ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
อบรมขอไลเซนส์
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 7850
ที่อยู่: กทม
โพสเมื่อ: Sun Aug 19, 2018 03:00
มีคนตาย .."ให้ออกไปจากบ้าน... อย่าอยู่เฝ้าศพ "..เพราะเดี๋ยวศพจะหายไปเอง !?


จิกินินกิ " เปรตกินศพ " .. !?
เรารู้เรื่อง เปรตไทย มาเยอะแล้ว
มาดู เปรตญี่ปุ่น กันบ้างมั้ยครับ
บอกเลย ชวนหลอน ไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว !!
.
จากการศึกษาแล้ว ผีญี่ปุ่นตนนี้
มาพร้อมกับความเชื่อทาง พระพุทธศาสนา
ซึ่งไม่เคยคิดเลยว่าญี่ปุ่นเขาจะมีเหมือนกัน
"เปรต" บ้านเราก็จะเชื่อกันว่า ด่าพ่อ ด่าแม่
ตีพ่อ ตีแม่ เมื่อตายไปจะเกิดเป็นเปรต
.
ซึ่งหากลองคิดดูแล้ว ที่ญี่ปุ่นจะมีเปรต ก็ดูไม่ผิดอะไร
เพราะที่ประเทศจีน แต่ก่อนก็เคยมีความเชื่อ
เรื่องผีเปรต เช่นกัน ในช่วงราชวงศ์ถัง
ที่เป็นช่วงพระพุทธศาสนารุ่งเรืองที่สุด
ซึ่งเป็นไปได้ว่า ผีตนนี้ เกิดด้วยเหตุ
ที่มาทางพระพุทธศาสนา ..... !!
.
เพราะในตำนานเรื่องเล่าหรือนิทาน
ของพระพุทธศาสนา มักจะเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม
ใครทำสิ่งใดไว้ ทำดีผลดีย่อมสนอง
หากทำชั่วแล้ว ผลแห่งความชั่ว
ยังตามสนองอย่างเรื่องที่จะเล่าต่อไป...
.


