ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: พุงพลุ้ยคุยบอล กลับมาแล้ว
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Oct 2010
ตอบ: 4349
ที่อยู่: บนโลกนี้แหละ...
โพสเมื่อ: Tue Sep 25, 2018 22:26
(Day 12) สรุปข่าวประจำวันแค่ 7 นาทียกระดับความรู้รอบตัวของพวกท่าน
{ (Day 12) มาร่วมสละเวลาเล็กน้อยเพิ่มความรู้รอบตัวกันครับ }

---จุดประสงค์เพื่อ---

⦿ ผลักดันตนเองให้อ่านหนังสือ
⦿ เป็นแนวทางให้เพื่อนสมาชิกเห็นว่า อย่างน้อยที่สุด อ่านวันละ 7 นาทีก็เพิ่มพูนความรู้ให้แก่ตนเองได้
⦿ ตราบใดมีลมหายใจ การศึกษาคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต





เตือนสหรัฐ 'เล่นกับไฟ' ลงดาบจีนโทษฐานซื้ออาวุธรัสเซีย






รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยั่วโทสะจีนและรัสเซียในคราวเดียวกัน ประกาศคว่ำบาตรหน่วยงานในกระทรวงกลาโหมและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน โทษฐานซื้อเครื่องบินขับไล่ซูคอยและระบบมิสไซล์เอส-400 ของรัสเซีย ละเมิดกฎหมายคว่ำบาตรของสหรัฐ ด้านรัฐบาลจีนกริ้วจี้ให้ยกเลิกไม่งั้นเจอดี รัสเซียเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟ


การประกาศคว่ำบาตรกรมการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ (อีดีดี) สังกัดกระทรวงกลาโหมของจีน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐใช้กฎหมายคว่ำบาตรรัสเซียในการลงโทษประเทศที่ 3 และยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สหรัฐและจีนกำลังมีความตึงเครียดกันเพราะสงครามการค้า ที่สองฝ่ายประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้กันไปมา

นอกจากนี้ การพุ่งเป้าเล่นงานจีนในครั้งนี้เกิดในช่วงเวลาที่กองทัพของจีนและรัสเซียกระชับความร่วมมือกันมากขึ้น และช่วงต้นเดือนนี้กองทัพรัสเซียจัดการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจีนได้เข้าร่วมการซ้อมรบยาวนาน 1 สัปดาห์นี้ด้วย






ตามคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐนั้น สหรัฐจะคว่ำบาตรทางการเงินต่ออีดีดี และหลี่ ซางฝู อธิบดีของอีดีดี หลังจากหน่วยงานของจีนแห่งนี้ซื้อเครื่องบินขับไล่ซูคอย ซู-35 ของรัสเซีย และระบบมิสไซล์ชนิดยิงจากพื้นสู่อากาศ เอส-400 ของรัสเซีย ซึ่งได้รับส่งมอบในปีที่ผ่านมา โดยเป็นการซื้อจากโรโซโบรอนเอกซ์พอร์ต ผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ของรัสเซียที่สหรัฐขึ้นบัญชีดำคว่ำบาตรเพราะให้การสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาด ของซีเรีย

กฎหมายตอบโต้ศัตรูของอเมริกาผ่านการคว่ำบาตร (ซีเอเอทีเอสเอ) ฉบับนี้ผ่านมาบังคับใช้เมื่อปี 2560 โดยเครื่องมืออีกช่องทางหนึ่งสำหรับรัฐบาลของประธานาธิบดีเพื่อใช้เล่นงานรัสเซีย, อิหร่าน และเกาหลีเหนือ ผ่านการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการเมือง


เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยืนยันว่า การคว่ำบาตรจีนในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สหรัฐใช้กฎหมายฉบับนี้ลงโทษประเทศที่ 3 และว่า สหรัฐอาจพิจารณาใช้มาตรการคว่ำบาตรกับประเทศอื่นๆ ที่ซื้อเครื่องบินรบและมิสไซล์ของรัสเซียด้วย รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า หนึ่งในประเทศที่ว่านี้คือตุรกี ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาซื้อระบบมิสไซล์เอส-400 ของรัสเซีย

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอ้างว่า การใช้ซีเอเอทีเอสเอนั้นเป็นผลมาจากพฤติการณ์รุกรานของรัสเซียในยูเครน, การผนวกแคว้นไครเมียของยูเครน, การโจมตีและบุกรุกทางไซเบอร์, การแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐเมื่อปี 2559 และพฤติการณ์ร้ายกาจอื่นๆ ของรัสเซีย กฎหมายฉบับนี้เปิดช่องให้รัฐบาลสหรัฐดำเนินการกับบริษัทและบุคคลที่ติดบัญชีดำการคว่ำบาตรของสหรัฐ






