้วยการร่วมงานกับลิปปี้ในชุดแข่งทีมชาติในปี 2006 เขาก็พาพลพรรคอัซซูรี่คว้าแชมป์โลก 2006 ได้สำเร็จ