" จิกินินกิ " เป็นผีเปรตที่เกิดจากผลกรรมร้าย
ที่เขาทำไว้ตอนยังเป็นมนุษย์ พอสิ้นบุญ
ไปจุติยังโลกหน้าแล้ว ผลกรรมที่ทำเอาไว้
ได้บันดาลให้เขากลายเป็นเปรต
ต้องอดทุกข์ ทรมานด้วยความหิวโหย
.
แต่เปรตพวกนี้ ด้วยผลกรรมของพวกเขา
ทำให้มันต้องกินศพ เป็นอาหาร
ซึ่งเป็นที่น่ากลัวและน่าเวทนา ต่อผู้ที่พบเห็นเป็นอันมาก
เลยมีตำนาน เป็นนิทานเล่าถึง ผีเปรตพวกนี้เป็นตัวอย่าง
ให้ประกอบผลกรรมดีไว้ จะได้ไม่มาเป็นเปรตกินศพอย่างนี้
.
เรื่องมีอยู่ว่า... มีพระสงฆ์รูปหนึ่งนามว่า "มุโซ โคะกุชิ"
ได้ออกธุดงค์เข้าเขตจังหวัดมิโนะ และท่านก็เกิดหลงทาง
อยู่ในหุบเขา หาทางออกไม่ได้ ท่านหวังว่า
จะพบหมู่บ้าน เพื่อพักค้างแรม แต่ฟ้าก็ใกล้จะมืดเสียแล้ว
ท่านจึงเลือกที่จะพักในป่า จนท่านไปพบกับ
กระท่อมหลังหนึ่ง ท่านเขาไป หวังจะขอพักแรม
แต่พอไปถึงกระท่อม กลับพบว่า เจ้ากระท่อมหลังนี้
เป็นพระรูปหนึ่ง แต่แก่ชรามากแล้ว !!
.
"อาตมาเดินทางมาไกล และ หลงทาง
ในเขานี้มานานแล้ว ขอท่านค้างแรมคืนนี้
ในกระท่อมของท่าน ได้หรือไม่ขอรับ"
.
"อย่าเลย...อาตมาต้องการความวิเวก
แต่อาตมา จะบอกทางไปหมู่บ้านให้"
.
พระชราก็ชี้ทาง และให้คบเพลิง กับท่าน
เพื่อให้แสงสว่างในยามค่ำแก่พระมุโซ
.
พระมุโซเดินทางมาตามทาง ที่พระชราบอก
ก็พบกับหมู่บ้านกลางหุบเขา ท่านเดินเข้าไป
ในหมู่บ้าน เหล่าชาวบ้านก็ทำการต้อนรับเป็นอย่างดี
ท่านพักในบ้าน ของชาวบ้านที่หลังใหญ่ที่สุด
แต่วันนั้นเป็นวันที่ทางหมู่บ้าน มีงานพิธี
คือ พ่อของเจ้าของบ้านที่ใ้ห้ พระมุโซ พักแรม
ท่านเสียชีวิตเมื่อวาน และวันนี้เป็นวันจัดพิธีศพ
เป็นเวลาเหมาะ เพราะกำลังต้องการพระ
มาทำพิธีอยู่พอดี พอทำพิธีกรรมทางศาสนา
สวดส่งดวงวิญญาณ ไปสู่สุคติแล้ว
ผู้เป็นลูกชายของผู้ตาย ก็เข้ามาพูดกับพระมุโซ
.
"หลวงพี่ขอรับ...คือหมู่บ้านเรา เมื่อมีคนตาย
หลังจากทำพิธี ส่งดวงวิญญาณแล้ว เราทุกคนในหมู่บ้าน
ก็จะทิ้งศพของผู้ตาย พร้อมเครื่องเซ่นไหว้ไว้
และไปค้างคืน ที่หมู่บ้านข้างๆครับหลวงพี่"
.
"ทำไมทำเช่นนั้นเหล่าโยม"
.
"มันเป็นประเพณีครับหลวงพี่ เราทำกันมา
ตั้งแต่รุ่นทวดของทวด มันเป็นสิ่งที่เรา
มิอาจจะขัดต่อเจตจำนง ของบรรพชนได้
เพราะมันจะมีสิ่งประหลาด ที่น่ากลัวเกิดขึ้นครับหลวงพี่
หากเราอยู่ต่อไป มันจะเกิดเรื่องอันตราย"
.
"เช่นนั้นพวกโยมไปกันเถอะ อาตมาขออยู่ที่นี้
เป็นเพื่อนศพล่ะกัน จะได้แผ่เมตตาด้วย"
.
จากนั้นชาวบ้านทุกคน ก็ย้ายเดินทางกันไป
อยู่ที่หมู่บ้านใกล้เคียง หมู่บ้านเงียบสนิท
แม้แต่เสียงของสัตว์ อย่างแมลงหรือหนู ก็ไม่มีให้ได้ยิน
พระมุโซ ยังคงทำการสวดมนต์ อยู่ในห้องที่ไว้ศพ
ท่านนั่งสมาธิอยู่นั้น เพียงท่านลืมตา
ด้วยสัมผัสถึงความผิดปกติเท่านั่นเอง
ภาพที่เห็นตรงหน้า คือปีศาจรูปร่าง น่าเกลียดน่ากลัว
กำลังกินศพอย่างตระกะ มันฉีกศพทั้งแขนและเครื่องใน
อย่างน่าสยดสยอง พระมุโซ เห็นดังนั้นจะหนีก็หนีไม่ได้
ราวกลับต้องอะไรบางอย่าง จึงขยับร่างกายไม่ได้
ท่านดูการกินของมัน อย่างน่าสยดสยอง
ปากของมัน ที่กว้าง ทุกสิ่งทุกอย่างลิ้นของมัน
ที่เลียเมือกและเลือดอย่างเอร็ดอร่อย
กระดูกของศพเองยังกัด เสียงดังกรอบกรอบ...
ขวักลูกตาของศพ กลืนอม ใว้ในปาก
.


