บอ.บู๋ - ปีศาจแดง & เจ้าชายซาอุฯ
ปีศาจแดง & เจ้าชายซาอุฯ
ท่านชีค มันซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน โอรสเจ้าอาหรับแห่งอาบูดาบี สถาปนาตัวเองเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นับตั้งแต่ปี 2008
เวลาผ่านไป 10 ปี พวกราชันแห่งทะเลทรายวอดวายไปกว่า 1,000 ล้านปอนด์ เพื่อเนรมิตให้ แมนฯ ซิตี้ พ้นร่มเงาของทีมร่วมเมืองเดียวกันพลางปลดตัวเองออกจากการเป็นเพียง "ลูกไล่" ของ แมนฯ ยูไนเต็ด แถมยังก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวงแห่งลูกหนังในนาทีนี้
ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว มัลคอล์ม เกลเซอร์ (ถึงแก่กรรม) และครอบครัวเข้ามาควบคุมและครอบครองกิจการของสโมสรปีศาจแดงได้สำเร็จแบบเด็ดขาด แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือนับตั้งแต่นั้นกระทั่งบัดเดี๋ยวนี้ โคตรเศรษฐีแห่งเมืองมะกันบรรจงสูบรายได้จาก แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้วกว่า 1,000 ล้านปอนด์
เห็นความแตกต่างกันระหว่างเจ้าของทีมของทั้ง 2 สโมสรอย่างคมชัดพอหรือยังครับ?
ตอนพวกเกลเซอร์มาใหม่ๆ จึงถูกต่อต้านจากบรรดาผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจแดงและกลุ่มกองทัพแดงแถวนั้นอย่างจงหนัก ด้วยวาทะกรรมที่ว่า "Love United Hate Glazer" ขณะบางกลุ่มออกอาการรับไม่ได้ถึงขนาดแยกตัวออกไปตั้งสโมสรใหม่ในนาม "ยูไนเต็ด ออฟ แมนเชสเตอร์" แล้วไต่เต้าใหม่ตั้งแต่ระดับล่างสุดของนอกลีกเลยทีเดียว
เหตุเพราะพวกเกลเซอร์ไปกู้ยืมเงินจากธนาคาร เพื่อมาซื้อทีมปีศาจแดง
ว่าแล้วต้องขอทำความเข้าใจในเรื่องนี้กันอีกสักครั้งนะครับ เพราะยังมีผู้ที่หลงเข้าใจผิดอีกมากมาย คือสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นหนี้แบ๊งค์ ย้ำอีกครั้งว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นหนี้แบ๊งค์แต่อย่างใด ทว่าเมื่อเจ้าของทีมเป็นหนี้ พวกเขาก็ต้องเอารายได้ที่กอบโกยมาจากผลประกอบการของ แมนฯ ยูไนเต้ด นี่แหละไปใช้หนี้ให้ตัวเอง หรือเอาไปจุนเจือกิจการอื่นของตัวเอง รวมถึงตักตวงผลประโยนช์ให้ตนเองแทนที่จะเอาเงินส่วนนั้นไปทำนุบำรุงสโมสรอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพื่อครองความยิ่งใหญ่ไปตลอด
ผลกระทบที่ตามมาคือค่าเข้าชมเกม ค่าเข้าชมสนาม (สเตเดี้ยม ทัวร์) ค่าหนังสือโปรแกรม (แมตช์ เดย์) ค่านิตยสารรายเดือน ค่าสมาชิกที่แพงขึ้น รวมถึงราคาสินค้าของที่ระลึก และอะไรอื่นๆ อีกมากมายที่แฟนบอลอาจไม่รู้สึก
แน่นอนว่างบประมาณในการซื้อตัวดาวเตะใหม่มาร่วมด้วย
ยกตัวอย่างปี 2009 ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยอมขาย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้ เรอัล มาดริด ในราคา 80 ล้านปอนด์
หลังจากได้เงินก้อนนั้นมา พวกเขาแทบไม่ได้เอาผลกำไรจากตรงจุดนี้ไปซื้อดาวเตะคนใหม่เข้ามาทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปแบบสมน้ำสมเนื้อเลยด้วยซ้ำ และทั้งๆ ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด คือทีมที่ร่ำรวยที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล
มองเผินๆ เหมือนจะไม่มีปัญหาหรือได้รับผลกระทบอะไรจากการมาของพวกเกลเซอร์ด้วยซ้ำ แถมบางคนก็มองว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัวมากเกินไป
นั่นเพราะในช่วงแรกๆ ที่พวกปลิงมะกันเข้ามาเทคโอเวอร์ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเรืองอำนาจเหมือนเดิม โดยหารู้ไม่ว่าไอ้ที่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะ แมนฯ ยูไนเต็ด มีบรมกุนซือที่มากด้วยอัจฉริยะภาพอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซะมากกว่า
คุณป๋าไม่เคยแข็งข้อ ไม่เคยต่อต้าน และไม่เคยแม้แต่จะวิพากษ์-วิจารณ์เบื้องบนของสโมสรตัวเอง มิหนำยังทำตามนโยบายของหน่วยเหนือได้อย่างไม่สะทกสะท้านอีกต่างหาก
แต่นั่นเพราะกุนซือระดับเจ้าพระยานาหมื่นผู้นี้เป็นเพียงคนเดียวในโลกนี้ที่ได้รับอนุญาตจากท่านซาตายให้เสกความสำเร็จให้ปีศาจแดงได้โดยไม่จำเป็นต้องรบกวนเงินกองคลังของสโมสรมากนัก
เมื่อสูญเสียดาวเตะสำคัญอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกไป ป๋าสามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แล้วอย่าง นานี่ หรือตัวแทนที่ซื้อมาในราคาถูกกว่าอย่าง อันโตนิโอ วาเลนเซีย แล้วยังอุตส่าห์ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกแบบสบายๆ ไปอีก 2 สมัย
นี่คืออัจฉริยะภาพของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งถือเป็นข้อยกเว้น
แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ตกเป็นของพวกเกลเซอร์ในปี 2005 จนถึงฤดูกาลสุดท้ายที่ "เฟอร์กี้" อำลาตำแหน่ง - พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกถึง 5 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 1 สมัย โดยไม่ขอนับถ้วยรางวัลสำหรับคุณหนูๆ อย่าง ลีก คัพ นะครับ
ต่อเมื่อบรมกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถีบตัวเองออกจากตำแหน่งพ่อใหญ่แห่ง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ปัญหาก็บังเกิด เพราะทายาทที่มาแทนความสามารถไม่ถึงบ้าง หรือบารมีไม่ถึงบ้าง
ต่อเมื่อยังไม่เจอคนที่ใช่ ปัญหาความตกต่ำที่แสยะยิ้มให้สามารถแก้ไขในเบื้องต้นได้ด้วยการยอมลงทุนอย่างมหาศาล เพื่อคว้าตัวดาวเตะระดับอ๋องมารวมกันให้มากที่สุด
เรียกว่าใช้เงินซื้อความสำเร็จ
ก็เหมือนกับที่ แมนฯ ซิตี้ ทำนั่นแหละครับ
ทว่าก่อนเปิดฤดูกาลปัจจุบัน เบื้องบนของปีศาจแดงกลับไม่ยอมวอดวาย เพื่อกระชากดาวเตะตามที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องการมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งซะอย่างนั้น
เข้าใจว่าเพราะพวกพี่ๆ เขาคงมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการแสวงหาผลกำไรจากสปอนเซอร์อย่างเดียว โดยไม่ยอมเสียเงินมหาศาล เพื่อคว้าดาวเตะใหม่มาเสริมทัพ
กรรมมันก็เลยตกไปที่ผู้จัดการทีม แถมเป็นการโยนภาระให้แฟนบอลที่ไม่รู้อิโหน่อีเหน่อีกต่างหาก
เรียนตามตรงว่าคอลัมนิสต์ลูกหนังผู้มีอาการทางจิตอย่างผมคงเอาเลื่อยไฟฟ้ายัดเข้าไปในรูทวารหนักของ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้อย่างสะเด่ามือมากกว่านี้ หากช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเบื้องบนไปลากปราการหลังที่มีชาติตระกูลสุงอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ หรือ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ รวมถึงนักเตะระดับดาวดังคนอื่นๆ มาให้เขาใช้งาน
ล่าสุดสื่อบางสื่อแถวเมืองหลวงลูกหนังที่ไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่รายงานว่าเจ้าชาย โมฮัมมหัด บิน ซัลแมนส์ แห่งราชวงศ์ ซาอุฯ กำลังจะขอซื้อสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อจาก "เกลเซอร์ ฟัคกิ้ง แฟมิลี่" ด้วยมูลค่าที่มหาศาลถึง 4,000 ล้านปอนด์ (ตอนซื้อมาแค่ 800 ล้านปอนด์เอง)
อันนี้ก็ไม่รู้สินะว่ามันเป็นเรื่องจริงมากขนาดไหน
ถ้าจริง - พวกเกลเซอร์คง "เอาตาย" อย่างแน่นอน เพราะรายงานข่าวกล่าวว่าท่านเจ้าชายแห่งเมืองเศรษฐีน้ำมันมีทรัพย์สินไม่มากไม่มายสักเท่าไหร่ แค่ประมาณ 850,000 ล้านปอนด์เท่านั้นเอง (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 36 ล้านล้านบาท)
หากมันทำกำไรมโหฬารซะขนาดนั้น บางทีพวกเกลเซอร์อาจยอมเอาเงินก้อนมหึมานี้...ก็...เป็น...ได้
ว่าแล้วในฐานะของผู้อุทิศวิญญาณให้ปีศาจแดงคนหนึ่ง ขอภาวนาให้เป็นเรื่องจริงแล้วกัน เพราะเจ้าของทีมฟุตบอลก็มีอยู่แค่ 2 ประเภทเท่านั้นแหละ
หนึ่งคือเทคมาเพื่อให้เหมือนเจ้าของทีม แมนฯ ซิตี้ กับ เชลซี นี่แหละ
หนึ่งคือเทคมาเพื่อกอบโกยเหมือนเจ้าของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นยังไง
แต่ถ้าพวกเกลเซอร์ไม่ยอมขาย แล้วเจ้าชายแห่ง ซาอุฯ เปลี่ยนเป้าหมายไปขอซื้อ ลิเวอร์พูล ต่อจาก จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ แทน
หากเป็นแบบนั้นเด็กผีทุกหมู่เหล่าคงต้องสบถออกมาในสำเนียงแมนคูเนี่ยนล่ะครับว่า...
ก็อดแดมน์ ดั๊มพ์ชิต สติวปิด แอนด์ มาเธอร์ฟัคเกอร์
Spoil
https://www.facebook.com/borbou23/posts/913570009031295