คำแถลงของกระทรวงยังประกาศขึ้นบัญชีดำบุคคลและองค์กร 33 ราย ที่เกี่ยวโยงกับหน่วยข่าวกรองและกองทัพรัสเซีย เพิ่มเติมตามกฎหมายฉบับนี้

ด้านกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันศุกร์ เรียกร้องให้สหรัฐเพิกถอนการคว่ำบาตรนี้ มิเช่นนั้นสหรัฐก็จะต้องแบกรับผลที่ตามมา และจีนได้ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการต่อสหรัฐแล้ว

เก็งซวง โฆษกกระทรวงระบุว่า การดำเนินการของสหรัฐละเมิดอย่างร้ายแรงต่อหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ และระหว่างกองทัพของสองประเทศด้วย

ส่วนเซอร์เกย์ เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวเตือนว่า สหรัฐ "กำลังเล่นกับไฟ" และว่า สหรัฐกำลังสร้างความปั่นป่วนต่อเสถียรภาพของโลก ดูเหมือนว่าการคว่ำบาตรรัสเซียได้กลายเป็น "งานอดิเรก" ที่สหรัฐโปรดปราน

การส่งออกอาวุธเป็นรายได้หลักของรัสเซีย โดยปีที่แล้วรัสเซียขายอาวุธได้มากกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์.






สตรอว์เบอร์รีไส้เข็มจากออสเตรเลียโผล่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตนิวซีแลนด์






นิวซีแลนด์เจอด้วยแล้ว ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมืองโอ๊กแลนด์พบสตรอว์เบอร์รีกล่องหนึ่งที่วางขายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีเข็มซ่อนอยู่ด้วย ทำให้ต้องประกาศเก็บสินค้าจากแบรนด์นี้พ้นจากการวางจำหน่าย



รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2561 กล่าวว่า วิกฤติสตรอว์เบอร์รีของออสเตรเลียได้ลุกลามข้ามชายแดนถึงนิวซีแลนด์แล้ว เมื่อมีรายงานว่าพบสตรอว์เบอร์รีที่ภายในมีเข็มแหลมซุกซ่อนอยู่วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตเคาต์ดาวน์ของนิวซีแลนด์ คำแถลงของบริษัทระบุว่า สตรอว์เบอร์รีที่พบเข็มซ่อนอยู่นั้นเป็นสตรอว์เบอร์รีในกล่องพลาสติกกล่องหนึ่งที่วางขายในร้านสาขาโอ๊กแลนด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สตรอว์เบอร์รีล็อตนี้นำเข้ามาจากรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียของออสเตรเลีย และส่งไปวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตของเคาต์ดาวน์ทั่วประเทศนิวซีแลนด์ แต่มีรายงานพบเข็มในสตรอว์เบอร์รีเพียง 1 กรณี

คำแถลงของบริษัทระบุว่า พวกเขาคำนึงถึงความปลอดภัยของอาหารอย่างจริงจังมาก และได้ติดต่อเจ้าหน้าที่รัฐที่สอบสวนเหตุการณ์นี้ในออสเตรเลียช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา คำแถลงเสริมด้วยว่า สตรอว์เบอร์รีแบรนด์ที่บริษัทเลิกจำหน่ายนี้ ไม่มีรายงานพบปัญหาที่ออสเตรเลียมาก่อน และที่ออสเตรเลียก็ไม่ได้เรียกเก็บแบรนด์นี้

เคาต์ดาวน์กล่าวว่า ลูกค้าสามารถนำสตรอว์เบอร์รีแบรนด์ชอยซ์ทุกกล่องที่ซื้อไปแล้วมาคืนที่เคาต์ดาวน์ เพื่อความสบายใจและรับเงินคืน บริษัทยังแนะนำให้ลูกค้าผ่าสตรอว์เบอร์รีก่อนรับประทานด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทยืนยันว่ายังไม่มีรายงานว่ามีคนบาดเจ็บหรือป่วยเพราะปัญหาดังกล่าวในนิวซีแลนด์

ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ออสเตรเลียรายงานพบเข็มหมุดและเข็มเย็บผ้าในสตรอว์เบอร์รีและผลไม้อื่นมากกว่า 100 กรณี เริ่มจากรัฐควีนส์แลนด์ แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่เป็นการแกล้งกันเล่นทางโซเชียลมีเดีย หรือการทำตามอย่าง โดยมีเยาวชนอย่างน้อย 2 คนโดนตำรวจสอบฐานสร้างเรื่องขึ้น