ศพของผู้ตาย ที่น่าสงสาร แทนที่จะได้ฝัง
ให้ลูกหลานไว้กราบไหว้ ต้องมากลายเป็น
อาหารของปีศาจร้ายตนนี้ จากศพที่วางบนเตียง
และแต่งด้วยดอกไม้ กลับหายไปในพริบตา
ปีศาจร้ายมัน ลูบท้องไปมา แต่ยังมีเสียงท้องร้อง
ซึ่งส่งเสียงดัง รู้ไ้ด้เลยว่ามันยังไม่อิ่ม
มันหันไปกินเครื่องเซ่นมากมาย มันเขมือบ
อย่างตระกะ มือของมัน สาวได้สาวเอา
หยิบได้หยิบเอา เข้าปากอย่างไม่หยุด
พอเครื่องเซ่นหมดเท่านั้น มันก็ยังคงลูบท้อง
เสียงท้องยังคงดังอยู่ๆเรื่อยๆ
และมันก็เดินหายไปในความมืด
.
พระมุโซ ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ลุกขึ้น
และเดินตามไปดู ก็ไม่เห็นปีศาจตนนั้นแล้ว
ท่านก็กลับมา ยังเตียงที่ไว้ศพ ท่านยกมือพนมขึ้น
และสวดมนต์อีกครั้ง และแผ่เมตตาให้แก่ปีศาจร้ายตนนั้น
รุ่งเช้าชาวบ้านกลับมา และพากันไปหาพระมุโซ
ซึ่งกำลังนั่งเตรียมของ จะเดินทางต่อไป
ลูกชาย ของผู้ตาย เข้ามาถามพระมุโซ
.
"หลวงพี่...โธ่หลวงพี่ คิดว่าหลวงพี่จะแย่แล้ว..."
.
พระมุโซมองไปยังห้องไว้ศพ เห็นคนในครอบครัว
ทำการทำความสะอาด แต่แปลกประหลาด
ที่เขาไม่ร้องไห้ หรือโศกเศร้า แต่ทำตัวเหมือนว่า
มันเป็นเรื่องปกติ ไปเสียแล้ว...
.
"หลวงพี่ขอรับ เมื่อคืนนี้ หลวงพี่คงได้เห็น
อะไรที่มันน่ากลัวแล้วใช่ไหมครับ"
.
"โยม อาตมาขอถามหน่วยนะ การที่ศพหายไปนี้
พวกโยมไม่คิดสงสัย หรือเศร้าเสียใจเลยหรือ"
.
"ไม่ครับ...หมู่บ้านก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ
ทุกคนที่ตาย ศพก็มักจะหายไป และเป็นประเพณี
ที่ต้องทิ้งศพไว้เช่นนั้นครับหลวงพี่
แต่ผมก็ยังประหลาดใจอยู่ จึงอยากทราบว่า
มันเป็นเพราะอะไรครับ ที่ศพหายไป..."
.
พระมุโซได้บอกถึงเหตุการณ์ที่พบเห็น
มาเล่าให้ลูกชายของผู้ตายและชาวบ้านฟัง
ถึงปีศาจที่มากินศพ แต่ชาวบ้านกลับเฉยและรู้อยู่แล้ว
.
"ที่หลวงพี่เล่ามานั้น พวกเราพอทราบบ้างแล้วครับ
ผู้เฒ่าผู้แก่ เคยเล่ากันมาเหมือนกัน"
.
"และพระที่อยู่บนเขา ไม่เคยมาทำพิธีศพ
ในหมู่บ้านบ้างเลยหรือ"
.
"พระที่ไหนครับหลวงพี่...บนเขานี้
ไม่มีพระมา อยู่นานมากเลยนะครับ"
.


หลังจากนั้น พระมุโซ ก็ร่ำลาชาวบ้าน
แต่ท่านยังสงสัยอยู่ในพระชรา ที่พบเมื่อวาน
จึงขึ้นเขาไปอีกครั้ง เพื่อไปดูให้รู้
พระมุโซ ก็หากระท่อมนั้นพบ และพระชรายังคง
อยู่ในกระท่อมนั้น แต่ท่าที ของพระชราดูเปลี่ยนไป
.
"ท่านผู้ทรงศีล เป็นบุญอย่างมาก
ที่ท่านมาเยือนกระท่อม ที่ใกล้พังเช่นนี้"
.
"หลวงตา อย่าได้พูดเช่นนั้น
อาตมาต้องขอขอบพระคุณ ที่ท่านชี้บอกทาง
ไปยังหมู่บ้านมากกว่า ไม่เช่นนั้นอาตมา
คงไม่มีที่พักค้างแรมแน่ๆ"
.
"ท่านผู้ทรงศีล การที่ข้าน้อย มิอาจจะให้ท่าน
พักในกระท่อมนี้ได้ เพราะข้าน้อยเกรงว่าท่าน
จะไม่จำเริญตา จำเริญใจ กับข้าน้อย" !?
.
แล้วอยู่ๆ พระชรา ก็ร้องไห้ออกมา
"ข้าน้อยเป็นคนบาป ตายไปแล้ว
วิญญาณมิอาจจะไปไหนได้
นอกจากกระท่อมหลังนี้ ที่ตนสร้างไว้
เป็นที่ปฏิบัติกรรมฐานวิปัสสนา รูปลักษณ์ของข้าน้อย
ก็น่าเกลียดน่ากลัว เพราะผลกรรม
ทำให้ร่างของข้าน้อย กลายเป็นอสูรกาย
น่าเกลียดน่ากลัว และทรมานด้วยความหิวโหย
เป็นเปรตที่ใครไม่ทำบุญให้ อาศัยกินศพของคนตาย
เพื่อดำรงชีพ ซึ่งความจริงไม่อยากจะกินเลย
แต่ทนความหิวไม่ไหว...ท่านผู้ทรงศีลได้โปรด
ช่วยข้าน้อยให้ดวงวิญญาณ พ้นจากสภาพนี้ทีเถอะ...."
.
"และท่านก่อกรรมใดไว้จึงมารับผลกรรมเช่นนี้"
.
"ข้าน้อยตอนยังเป็นมนุษย์ เคยบวชในพระพุทธศาสนา
เป็นภิกษุสงฆ์ ออกธุดงค์ และมายังเขานี้
อาศัยพื้นที่ สร้างกระท่อมนี้ขึ้น เพื่อใช้เป็นที่
ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และชาวบ้านทราบว่า
มีพระมาอยู่ที่เขา ก็มักจะนิมนต์ ไปทำการ
สวดส่งวิญญาณไปสู่สุคติ และพวกเขา
มักให้เป็นสิ่งของตอบแทน จนข้าน้อยเกิดกิเลศ เข้ามากๆ
ก็เรียกสิ่งตอบแทนแพงขึ้น พอตายก็มาเป็นเปรต
เพราะกรรมที่เคยหากิน จากงานศพนี้ล่ะครับท่านผู้ทรงศีล"
.
พอสิ้นคำพูดของพระชรานั้น พระมุโซ มารู้ตัวอีกที
ก็เห็นซากของกระท่อม และมีหลุมศพอยู่
ท่านเลยทราบว่า หลุมศพนี้เป็นของพระชรานั่นเอง
และท่านก็ทำการ บอกแก่ชาวบ้านให้ช่วยกัน
ประกอบความดีและแผ่ผลบุญ ไปถึงพระชรา
ที่เป็นเปรตด้วย... จากนั้นหมู่บ้าน
ก็ไม่มีเปรต มากินศพอีกเลย..!!!
....
Spoil
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
นักเตะอบจ.
Status: สิงห์ร้ายตะวันออก
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1027
ที่อยู่: สุดทางบูรพา
โพสเมื่อ: Sun Aug 19, 2018 07:41
[RE: มีคนตาย .."ให้ออกไปจากบ้าน... อย่าอยู่เฝ้าศพ "..เพราะเดี๋ยวศพจะหายไปเอง !?]
สมัยซักสิบกว่าปีก่อน ผมเคยอ่านการ์ตูนเล่มละ 5 บาทของไทย เนื้อเรื่องแบบเดียวกันเลยแค่เนื้อเรื่องต่างกันตรงที่ พระเป็นเปรตกินแต่ของเซ่นไม่ได้กินศพด้วย เป็นเรื่องที่น่าแปลกนะครับว่าทั้งไทยและญี่ปุ่นเองก็มีเรื่องเล่าลักษณะคล้ายกันแบบนี้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
" Actions speak louder than words "

ออฟไลน์
โค้ช C-License
Status: Middle fingers up if you don't give a f**k
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Apr 2010
ตอบ: 39637
ที่อยู่: ข้าวเหนียวมะม่วงรสช็อคโกแลต
โพสเมื่อ: Sun Aug 19, 2018 08:40
[RE]มีคนตาย .."ให้ออกไปจากบ้าน... อย่าอยู่เฝ้าศพ "..เพราะเดี๋ยวศพจะหายไปเอง !?
สนุกดี ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องแต่งก็เถอะพ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

SAVE OF THE CENTURY !!

ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel