ย้อนรอย‘ผี’โกงตาย‘ม้าลาย’ ไปกับ ยอร์ค&โคล
แม้ว่าจะผ่านไปแล้วกว่า 20 ฤดูกาลของการแข่งขัน แต่แน่นอนว่าแฟนบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรุ่งเรืองคงจะไม่มีใครลืมค่ำคืนที่ลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โกงความตายเขี่ย ยูเวนตุส ตกรอบไปทั้งๆที่โดนนำก่อน 2-0 กรุยทางสู่เทรปเปิ้ลแชมป์ได้
มันเป็นแมตช์แห่งการตัดสินเพื่อตั๋วนัดชิงแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ครั้งแรก ของทีมในรอบ 31 ปี แถมยังเป็นเกมที่ รอย คีน โคตรกัปตันทีมในชุดนั้นเล่นได้อย่างไร้ที่ติที่สุดเกมหนึ่ง แม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะโดนใบเหลืองในเกม จนอดลงเล่นเกมนัดสุดท้ายสู่ถ้วยโทรฟี่ย์ เฉกเช่นเดียวกับ พอล สโคลส์ ก็ตาม
Sportsmail จึงจะขอพาย้อนรอย “The Miracle of Turin” ของ “ปีศาจแดง” กันอีกครั้ง จากปากของกองหน้าคู่หูที่ประสบความสำเร็จที่สุดของยุคในทีมชุดนั้นอย่าง แอนดี้ โคล และ ดไวท์ ยอร์ค ซึ่งทำประตูในเกมดังกล่าวได้ทั้งคู่ พร้อมกับ ไคลฟ์ ไทล์เดสลี่ย์ ผู้บรรยายของ ITV ในเกมเดียวกัน
ก่อนเกม : ก่อนที่การแข่งขันนัดนี้จะเริ่มขึ้น แน่นอนว่าราคาพนันต่างก็เทไปทางคู่แข่งของทีม ยูไนเต็ด กันทั้งสิ้น จากการที่เกมนัดแรกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด พวกเขาป้อแป้จนเกือบแย่ ดีที่ได้ลูกยิงตีเสมอในช่วงท้ายเกมของ ไรอัน กิ๊กส์ ช่วยต่อลมหายใจเอาไว้ อีกทั้งคู่หูแข้งทองอย่าง โคล&ยอร์ค เองก็ไม่สามารถยัดบอลเข้าไปสู่ก้นตาข่ายได้เลยมาเป็นระยะเวลาเกือบเดือน
โคล : ที่จริงมันก็คงจะไม่แย่สำหรับเรามากหรอกนะ ถ้ายิงไม่ได้แค่เกมสองเกมน่ะ! เรารู้ว่าเราจะต้องทำประตูให้ได้ ยูเวนตุส เป็นโคตรทีมของยุโรปในตอนนั้น เราเคยเล่นกับพวกเขามาก่อน แล้วก็ไม่เคยเล่นได้ดีกว่าเลย เกมรับของพวกเขามันสุดยอด ตามแบบฉบับของทีมจากอิตาลี แต่แถมด้วยการสร้างสรรค์เกมของทั้ง เอ็ดการ์ ดาวิดส์ แล้วก็ ซีเนอดีน ซีดาน ไหนจะมียิงอย่าง ฟิลิปโป้ อินซากี้ อีก บอสย้ำชัดเจนเลยว่าเราจะต้องทำให้ได้
ยอร์ค : คือมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ทุกคนจะคิดว่าเราไม่น่ารอดแน่ มันยากเอาการนะที่เราจะพลิกกลับมาได้ แต่ต้องบอกเลยว่า สปิริตของทีมในตอนนั้นมันเป็นอะไรที่แบบ ‘ว้าว ยูไนเต็ด คือสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสำหรับผม แล้วเราก็มีสุดยอดผู้จัดการทีมอีกด้วย’
โคล : ผมจำได้เลยนะว่า เซอร์ อเล็กซ์ พูดว่า ‘สนุกกับเกมซะ’ พวกเราตั้งใจที่จะไปให้ถึงแชมป์ยุโรปกันจริงๆ เราเคยเข้าใกล้มันมาแล้ว ตอนที่เล่นกับ ดอร์ทมุนด์ เมื่อ 2 ปีก่อนหน้านั้น เราเล่นได้ดีกว่า แต่กลับแพ้ทั้งไปกลับ พวกเขาทะลุเข้ารอบ แล้วก็เป็นแชมป์ เรารู้ว่าจริงๆแล้วเราทำได้ เรารู้ว่าเราต้องชนะทีมอย่าง ยูเวนตุส ให้ได้ถึงจะไปถึงฝั่งฝัน ผมไม่คิดว่าจะมีทีมไหนต้องเจอกับงานหินในแต่ละรอบเหมือนอย่างที่เราเจอใน ปี 1999 อีกแล้วล่ะ เราอยู่กลุ่มเดียวกับ บาร์เซโลน่า แล้วก็ บาเยิร์น มิวนิค ต้องเจอ อินเตอร์ มิลาน รอบก่อนรอง เจอ ยูเวนตุส รอบรอง แล้วก็ บาเยิร์น ในนัดชิง
ยอร์ค : ผมประทับใจปรัชญาของบอสนะ เขาแค่อยากให้เราแสดงตัวตออกมา สนุกกับการเล่น แล้วก็มีความสุขไปกับมัน ผมจำคำพูดของเขาได้ดี ผมมีงานที่ต้องทำ และ ผมรู้ว่าผมจะต้องทำมันให้ได้
ไทล์เดสลี่ย์ : มันเป็นฤดูกาลที่ผมเข้ามาแทนที่ของ ไบรอัน มัวร์ ในฐานะผู้บรรยายของ ITV ซึ่งต้องบอกว่า ตัวเลขผู้ชมเกมของเรามันยอดเยี่ยมมาก 20 ล้านคนดูเกมนัดชิงชนะเลิศกับ บาเยิร์น มิวนิค
เซอร์ อเล็กซ์ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ไบรอัน เสมอมา และผมก็ได้รับสานต่อความสัมพันธ์ดังกล่าวมาด้วย เรามักจะเจอกันที่ กริล รูม ในสนาม โอลด แทรฟฟอร์ด ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเริ่มเกมเสมอ เซอร์ อเล็กซ์ มักที่จะให้สัมภาษณ์กับพวกเราก่อนที่ครึ่งหลังขะเริ่มเช่นเดียวกัน ซึ่งมันก็จะถูกถ่ายทอดส่งต่อไปยังผู้คนนับล้านที่ไม่ได้มาที่สนาม
เขาเชื่อถือในเรื่องข้อมูลในตัวผมเสมอ มันมีรายการ แมตช์เดย์ ซึ่งเวลาที่ แมนฯยูไนเต็ด แข่ง เขาจะส่งรายชื่อ 11 ตัวจริงมาให้ผมเสมอในช่วงเที่ยง ก่อนที่จะโทรหาผมในช่วงบ่ายบ้างบางครั้ง หากว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
11 นาทีหลังเกมเริ่ม : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ 2-0 จากฝีเท้าของ อินซากี้ ทำให้ตอนนี้พวกเขาตามอยู่ 3-1 ของสกอร์รวม 2 นัด
ยอร์ค : เราช็อคกันตาตั้งเลย ยูเวนตุส เริ่มต้นกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกคนต้องคิดว่ามันจบแล้ว แต่สำหรับพวกเรา เราจะใส่กลับไปแบบไม่ยั้ง หากว่าโดนแบบนั้นเข้า
โคล : จริงๆเรารู้ว่าเรามีอาวุธหนักที่สามารถจะทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำนะ เรายิงได้ 3 ลูก ในเกมกับ บาร์เซโลน่า รอบแบ่งกลุ่ม แล้วก็ยิงอีก 2 กับ บาเยิร์น แต่เอาจริงๆ ถ้าต้องทำ 3 ประตูกับทีมอย่าง ยูเวนตุส มันเป็นอีกเรื่องไปเลย
ไทล์เดสลี่ย์ : แกรี่ เนวิลล์ ประกบ อินซากี้ ได้อย่างดีไม่ต่างจากกองหลังอิตาลีระดับโลกเลยนะ เขาคว้า อินซากี้ เอาไว้แล้ว แต่ อินซากี้ ก็ยังสะบัดหลุดเข้าไปยิงได้ เขานี่มันโคตรตัวจบสกอร์เลยจริงๆ
คือมันง่ายนะที่จะบอกว่า ยูไนเต็ด เองก็มีคาแร็คในการไม่ยอมแพ้ที่ชัดเจน แต่มันมองไม่ห็นสักทางเลยที่พวกเขาจะกลับมาได้ในเกมนั้น ถึงแม้ว่าจะเหลือเวลาอีกเยอะก็เถอะ
โคล ได้โอกาสยิงในช่วงระหว่างที่ ยูเวนตุส ทำประตูแรก กับ ประตูที่สองได้ แต่เกมมันก็แบบนี้ เหมือนอย่างที่ บาเยิร์น ต้องเจอ ยูไนเต็ด สามารถกระชากเอาถ้วยรางวัลจากมือของคุณไปได้ต่อหน้าต่อหน้า ทั้งๆที่คุณถือมันเอาไว้อยู่กับตัวแท้ๆ
นาทีที่ 24 : คีน ยิงประตูตีไข่แตกได้จากลูกโหม่ง ก่อนที่เขาจะถูกจดชื่อในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา จากการทำฟาวล์ใส่ ซีดาน ซึ่งทำให้เขาต้องอดลงเล่นเกมนัดชิงชนะเลิศ แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ไป
ไทล์เดสลี่ย์ : ผมเรียกมันว่า “กัปตัน โกล เพื่อ แมนเขสเตอร์ ยูไนเต็ด” นั่นคือ รอย คีน นักเตะที่มุ่งมั่น ดุดัน แต่ก็เก่งกาจในการโหม่งบอลทำประตู นั่นทำให้ผมรู้จักเขาอย่างชัดเจน
ด้วยคาแร็คเตอร์ของเขา เอาจริงๆใบเหลืองใบนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบถึงตัวเขาเลย มันไม่ได้มีผลอะไรทั้งนั้น เขาเป็นประเภทที่สามารถทำประตู หรือ เสียบสกัดจนนักเตะคนอื่นเจ็บ แล้วก็กลายมาเป็น คีน คนเดิมในอีกไม่วินาที
เขาเป็นพวกเลือดข้นที่มีความแน่วแน่สูง ซึ่งอยู่ในระดับที่สุดยอด เหมือนกับนักกอล์ฟที่เพิ่งจะทำดับเบิ้ล โบกี้ไปหมาดๆ แต่กลับเล่นหลุมต่อไปได้เหมือนอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนนักเทนนิสที่ตีเสียไป 2 ลูกติดๆ แล้วก็เสิร์ฟเอชได้เฉย เขามีความยอดเยี่ยมในตัวเอง ผมชอบเขานะ
โคล : รอย น่ะยิ่งใหญ่นะ มันเหมือนอย่างกับว่า เขาพูดกับตัวเองว่า ‘ถึงกูจะไม่ได้เล่นนัดชิง แต่กูจะทำทุกอย่างเพื่อมั่นใจว่าเพื่อนกูจะได้เล่น!’
ในห้องแต่งตัวหลังจากนั้น เขาดูโอเคมากเลยนะ ถึงเขาจะผิดหวังที่อดลงเล่นนัดชิงชนะเลิศ แต่เขาก็ร่วมเฉลิมฉลองไปกับพวกเรา
ยอร์ค : เอาตรงๆตอนนั้นผมไม่คิดเลยว่าใบเหลืองใบนั้นจะทำให้ รอย อดเล่นเกมนัดชิง ผมเพิ่งมารู้ตัวก็ตอนที่ผู้จัดการทีมประกาศชื่อคนที่จะได้ลงเล่นในนัดชิงวันอังคาร ซึ่งผมเองกเพิ่งรู้ว่า สโคลซี่ ที่โดนใบเหลืองจากเกมนั้นเหมือนกัน กับ คีน จะไม่ได้ลงเล่น ตอนนั้นผมสนใจแค่การซ้อม ซ้อม แล้วก็ซ้อมเท่านั้น ผมไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น พอรู้อีกที มันก็แบบ “เชี่ยแล้ว กัปตันไม่ได้ลง’ แล้วก็ ‘เชี่ยอีกแล้ว สโคลซี่ แม่งก็ไม่ได้ลง!’
34 นาทีผ่านในเกม : โคล เปิดบอลให้ ยอร์ค โหม่งทำประตูตีเสมอได้ ถึงตรงนี้ ยูไนเต็ด กลับมาได้เปรียบจากกฏการยิงประตูทีมเยือน
โคล : การประสานงานกันของเราเริ่มไปได้สวยตั้งแต่เราเล่นกับ เซาแธมป์ตัน จริงๆแล้วผู้จัดการทีมไม่ได้คิดเรื่องนี้ไว้ เพราะ เซอร์ อเล็กซ์ ต้องการดึง แพทริค ไคลเวิร์ต มาร่วมทีม แต่เขาดันย้ายไป บาร์เซโลน่า
ตอนเริ่มฤดูกาล ดไวท์ เล่นคู่กับ โอเล่ โซลชา, เท็ดดี้เชอร์ริงแฮม, สโคลซี่ แล้วก็ กิ๊กซี่ จนกระทั่งผมได้รับโอกาส มันเป็นโอกาสของผม และ ทุกคนบ้าคลั่งกันไปเลย
จริงๆผมเองมีโอกาสที่จะย้ายออกจากทีมไปในช่วงต้นฤดูกาลด้วยซ้ำนะ แอสตัน วิลล่า พยายามที่จะใส่ชื่อผมลงไปในข้อเสนอของ ดไวท์ แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีอะไร ผมรอโอกาสของผม รอ และ ไม่เคยโต้แย้งอะไรกับ เซอร์ อเล็กซ์ เลย
ยอร์ค : โคล ดูแลผมเป็นอย่างดีเลยนะ เขาแนะผมว่าตรงส่วนไหนของเมืองที่ไม่ควรไป เขาเชิญผมไปที่บ้านเพื่อทานอาหารค่ำ แล้วก็ทำอาหารอินเดียให้ผมกินอีกต่างหาก ไก่บ้าง ข้าวบ้าง
ทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้นถ้าผมจะมาแย่งตำแหน่งเขา? นั่นคือการแสดงออกของความเป็นลูกผู้ชายนะ เขาไม่เคยกลัวที่จะแข่งขัน และ ไม่เขินอายที่จะทำดีกับผม ผมซาบซึ้งมากเลยจริงๆ จากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนอกสนาม ก็ค่อยๆซึมซับเข้าไปสู่การเล่นของพวกเราในเกม แล้วมันก็ยิ่งแน่นแฟ้น และ เข้าขากันมากขึ้น จนถึงตอนนี้เรายังสนิทกันอยู่เลย
นาทีที่ 83 ของเกม : ยูไนเต็ด ทำประตูที่ 3 ได้จาก โคล หลังจากที่ ยอร์ค ลากบอลผ่าน 3 กองหลังของ ยูเว่ ก่อนที่จะถูก แองเจโล่ เปรุซซี่ รวบล้มลง บอลทะลักไปถึง โคล ที่ตามมาแปเนียนๆเข้าประตู
ไทลเดสลี่ย์ : ผมตะโกนออกมาว่า ‘พุ่งสู่ บาร์เซโลน่า ด้วยประตูชัยของ โคล’ ผมไม่เคยคิดบทในการบรรยายเกมมาก่อนเลยนะ
ประตูสุดท้ายมันตัดสินทุกอย่าง มันทำให้ ยูไนเต็ด นำห่าง 2 ลูก ผมอาจจะเป็นผู้ฉลองชัยแทนสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่จริงๆแล้วผมเป็นแค่ผู้สังเกตการณ์ เป็นผู้นำสารให้กับผู้คนที่ไม่ได้อยู่ในสนาม ก่อนมันจะกลายมาเป็นข่าวหน้าหนึ่ง และ ภาพจากนัดชิงนั้นมันก็เหลือเชื่อไปเลย(เปลี่ยนมาพูดถึงเกมนัดชิงชนะเลิศ กับ บาเยิร์น มิวนิค)
ยอร์ค : การเดินทางจากพื้นที่ แถบคาริบเบียน มาสู่ ห้องแต่งตัวในสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอะไรที่ทำให้ผมต้องหยิกตัวเองอยู่เสมอว่ามันใช่เรื่องจริงไหม นั่นเป็นหนึ่งในเกมการเล่นตลอดอาชีพค้าแข้งของผม แต่มันก็เหมือนแบบ ‘เราจะทำให้ดีกว่านั้นได้ยังไงอีก?’ มันมักจะมีความท้าทายใหม่อยู่เสมอ
ให้พูดจากใจเลย ผมเกือบคิดเรื่องแขวนสตั๊ดหลังจากที่เราได้ 3 แชมป์แล้วนะ มันแบบ แล้วเราจะไปยังไงกันต่อ? จากฤดูกาลนั้น เราคว้าแชมป์ลีกได้ 3 สมัยติดก็จริง แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะกลายเป็นความน่าผิดหวังเล็กๆไปเลย หลังจากความยิ่งใหญ่ในการคว้า 3 แชมป์ครั้งนั้น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นบทสัมภาษณ์และบทความที่ผมแปลมาจากเว็บ Daily Mail นะครับ เห็นว่าน่าสนใจดี บวกกับคิดถึงทั้ง ยอร์ค และ โคล ด้วย แถมยังได้อ่านอะไรเพลินๆก่อนเกมที่ทั้ง 2 ทีมจะเจอกันในคืนวันอังคารนี้ด้วย จึงคิดว่าทุกคนน่าจะชอบ ติชมได้เช่นเคย ขอบคุณครับ
---------------------------------------------------------------------------------------
แก้ไขล่าสุดโดย Zaine_R เมื่อ Tue Oct 23, 2018 16:19, ทั้งหมด 2 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