ห้างสรรพสินค้าวูลเวิร์ธส์ของออสเตรเลีย ที่เป็นบริษัทแม่ของเคาต์ดาวน์ ได้ระงับการขายเข็มเย็บผ้าในสาขาทั้งหมดของห้างเพื่อป้องกันไว้ก่อน ขณะที่ตำรวจออสเตรเลียยังไม่สามารถหาคนร้ายที่เป็นผู้เริ่มต้นก่อเรื่องที่สร้างความหวาดกลัวไปทั่วและเกิดการเลียนแบบอีกมากมาย นอกจากนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียยังได้เพิ่มโทษผู้ที่ใส่สิ่งปนเปื้อนในอาหารจากโทษจำคุก 10 ปีเป็น 15 ปี.




ผบ.สส.เมียนมาตอกยูเอ็น อย่าแส่กิจการภายใน





พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา เปิดปากตอบโต้ยูเอ็นเป็นครั้งแรกนับแต่มีรายงานเรียกร้องให้นานาชาติดำเนินคดีตัวเขาและนายพลหลายคนของกองทัพเมียนมาฐาน "ล้างเผ่าพันธุ์" โรฮีนจา ระบุยูเอ็นไม่มีสิทธิแทรกแซงอำนาจอธิปไตยของเมียนมา

สัปดาห์ที่แล้ว คณะสอบสวนค้นหาข้อเท็จจริงขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับวิกฤติโรฮีนจาในรัฐยะไข่ของเมียนมา โดยรวบรวมข้อมูลเป็นเวลา 18 เดือน เขียนเป็นรายงานเนื้อหาหนา 444 หน้า บรรยายการกระทำโหดร้ายป่าเถื่อนต่อชาวโรฮีนจาอย่างละเอียดลออ พร้อมเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นส่งเรื่องฟ้องร้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เพื่อดำเนินคดีต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมาและพวกนายพลในสายบังคับบัญชา ฐานล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมโรฮีนจา

รายงานซึ่งออกเมื่อวันอังคารที่แล้วยังเรียกร้องให้ปลด ผบ.สส.เมียนมารายนี้ และขอให้กองทัพเมียนมาเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือการบริหารประเทศอีก

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 24 กันยายน 2561 ว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผบ.สส.เมียนมา ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้รายงานของยูเอ็นฉบับนี้ในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก ระหว่างการให้โอวาทต่อทหารเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยผู้นำทหารรายนี้ปฏิเสธข้อเรียกร้องของยูเอ็นที่ต้องการให้กองทัพเมียนมาเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

หนังสือพิมพ์เมียวดีของทางการเมียนมาถ่ายทอดคำกล่าวของพลเอกอาวุโสนายนี้ว่า ไม่มีประเทศใด, องค์กรไหน หรือกลุ่มใด มี "สิทธิแทรกแซงและตัดสินใจเหนืออำนาจอธิปไตยของประเทศหนึ่งประเทศใด" และ "การพูดสอดแส่กิจการภายในนั้นทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ"

ผู้นำทหารเมียนมาประกาศชัดเจนด้วยว่า กองทัพเมียนมาไม่มีความตั้งใจจะถอนตัวออกจากการเมือง แต่ละประเทศทั่วโลกใช้ระบอบประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับประเทศของตน ในส่วนของเมียนมานั้นยังจำเป็นต้องยุติความขัดแย้งด้วยอาวุธภายในประเทศให้ได้ก่อน ระหว่างเส้นสู่ประชาธิปไตยแบบหลายพรรคการเมืองอย่างแท้จริง.




คู่กรณีโผล่อีกราย แฉพฤติกรรมฉาวผู้พิพากษาที่ทรัมป์เสนอชื่อนั่งบัลลังก์ศาลสูงสุด





ความวัวยังไม่ทันหาย "เบรตต์ คาวานอห์" ผู้พิพากษาหัวอนุรักษ์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อนั่งบัลลังก์ศาลฎีกา โดนสตรีคนที่ 2 กล่าวหาว่าลวนลามทำอนาจารสมัยยังเป็นวัยรุ่น ขณะที่วุฒิสภาสหรัฐรอการไต่สวนสตรีคนแรกที่กล่าวหาว่าคาวานอห์พยายามข่มขืนเธอสมัย ม.ปลาย

