ที่เค้าบอกว่าสามารถชี้นำ แก้กฏหมาย เอื้อประโยชน์ตนเอง

ซ.พ. , elephant ?

อันนี้ผมอยากทราบเฉยๆ พอดีได้ไปทำงานกับองค์กรนึง วิสัยทัศน่ากลัวมาก

ผมว่ามันเป็นวาทกรรมสร้างขึ้นมาให้คนบางกลุ่มเกิดภาวะไม่มั่นคง หรือแม้กระทั่งปลุกปั่นคนบางกลุ่ม

ผมมองว่าแบบนี้นะ

คือไม่ว่าจะระบบการปกครองแบบไหน การเมืองแบบไหน

มันจะมีคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ขึ้นมามีอำนาจ ขึ้นมานำ และได้ผลประโยชน์อยู่เสมอ

มันเป็นแบบนี้จริงๆ ตั้งแต่อดีต ไปจนถึงอนาคตนั่นแหละ

ประเทศไหนๆก็มีกลุ่มผู้มีอำนาจหรือผลประโยชน์ครับ

ขึ้นอยู่กับแบคกราว์นพื้นฐานแต่ละประเทศ (ว่ากันไป)

ทีนี้ ความน่ากลัวคือการปลุกปั่นแบบนี้ มันทำให้คนบางกลุ่มอยากจะลุกฮือขึ้นมา

เพื่อโค่นล้มอำนาจเดิม และหวัง (ลมๆแล้งๆ) ว่าอะไรๆจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

และตัวเองจะได้ก้าวขึ้นมามีผลประโยชน์อะไร มากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้บ้าง

แต่สุดท้าย มันก็แค่เค้กก้อนเดิม เปลี่ยนคนกินเท่านั้นเอง

ชาวบ้าน หรือกลุ่มที่ถูกปลุกปั่นก็ยังแบบเดิม ดีขึ้นก็ไม่มากกว่าเดิม เผลอๆอาจจะอยู่ที่เดิมด้วยซ้ำ

แค่เป็นหมากให้เกิดการเปลี่ยนขั้วผู้มีผลประโยชน์เท่านั้นเอง


อันนี้ตอบแบบกว้างๆ ในมุมมองผม

แต่ถ้าจะให้ตอบแบบเจาะจงให้เจ้าของมู้

ประเทศไทย กลุ่มนายทุนใหญ่ๆก็เครือ Cp , ปตท. กลุ่มพลังงาน

ประเทศอย่างเกาหลี ก็ Samsung, ฮุนได

ญี่ปุ่น คงเป็นกลุ่ม ผู้ผลิตรถยนต์ ประมาณนี้ละมั้งครับ

อังกฤษ จะเป็นพวก ธนาคาร นายแบงค์ ฯลฯ

ส่วนเรื่องแก้กม. เอื้อประโยชน์อะไรนี่ไม่คอมเม้นท์ละกันครับ

Edit

ชู่ววววว์

ปตท ไงครับ

ตอบกันดีๆเน้อ ระวังจะได้ขึ้นศาล

เงินคือพระเจ้า ใครมีเงินมากได้พระเจ้า

คนอย่างเราก็ได้เป็นทาสมันไป ทำงานของมันมัน่ายเงินให้ เสร็จแล้วก็เอาเงินนั้นกลับซื้อของมัน

นี่มันทาสยุค 2000 ชัด

ตอนนี้เขากระจายไปทั่วอาเซียนแล้วมั้ง กลุ่มพวกนี้ เวียดนาม ก็ไปลงทุนกันนิ

มีเงินเขาก็ลงทุนต่อไม่รอแล้ว


อย่างเซนทรัลนี้คือ ลงทุนซื้อที่เป็นสิบๆปีกว่าจะคืนทุน ต้องยอมจบงมไปหลายปี

ผมว่ามันเป็นวาทกรรมสร้างขึ้นมาให้คนบางกลุ่มเกิดภาวะไม่มั่นคง หรือแม้กระทั่งปลุกปั่นคนบางกลุ่ม

ผมมองว่าแบบนี้นะ

คือไม่ว่าจะระบบการปกครองแบบไหน การเมืองแบบไหน

มันจะมีคนกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ขึ้นมามีอำนาจ ขึ้นมานำ และได้ผลประโยชน์อยู่เสมอ

มันเป็นแบบนี้จริงๆ ตั้งแต่อดีต ไปจนถึงอนาคตนั่นแหละ

ประเทศไหนๆก็มีกลุ่มผู้มีอำนาจหรือผลประโยชน์ครับ

ขึ้นอยู่กับแบคกราว์นพื้นฐานแต่ละประเทศ (ว่ากันไป)

ทีนี้ ความน่ากลัวคือการปลุกปั่นแบบนี้ มันทำให้คนบางกลุ่มอยากจะลุกฮือขึ้นมา

เพื่อโค่นล้มอำนาจเดิม และหวัง (ลมๆแล้งๆ) ว่าอะไรๆจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

และตัวเองจะได้ก้าวขึ้นมามีผลประโยชน์อะไร มากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้บ้าง

แต่สุดท้าย มันก็แค่เค้กก้อนเดิม เปลี่ยนคนกินเท่านั้นเอง

ชาวบ้าน หรือกลุ่มที่ถูกปลุกปั่นก็ยังแบบเดิม ดีขึ้นก็ไม่มากกว่าเดิม เผลอๆอาจจะอยู่ที่เดิมด้วยซ้ำ

แค่เป็นหมากให้เกิดการเปลี่ยนขั้วผู้มีผลประโยชน์เท่านั้นเอง


อันนี้ตอบแบบกว้างๆ ในมุมมองผม

แต่ถ้าจะให้ตอบแบบเจาะจงให้เจ้าของมู้

ประเทศไทย กลุ่มนายทุนใหญ่ๆก็เครือ Cp , ปตท. กลุ่มพลังงาน

ประเทศอย่างเกาหลี ก็ Samsung, ฮุนได

ญี่ปุ่น คงเป็นกลุ่ม ผู้ผลิตรถยนต์ ประมาณนี้ละมั้งครับ

อังกฤษ จะเป็นพวก ธนาคาร นายแบงค์ ฯลฯ

ส่วนเรื่องแก้กม. เอื้อประโยชน์อะไรนี่ไม่คอมเม้นท์ละกันครับ

Edit

ก็เห็นด้วยนะครับว่าอาจจะมีส่วนตามที่ท่านพิมพ์ แต่เหตุผลหลักๆผมคิดมันคือถ้ามันมีกลุ่มเดียวผูกขาดได้แล้วมันจะแย่ครับ มันจะกำหนดราคาทุกอย่างได้

ผูกค้ารายย่อยจะอยู่ไม่ได้ อำนาจการต่อรองมันจะสูงเกินลองศึกษากรณีของ microsoft ก็ได้

มันควรมีการถ่วงดุลกัน แข่งขันกัน ถึงจะไม่ได้อัตราส่วนการตลาดที่พอๆกันแต่ก็ควรต้องมีคู่แข่ง

ผลมันตามมาเยอะกว่านั้นครับ อย่างเช่น บริษัทผมผลิตอะไรซักอย่างราคา 20 บาท เมื่อก่อนมีคู่แข่งแต่ผมไปเทคกิจการมันมา เหลือผมเจ้าเดียวในตลาดทั้งประเทศ

ผมขายของเหมือนเดิมแต่ราคา 40 บาท ผมขายได้เพราะมีแค่ผมที่ขายสินค้านี้เจ้าเดียว วันดีคืนดีอยากคืนทุนที่ไปเทคมาไวขึ้น ผมขึ้นราคาไปอีก 45 บาทแต่ก็ยังถูกกว่าการนำเข้า ผมก็ยังขายได้สบายๆ

ผลพวงมันตามมาอีกเยอะ บริษัทใน supply chain มีปัญหาหมดเพราะผมขึ้นราคา

แต่ผมผูกขาดเจ้าเดียวใครๆก็ต้องใช้สินค้าผม ไม่ใช้ของผม = ไม่มีให้ใช้ ใครจะทำอะไรผมได้อะนอกจากกฏหมาย

ใช่เลยครับ หลาๆยประเทศมีกฏหมายคงบคุมเรื่องการผูกขาด

แล้วหันกลับมามอง สคบ. บ้านเรา

อย่าเรียกครองประเทศดีกว่า

ผมเรียกว่าอยู่เป็น มีคนในตระกูลอยู่ทุกฟากทุกฝ่าย

เงินอาจจะซื้อทุกอย่างไม่ได้ก็จริงครับ
แต่เงินทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดเยอะครับ
คนเราทุกยุคทุกสมัย จะทำอะไรก็ตาม
มองที่ผลประโยชน์ก่อนเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
คนที่เรียกร้องต่างๆนานา หรือพวกที่ลุกฮือขึ้นมาต่อต้านนู่นนี่นั่น
เขาก็เรียกร้องผลประโยชน์เข้าตัวเองเช่นกัน
โดยการไปเอาเปรียบจากบรรดานายทุนที่คิดว่าเขาได้ผลประโยชน์
มนุษย์เราส่วนมากล้วนเห็นแก่ผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละครับ
ความเป็นธรรมหรือความเท่าเทียมไม่มีจริงในสังคมหรอกครับ
เราแค่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับมันไปให้ได้อย่างมีความสุข

การซื้อ-ขายมันเป็นเรื่องของสองฝ่ายไง
คนขายจะตั้งราคาเท่าไหร่ก็สิทธิ์ของเขา
คนซื้อไม่พอใจ จะไม่ซื้อก็เรื่องของเขาเช่นกัน
สมมติท่านขายของอยู่ 40 บาท เป็นเจ้าใหญ่ครองตลาดอยู่
วันดีคืนดีมีรายเล็กมาขายตัดราคาท่านที่ 35 บาท
ท่านคงไม่อยู่เฉยแน่นอน ต้องใช้กลยุทธ์ต่างๆนานา
เพื่อบีบรายย่อยออกจากตลาดให้ได้
ท่านอาจจะยอมดั๊มราคาลงมา 25 ไปเลย เพื่อให้รายเล็กตายไป
เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องปกติของธุรกิจอยู่แล้ว

ปล.กฏหมายป้องกันการผูกขาดผมไม่แน่ใจไม่เคยศึกษา
ปกติเป็นในลักษณะไหนหรอครับ ถึงป้องกันได้

เซ็นทรัล CP PTT

แต่ใหญ่ที่สุดจริงๆ พูดไม่ได้

ผมอยากรู้มากกว่าว่าวิสัยทัศย์ที่น่ากลัวคือยังไง มาแถลงหน่อยดิ ไม่ต้องพูดชื่อองกรณ์หรอก