คำกล่าวหาพฤติกรรมอื้อฉาวในอดีตของผู้พิพากษาคาวานอห์ถูกเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน หลังจากคริสตีน บลาซีย์ ฟอร์ด อาจารย์มหาวิทยาลัยซึ่งอ้างว่าคาวานอห์เคยพยายามจะข่มขืนเธอ เปิดเผยผ่านทนายความเมื่อวันเสาร์ว่า เธอพร้อมจะเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการตุลาการ วุฒิสภา ภายในสัปดาห์นี้

สำนักข่าวเอเอฟพีเมื่อวันที่ 24 กันยายน อ้างรายงานของนิตยสารนิวยอร์กเกอร์ว่า ส.ว.พรรคเดโมแครตกำลังสอบสวนคำกล่าวหาล่าสุดของเดบราห์ รามิเรซ วัย 53 ปี ที่อ้างว่า คาวานอห์เคยใช้อวัยวะเพศทิ่มหน้าเธอและบังคับให้เธอจับโดยที่เธอไม่ยินยอม เหตุเกิดในงานปาร์ตี้ของนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเยลช่วงทศวรรษ 1980 แต่รามิเรซยอมรับว่าตอนนั้นเธอมีอาการมึนเมาระหว่างเล่นเกมดื่มเหล้า เธอนอนอยู่บนพื้นตอนที่คาวานอห์ทำอนาจารเธอ

หญิงคนนี้กล่าวว่า เธอจำได้ว่าได้ยินเสียงของใครคนหนึ่งตะโกนจากโถงทางเดินว่า "เบรตต์ คาวานอห์ ทิ่มจู๋ของเขาใส่หน้าเดบบี้" เธอจำว่าได้ยินเสียงนั้นและรู้สึกอับอายขายหน้า

ด้านคาวานอห์ออกแถลงการณ์ปฏิเสธเรื่องราวนี้ โดยกล่าวว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ผู้คนที่รู้จักเขาในสมัยนั้นรู้ดีว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้

รามิเรซเรียกร้องให้ตำรวจของสำนักสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) สอบสวนเหตุการณ์นี้ เช่นเดียวกับที่ฟอร์ดเคยเรียกร้องไว้เช่นกัน และ ส.ว.เดโมแครตต่างสนับสนุนข้อเรียกร้องของพวกเธอ ถึงแม้รามิเรซจะยอมรับกับนิวยอร์กเกอร์ว่า เธอจำเรื่องราวได้ไม่ปะติดปะต่อ และคาดว่าคนจะตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความทรงจำของเธอ เพราะตอนนั้นเธออยู่ในภาวะมึนเมา

ฟอร์ดเคยยื่นเงื่อนไขนี้ แต่สุดท้ายเธอยอมเข้าให้การต่อวุฒิสมาชิกในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ หลังจากตกเป็นเป้าหมายคำขู่ฆ่าจนต้องย้ายออกจากบ้านที่แคลิฟอร์เนียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และโดนประธานาธิบดีทรัมป์โจมตีผ่านทวิตเตอร์ว่าเธอไม่น่าเชื่อถือ

คาวานอห์ปฏิเสธเสียงแข็งว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องที่ฟอร์ดกล่าวหา และว่าเขาพร้อมจะเข้าให้การโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพื่อรักษาชื่อเสียงของเขา รายงานของนิวยอร์กไทมส์เผยด้วยว่า ผู้พิพากษาของศาลรัฐบาลกลางรายนี้มีตารางเวลาของฤดูร้อนปี 2525 ที่เขาวางแผนจะแสดงให้ ส.ว.ได้เห็นว่าช่วงเวลานั้นส่วนใหญ่เขาไม่ได้อยู่ในเมือง และไม่มีการอ้างถึงปาร์ตี้ของนักเรียนมัธยมปลายที่ฟอร์ดอ้างว่าเกิดเรื่องขึ้นด้วย

คณะกรรมาธิการตุลาการวุฒิสภายืนยันแล้วว่า ทั้งสองฝ่ายจะเข้าให้การแยกกันในวันพฤหัสบดี โดยฟอร์ดจะให้การก่อน แล้วตามด้วยการแก้ต่างของคาวานอห์.




จีนยัวะ สหรัฐเตรียมขายอะไหล่อาวุธให้ไต้หวัน








กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเตรียมจะขายอะไหล่อาวุธยุทโธปกรณ์แก่กองทัพไต้หวัน หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐเพิ่งแซงก์ชันหน่วยงานด้านกลาโหมของจีนโทษฐานซื้อเครื่องบินรบและระบบมิสไซล์ของรัสเซีย ด้านจีนยัวะจัด ยื่นประท้วงและขอให้สหรัฐยกเลิกแผนนี้ทันที



สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันอังคารที่ 25 กันยายน 2561 ว่าคำประกาศของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเมื่อวันจันทร์ ออกมาในวันเดียวกับที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ และทำให้การเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเป็นมูลค่ากว่า 250 แสนล้านดอลลาร์ หรือเกือบครึ่งหนึ่งของสินค้าที่จีนส่งออกมายังสหรัฐ

ตามข้อตกลงมูลค่า 330 ล้านดอลลาร์ (ราว 10,700 ล้านบาท) สหรัฐจะขายอะไหล่สำหรับเครื่องบินของกองทัพไต้หวันหลายรุ่น ซึ่งรวมถึงเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 และเครื่องบินลำเลียง ซี-130 ต่อจากนี้สภาคองเกรสมีเวลา 30 วันหากต้องการคัดค้าน แต่เชื่อว่าข้อตกลงนี้น่าจะผ่านฉลุย เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐลงความเห็นว่า ไต้หวันยังคงมีอิทธิพลสำคัญต่อเสถียรภาพทางการเมือง สมดุลทางทหาร และความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้

ไต้หวันแสดงความยินดีต่อคำประกาศของสหรัฐ โดยกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันแถลงในวันอังคารว่า การตัดสินใจขายชิ้นส่วนยุทโธปกรณ์ของสหรัฐจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันตนเองของไต้หวัน เพื่อช่วยรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันต่อไป

ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันกล่าวว่า รัฐบาลไต้หวันจะยังคงเพิ่มการลงทุนด้านกลาโหม และคงไว้ซึ่งความร่วมมือและการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับสหรัฐในประเด็นด้านความมั่นคง

รัฐบาลสหรัฐเป็นพันธมิตรอย่างไม่เป็นทางการที่ทรงอิทธิพลที่สุดของไต้หวัน และเป็นผู้ขายอาวุธรายใหญ่แก่ไต้หวัน ถึงแม้สหรัฐจะเปลี่ยนมาสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนแทนตั้งแต่ปี 2522 ก็ตาม

จีนยังคงมองว่าไต้หวันเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตนที่รอการรวมชาติ นับแต่ไช่อิงเหวิน ซึ่งมีแนวทางส่งเสริมเอกราชของไต้หวันได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีเมื่อ 2 ปีก่อน รัฐบาลจีนได้เพิ่มแรงกดดันทางการทูตและการทหารต่อไต้หวัน ซึ่งรวมถึงการฝึกทหารหลายครั้งใกล้กับเกาะนี้ ความร่วมมือที่ใกล้ชิดขึ้นระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับไต้หวันช่วงไม่นานมานี้ทำให้จีนโกรธจัด ซึ่งรวมถึงการที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอนุมัติใบอนุญาตขั้นต้นเพื่อขายเทคโนโลยีเรือดำน้ำแก่ไต้หวัน

ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐเพิ่งประกาศแซงก์ชันกรมหนึ่งของกระทรวงกลาโหมจีน โทษฐานซื้อเครื่องบินรบซู-35 และระบบมิสไซล์เอส-400 จากบริษัทอาวุธรัสเซียที่ติดบัญชีดำคว่ำบาตรของสหรัฐ ทำให้จีนประท้วงอย่างรุนแรงและตัดสินใจเลื่อนการเจรจาทางทหารกับสหรัฐออกไป

ด้านรัฐบาลจีนแสดง "ความไม่พอใจอย่างรุนแรง และคัดค้านอย่างหนักแน่น" ต่อแผนการขายชิ้นส่วนอาวุธของสหรัฐแก่ไต้หวัน โดยระบุว่าข้อตกลงนี้ "ละเมิดอย่างร้ายแรง" ต่อกฎหมายระหว่างประเทศและต่อบรรทัดฐานที่วางระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เกิ้งซวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนเปิดเผยด้วยว่า รัฐบาลจีนได้ยื่นหนังสือแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อรัฐบาลสหรัฐแล้ว โดยเรียกร้องให้เพิกถอนแผนการขายอาวุธชุดนี้และยุติการติดต่อทางทหารกับไต้หวันโดยทันที เนื่องจากสิ่งนี้อาจสร้างความเสียหายรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน ต่อเสถียรภาพและสันติภาพข้ามช่องแคบไต้หวัน และต่อความร่วมมือระหว่างสองประเทศในด้านอื่นๆ ที่มีความสำคัญ.





เลือกตั้งมัลดีฟส์ล็อกถล่ม ประธานาธิบดีนิยมจีนแพ้ราบคาบ






การเลือกตั้งประธานาธิบดีมัลดีฟส์เมื่อวันอาทิตย์พลิกล็อกถล่มทลาย เมื่อประธานาธิบดีอับดุลลา ยามีน พ่ายแพ้ราบคาบต่อผู้นำฝ่ายค้าน โดยเจ้าตัวยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว อินเดียรีบดีใจต่อผู้ชนะ แต่จีนยังเงียบ


การยอมรับความพ่ายแพ้ของยามีนเมื่อวันจันทร์ที่ 24 กันยายน 2561 ช่วยผ่อนคลายความวิตกว่าจะเกิดวิกฤติทางการเมืองในประเทศหมู่เกาะท่องเที่ยวในมหาสมุทรอินเดียแห่งนี้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการช่วงชิงอิทธิพลกันระหว่างอินเดียกับจีน




เอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดียามีนประกาศผ่านทางโทรทัศน์ ยอมรับเจตจำนงของประชาชนและยอมรับความพ่ายแพ้ โดยบอกว่า เมื่อช่วงเช้าเขาได้พบและแสดงความยินดีต่ออิบราฮิม โมหะเหม็ด โซลีห์ ที่ชาวมัลดีฟส์เลือกให้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่แล้ว และรับประกันว่าการถ่ายโอนอำนาจจะราบรื่น

ก่อนหน้านี้มีความวิตกกันทั้งภายในและนอกประเทศว่ายามีนอาจจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง หลังจากเริ่มปรากฏว่า โซลีห์ จากพรรคประชาธิปไตยของชาวมัลดีฟส์ (เอ็มดีพี) คือผู้ชนะ

ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี 2556 ศาลฎีกามัลดีฟส์ประกาศให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ หลังจากยามีนมีคะแนนตามหลังอดีตประธานาธิบดีโมหะเหม็ด นาชีด และเปิดโอกาสให้ยามีนได้ตั้งหลักระดมพันธมิตร แล้วกลับมาชนะในการเลือกตั้งรอบสองที่ถูกเลื่อนถึง 2 ครั้ง







ประธานาธิบดีผู้นี้กุมอำนาจไว้อย่างเด็ดขาด คู่แข่งทางการเมืองของเขาถ้าไม่ถูกจำคุกก็หนีไปลี้ภัยในต่างแดน ฝ่ายค้านแทบไม่ได้ปรากฏในพื้นที่สื่อ และผู้สังเกตการณ์และฝ่ายค้านพากันทำนายว่าจะมีการโกงเลือกตั้ง ผลเลือกตั้งที่ออกมาจึงนับว่าสร้างความประหลาดใจอย่างมโหฬาร

ผลคะแนนที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ ชี้ว่า ยามีนได้คะแนน 41.7% แต่โซลีห์ซึ่งเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียวของเขา ได้คะแนนถึง 58.3% โดยมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเกือบ 90% จากผู้มีสิทธิ 262,000 คน คาดว่าผลคะแนนอย่างเป็นทางการจะประกาศได้ 1 สัปดาห์หลังจากนี้








กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเคยเตือนไว้ว่าจะใช้มาตรการที่เหมาะสม หากการเลือกตั้งไม่เสรีและยุติธรรม เรียกร้องให้เขา "เคารพเจตจำนงของประชาชน"

รัฐบาลอินเดียรีบแสดงความยินดีกับโซลีห์ด้วยใจจริง เช่นเดียวกับศรีลังกาซึ่งให้ที่พักพิงแก่ฝ่ายค้านหลายคน ส่วนรัฐบาลจีนซึ่งได้ปล่อยเงินกู้แก่มัลดีฟส์หลายร้อยล้านดอลลาร์ยังคงนิ่งเฉย แต่วันจันทร์เป็นวันหยุดราชการของจีน.








'ปอมเปโอ' ไล่เจ้าหน้าที่ทรยศพ้นรัฐบาล โต้ข่าว รมต.หาทางขจัด 'ทรัมป์'






รัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์ ปอมเปโอ ของสหรัฐระบุ เจ้าหน้าที่ในรัฐบาลสหรัฐควรสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มิเช่นนั้นก็ควรลาออกไปเสีย ภายหลังมีรายงานข่าวว่ารัฐมนตรีช่วยกระทรวงยุติธรรมมองหาวิธีถอดถอนทรัมป์ด้วยการติดเครื่องดักฟัง


นิวยอร์กไทมส์รายงานเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ร็อด โรเซนสไตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรม เคยแนะนำให้ลอบบันทึกเสียงของทรัมป์ เพื่อใช้สำหรับการยื่นถอดถอนทรัมป์พ้นตำแหน่งประธานาธิบดีตามบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ 25 ที่อนุญาตให้คณะรัฐมนตรีและสภาคองเกรสถอดถอนประธานาธิบดีที่ไร้ความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ได้

เอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2561 อ้างคำกล่าวให้สัมภาษณ์ของไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต่อรายการ "ฟอกซ์นิวส์ซันเดย์" ที่ตอบคำถามที่ว่า เขาเคยได้ยินเรื่องการดักฟังหรือการใช้บทบัญญัติดังกล่าวหรือไม่ โดยปอมเปโอยืนยันว่าไม่ แต่เมื่อกล่าวถึงกรณีโรเซนสไตน์ ปอมเปโอกล่าวว่า เขามีหลักชัดเจนแต่เริ่มแรกที่ทำงานให้รัฐบาลนี้ ว่าหากคุณทำงานเป็นทีมไม่ได้ หากคุณไม่สนับสนุนภารกิจนี้ คุณก็ควรออกไปหางานอื่นทำ







โรเซนสไตน์ปฏิเสธรายงานของนิวยอร์กไทมส์แล้วว่าไม่เป็นความจริง เจ้าหน้าที่อีกคนบอกว่า โรเซนสไตน์กล่าวคำพูดเรื่องดักฟังทรัมป์แบบติดตลกมากกว่า

รัฐมนตรีผู้นี้ตกเป็นเป้าจับตาและมักโดนทรัมป์ตำหนิ เนื่องจากเขาได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลการสอบสวนของโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษ ที่กำลังสอบคำกล่าวหาที่ว่าทีมหาเสียงของทรัมป์ร่วมมือกับรัสเซียในการแทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 หรือไม่.





อ้าง 'บริสุทธิ์' ยันวัยโต ผู้พิพากษาที่ทรัมป์ดันขึ้นศาลฎีกาปัดคำกล่าวหาละเมิดทางเพศ








เบรตต์ คาวานอห์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อเป็นตุลาการศาลสูงสุดของสหรัฐคนใหม่ ประกาศผ่านโทรทัศน์ยืนยันไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศตามที่ผู้หญิง 2 คนกล่าวหา อ้างเหตุผลเด็ด ยังคงความบริสุทธิ์ไว้ได้หลังจบมัธยมปลายแล้วหลายปี

คาวานอห์ประกาศผ่านการให้สัมภาษณ์สถานีฟอกซ์นิวส์ที่ออกอากาศค่ำวันจันทร์ที่ 24 กันยายน ตามเวลาสหรัฐ ว่าความจริงคือตัวเขาไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศใครแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะในสมัยเรียนมัธยมปลาย หรือตอนไหน เขามักจะปฏิบัติต่อผู้หญิงด้วยการให้เกียรติและเคารพ

สตรี 2 คนที่กล่าวหาเขา อ้างอิงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทศวรรษ 1980 รายแรกคือคริสตีน บลาซีย์ ฟอร์ด อาจารย์มหาวิทยาลัย อ้างว่าคาวานอห์และเพื่อนอีกคนพยายามจะข่มขืนเธอในงานปาร์ตีมัธยมปลายเมื่อปี 2525 ขณะนั้นเธออายุ 15 ส่วนคาวานอห์อายุ 17 ปี ฟอร์ดเตรียมจะเข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการของวุฒิสภาสหรัฐวันพฤหัสบดีนี้ ส่วนอีกคนคือเดบราห์ รามิเรซ วัย 53 ปี บอกกับนิตยสารนิวยอร์กเกอร์ว่าคาวานอห์ใช้อวัยวะเพศทิ่มหน้าเธอและบังคับให้เธอจับ ระหว่างที่เธอมึนเมาอยู่ในงานปาร์ตีของนักศึกษามหาวิทยาลัยเยล

คำกล่าวหาเหล่านี้เสี่ยงทำลายโอกาสที่ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางหัวอนุรักษนิยมผู้นี้จะได้รับการรับรองจากวุฒิสภา เพื่อเป็นตุลาการศาลสูงสุดคนที่ 9 ของสหรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่จะทำหน้าที่ตลอดชีวิต หากคำนึงว่ารีพับลิกันมีเสียงข้างมากเกินครึ่งอย่างหมิ่นเหม่ที่ 51 ต่อเดโมแครต 49 คน อีกทั้ง ส.ว.หญิงของรีพับลิกันบางคนมีความลังเล และเห็นด้วยกับการรับฟังคำกล่าวหาเหล่านี้ ถึงแม้ว่ายังไม่มี ส.ว.รีพับลิกันคนใดประกาศอย่างเปิดเผยว่าจะไม่รับรองเขา







เดือนพฤศจิกายนปีนี้ สหรัฐจะจัดการเลือกตั้งกลางเทอมด้วย ผลสะเทือนจากคำกล่าวหาและท่าทีของรีพับลิกันในคองเกรสอาจบั่นทอนเสียงข้างมากของรีพับลิกันทั้งสภาล่างและสภาสูงได้

หากวุฒิสภารับรองการแต่งตั้งผู้พิพากษารายนี้ตามข้อเสนอของทรัมป์ จะทำให้ตุลาการฝ่ายอนุรักษนิยมมีเสียงข้างมากในศาลสูงสุด ตอบสนองเป้าหมายของทรัมป์ที่ต้องการให้ระบบตุลาการของสหรัฐโน้มเอียงทางอนุรักษนิยมมากขึ้น




ในคำให้สัมภาษณ์เพื่อล้างมลทินโดยมีนางแอชลีย์ ภรรยา อยู่เคียงข้าง คาวานอห์บรรยายถึงตัวเขาว่าเป็นเด็กที่ทุ่มเทสมาธิกับการเรียนและกีฬา และยืนยันว่า เขาไม่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศหรือประสบการณ์ใกล้เคียงขณะยังเรียนมัธยมปลาย หรือหลายปีหลังจากจบมัธยมปลาย และเขาจะไม่ยอมให้คำกล่าวหาเท็จเหล่านี้บีบบังคับให้เขาต้องหลุดจากกระบวนการแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลสูงสุด

ต่อมาทรัมป์ได้ทวีตแสดงความสนับสนุนนอมินีคนนี้ของเขาอย่างเต็มที่ และได้กล่าวโทษพรรคเดโมแครตว่ากำลังดิ้นรนอย่างหนักเพื่อทำลายผู้ชายที่ยอดเยี่ยมคนนี้.






2 ผู้ก่อตั้งอินสตาแกรม ยื่นลาออกจากบริษัทแล้ว! เผยออกหาสิ่งสร้างสรรค์ใหม่ๆ







บีบีซี รายงานว่า เควิน ซิสตรอม และ ไมค์ ครีเกอร์ 2 ผู้ร่วมก่อตั้งอินสตาแกรม แอปพลิเคชั่นแชร์ภาพยักษ์ใหญ่ ได้ยื่นใบลาออกจากบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยเควิน ซีอีโอของอินสตาแกรมเปิดเผยว่า เควิน และเขานั้นจะสร้างสิ่งใหม่ๆ ด้วยการวางแผนที่จะใช้เวลาว่างเพื่อสำรวจความอยากรู้และความคิดสร้างสรรค์อีกครั้ง

ทั้งนี้อินสตาแกรมก่อตั้งเมื่อปี 2010 และในปี 2012 เฟซบุ๊ก ยักษ์สื่อสังคมออนไลน์ของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เข้าซื้อกิจจการอินสตาแกรม ด้วยมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งในขณะนั้นมีผู้ใช้เพียง 30 ล้านรายทั่วโลก






Spoil
แก้ไขล่าสุดโดย kneskung เมื่อ Tue Sep 25, 2018 22:29, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ


ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: พุงพลุ้ยคุยบอล กลับมาแล้ว
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 06 Oct 2010
ตอบ: 4349
ที่อยู่: บนโลกนี้แหละ...
โพสเมื่อ: Tue Sep 25, 2018 22:27
[RE: (Day 12) สรุปข่าวประจำวันแค่ 7 นาทียกระดับความรู้รอบตัวของพวกท่าน]
ขออภัยที่หายไปหลายวันครับ เนื่องด้วยภาระและปัญหา่วนตัวทำให้ไม่ได้เข้าเว็ปหลายวันครับ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
4
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน


ออนไลน์
ดาวซัลโวโอลิมปิก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 3247
ที่อยู่: Highbury
โพสเมื่อ: Tue Sep 25, 2018 23:05
[RE: (Day 12) สรุปข่าวประจำวันแค่ 7 นาทียกระดับความรู้รอบตัวของพวกท่าน]
kneskung พิมพ์ว่า:
ขออภัยที่หายไปหลายวันครับ เนื่องด้วยภาระและปัญหา่วนตัวทำให้ไม่ได้เข้าเว็ปหลายวันครับ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ  


ก็ว่าเห็นหายไปเลย ขอบคุณสำหรับข่าว
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง

ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 21 Oct 2007
ตอบ: 7891
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 25, 2018 23:22
(Day 12) สรุปข่าวประจำวันแค่ 7 นาทียกระดับความรู้รอบตัวของพวกท่าน
จีน-เมกา เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ

โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel