*เนื่องจากผมใช้กล้องสองตัวถ่ายรูปในงาน ฉะนั้นถ้าเป็นรูปคุณภาพกากๆจะเป็นมือถือกล้องผม และรูปที่คุณภาพดีกว่าคือมิลเลอร์เลสของแฟนผมนะครับ ดังนั้นขออภัยในความไม่เท่าเทียมของคุณภาพรูปล่วงหน้าครับ
สวัสดีครับ วันนี้จะขอมารีวิวรูปแบบคล้ายๆกับตอนรีวิวงานเปิดตัว God of War ถ้าใครยังจำกันได้ แต่เป็นในส่วนของงาน PlayStation Experience SEA 2018 แทนครับ
ว่ากันตรงๆเลยถ้าให้เป็นคะแนน จะให้ประมาณ
7/10 ซึ่งผมเห็นผ่านๆว่ามีหลายเจ้ารีวิวแล้ว และก็เห็นจุดด้อยที่ควรปรับปรุงหลายจุดเหมือนๆกัน
แต่ไปตัดตรงไหนเดี๋ยวค่อยมาว่ากันหลังจากที่ผมพูดถึงเรื่องของ
ของแถมสำหรับบัตรวีไอพีก่อน
เกริ่นเลยว่าบัตรวีไอพีสำหรับงานนี้ขายผ่านเว็บที่ 1000 ใบ และมีกั๊กไว้หน้างานประมาณ 400 ใบสำหรับวัน(เสาร์)นี้
ในวันอาทิตย์อาจจะเป็นโควต้าเดิมหรือเปลี่ยนซึ่งท่านต้องติดตามที่หน้างานนะครับ
ซึ่งนอกจากบัตรเข้างานแล้วท่านจะได้รับของตามรูปด้านล่างนี้ครับ
จำแนกรายชิ้นคือ
เสื้อ PlayStation Experience SEA 2018 เลือกไซส์ได้
ในถุง Goodie ข้างในจะมีเด่นๆสองอย่างคือ
เลนส์หนีบสำหรับมือถือ
กับที่หนีบกระดาษทรงปุ่มจอยเพลย์ แล้วก็ที่ใส่ทรง PS4 (ที่โดนแฟนจิ๊กไปแล้วเรียบร้อย)ครับ
นอกนั้นจะเป็นสติ๊กเกอร์ต่างๆ Voucher ลดราคาเกม แล้วก็ Voucher ลดราคาจอยกับจอยโยกของ Razer ครับ
ส่วนบัตร 200
เปิดจำหน่ายเที่ยง เข้างานได้บ่ายสอง ได้ Voucher ลดราคาเกมเหมือนกัน แต่บัตร 100
ที่เปิดขาย 4 โมง และเข้างานได้ 6 โมง จะได้แค่สิทธิเข้างานเพียวๆครับ
แล้วก็จะมีสิ่งที่เรียกว่า "
การ์ด" ที่ตอนเข้างานท่านจะได้การ์ดใบนี้มาเป็นใบแรกครับ
ซึ่งในงานเนี้ย เค้าจะใช้ App ที่ชื่อ
Playstation Experience เป็นหลักครับ
หลักๆเลยคือเวลาท่านเข้าไปเล่นเดโม่เกมต่างๆ
หลังเล่นเสร็จ ท่านจะได้โอกาสสแกน QR โค้ดของสต๊าฟประจำเกมนั้นๆ เพื่อที่จะใช้เป็นการทำ "
เควส" ใน App
ที่หากท่านเข้าเล่นเกมได้ครบตามที่เควสนั้นๆกำหนดไว้ได้ ท่านสามารถเอาไปแลกการ์ดพิเศษต่างๆหรือกระทั่งของชำร่วยจำนวนจำกัด(มาก)ที่หน้างานได้ครับ
และตามฐานเกมต่างๆ
บางเกมจะมีการ์ดแบบนี้ให้สะสมเป็นคอเลคชั่นต่างหากด้วย ตามด้านล่างนี้ครับ ซึ่งจะมีเยอะกว่านี้อย่างที่ผมไม่มีจะเป็นในส่วนของ Overcooked 2(หมด), Frantics, Resident Evil 2 แล้วก็ Shadow of Tomb Raiders รวมทั้งการ์ด Trophy ที่ได้จากการทำเควส Trophy นั้นๆครบครับ
นอกจากนั้นสำหรับท่านใดที่ไอดี PSN ยังเป็น PSN Plus อยู่ ท่านสามารถไปลงทะเบียนที่บูท PSN ในงานเพื่อรับสิ่งที่เรียกว่า "
ใบลัดคิว" หรือ
Fast Pass ได้ คนละ 2 ใบครับ
ข้อดีของมันไม่ใช่บัตรข้าใหญ่ที่ยื่นใส่หน้าแล้วเดินเข้าเล่นเกมได้เลย
แต่ท่านสามารถไปเข้าแถว "ฟาส" ที่มีโควต้าเครื่องต่อรอบให้มากกว่าแถวธรรมดาครับ อย่างสไปเดอร์แมนที่แถวฟาสได้โควต้า 5 เครื่อง ในขณะที่แถวธรรมดาจะได้ 3 เครื่องต่อรอบครับ
บัตรฟาส
เทรดกันได้ แต่ใช้ข้ามวันไม่ได้ครับ
อ้อ ในบูทดังกล่าวจะมีมินิเกมคล้ายๆ O2Jam แบบจิ้มจอทัชใหญ่ๆให้
เล่นลุ้นคูปองส่วนลด 10-50% ของใน PS Store ตามคะแนนที่ได้แบบรูปด้านล่างให้ด้วยนะครับ
ปูลู
สายรัดข้อมือที่เห็นในภาพเหนียวมากครับ หมดกังวลได้เลย ขนาดคนเหงื่อไหลแทนน้ำแบบผม
กลับมาถึงบ้านมันยังหน้าด้านดึงไม่ยอมขาด ต้องเอากรรไกรมาตัดเลยทีเดียว
หมดไปแล้วกับคร่าวๆเรื่องที่ควรทราบในงาน ทีนี้ท่านผู้อ่านหลายๆคนคงกำลังคิดว่า "
ไหนภาพบรรยากาศงาน(วะ)"
ฉะนั้นเราก็มาพักชมภาพหลายๆมุมในงานจาก
กล้องดีๆของแฟนผมก่อนจะไปพูดกันต่อเรื่องข้อดีข้อเสียก็แล้วกันครับ
**โหลดเอาเรื่อง 4g โปรดระวังนิดๆนะครับ
พอมาพูดถึงจุดที่ผมต้องหักคะแนนงาน อันดับแรกเลยคือ
คนจัดงานประเมินสถานการณ์ผิดไปครับ
ที่ว่าผิดไปคือประเมินเสียงตอบรับจากเกมเมอร์บ้านเราต่ำไปครับ
เลยทำให้ของชำร่วยบางอย่างที่แจกหมดค่อนข้างไว แล้วก็ประเมินความต้องการในการเล่นเกมบางไตเติ้ลผิดไปโขเลย
อย่างที่ชัดๆคือบูทของ Resident Evil 2 ที่มาจัดเป็นแค่บูทเล็กทั้งๆที่ควรจะเป็นบูทใหญ่ที่สุดของงาน ที่ถึงจะมี 12 เครื่อง
แต่ก็ควรจะมีจำนวนเครื่องรองรับมากกว่านั้น ประกอบกับเวลาการเล่นต่อคนที่นาน (25-20 นาที) เลยทำให้แถวต่อคิวรอเล่นมันขดแล้วขดอีกจนแทบจะหาที่ต่อไม่เจอกันเลย
และสถานที่จัดงานที่ถึงจะรองรับคนได้พอสมควร
แต่ก็ถือว่ายังไม่เพียงพอ แล้วก็ต้องรอการระบายคน
ซึ่งผลจะไปตกกับคนที่ซื้อบัตรธรรมดาเพราะสตาฟจะปล่อยเข้างานเป็นระลอก ไม่ใช่เฮโลอัดเข้ามาแบบงานเกมอื่นๆทั่วๆไป
เลยจะทำให้เกิดความล่าช้าทั้งในการต่อคิวเข้างาน แล้วก็ต่อคิวเล่นเกมครับ
อย่างที่สองคือ
จำนวน และความหลากหลายของเกม รวมทั้งการเปิดตัวเกมใหม่ๆครับ
ซึ่งอย่างหลังสุดเป็นอะไรที่ผมไม่ได้หวังมากเท่าไหร่อยู่แล้วเลยแค่เจ็บนิดๆ แต่ค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อยตอนที่ได้เห็นรายชื่อเกมในงานเป็นครั้งแรกครับ
สำหรับทั้งตัวผมแล้วก็ตัวแฟนที่ไม่ได้เป็นเกมเมอร์เท่าไหร่ก็พูดเหมือนกันว่า
ค่อนข้างน้อย แล้วก็ยังไม่ได้ดึงดูดมากเท่าไหร่
จะบอกว่าช่วงเวลาจัดไม่ค่อยดีด้วยก็ส่วนหนึ่ง
เพราะเกมตัวใหญ่อย่าง DQ XI หรือ Spiderman หรือกระทั่ง Tomb Raiders ก็มีกำหนดออกไม่ถึงเดือนแล้ว
นับกันจริงๆที่คนตั้งใจจะเข้าแถวลองก็คงเป็นแค่
RE2 Kingdom Hearts 3 แล้วก็ Soulcalibur VI กับ Jump Force เท่านั้นเองครับ
เลยมาถึงประเด็นสุดท้ายคือ
การประกาศตารางงานครับ
ที่เป็นประเด็นที่ผมตัดคะแนนมากที่สุดสำหรับงาน เพราะเป็นงานที่แจงตารางงานรวมทั้งดารารับเชิญหลังจากที่ขายบัตรเสร็จไปสักพักใหญ่ๆแล้ว
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าในการติดต่อแขกรับเชิญ หรือไม่ลงตัวของบูทเกมอะไรก็แล้วแต่ ที่ล้วนเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง
แต่ก็ไม่สมควรอย่างยิ่งอยู่ดีครับ อย่างในกรณีของแขกรับเชิญอย่าง Connor ในวันอาทิตย์ที่แฟนผมอยากไปถ่ายรูป แต่ผมจองและรับบัตรวันเสาร์ที่คืนเงินหรือเปลี่ยนวันไม่ได้มาแล้ว ซึ่งสำหรับผม มองว่าไม่ใช่เรื่องที่ตัวลูกค้าจะต้องมารับผิดชอบกับความไม่สะดวกของผู้จัดงานครับ
ทีนี้มาหยุดเรื่องเสียๆแล้วพูดถึงเรื่องดีๆกันบ้าง ซึ่งสองข้อแรกมันก็จะไปเหมือนกับข้อดีของงาน God of War เสียมากอย่างข้อหนึ่ง
มันเป็นงานเกมครับ
ดังนั้นท่านจึงไม่จำเป็นต้องไปเดินงาน "เกม" เก้อเพราะในงานเกินครึ่งไปเน้นที่ขายของในเกมหรือเปิดลงทะเบียนล่วงหน้าเป็นหลัก
แต่ไม่มีอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันให้ท่านจับ
แต่ท่านจะได้ไปยืนเข้าแถวที่ทุกคนในแถวได้ประสบการณ์แบบเดียวกันและได้สัมผัสกับตัวเกมจริงๆกลับไปกันทุกคนครับ(ไม่พูดถึงความนานในการต่อคิวนะครับ)
และก็แน่นอนครับ ไม่มีโซนสำหรับผู้ตามดารานักร้องมานั่งเกาะกลุ่มกันอย่างที่ผมเคยบ่นไปในครั้งก่อนให้กวนใจแต่อย่างใด
มาถึงอย่างที่สองคือ
สตาฟในงานครับ
เนื่องจากส่วนหลักในงานคือการเข้าคิวรอเล่นเดโม่เกม
ผมจึงมีโอกาสได้พูดคุยกับพนักงานมากกว่าตอนงานเปิดตัว GoW มาก
สองสิ่งที่ทั้งผมและแฟนสังเกตุและเห็นด้วยทั้งสองคนคือ
พนักงานสุภาพมาก และ
รู้เรื่องครับ
ซึ่งการที่ได้คุยกับน้องที่รู้จักที่ไปเป็นสตาฟในงาน
ผมขอยกความดีความชอบให้คนที่เทรนสตาฟงานนี้มาครับ
นอกจากที่ผมไม่เคยได้ยินพนักงานขึ้นเสียงหรือออกอารมณ์เสียๆเลยสักครั้งตั้งแต่ที่ผมไปนั่งต่อแถวตอน 9 โมงจนถึงประมาณ 1 ทุ่ม
น้องสตาฟทุกบูทยิ้มแย้ม พูดคุยเล่นเป็นกันเองและพูดขอบคุณที่ผมแวะเข้าไปเล่นเกมแทบทุกคนครับ
อีกอย่างหนึ่งคือ
น้องสตาฟแต่ละคนมีความรู้ในบูทของตัวเองค่อนข้างดี ไม่ว่าจะถามเรื่อง QR เรื่องการ์ด หรือเรื่องการเข้าแถวต่อคิว หรือกระทั่งเรื่องของบูทอื่นๆ ที่บางครั้งแม้จะให้คำตอบไม่ได้ ก็ยังพอให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ในระดับหนึ่งมาให้แทนได้ครับ
และยังคุมงานให้พอเป็นระเบียบเท่าที่สถานที่จะเอื้อได้ดี รวมทั้งสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า อย่างการงงแถวลัดคิวได้ในระดับที่พอใช้ได้ครับ
เรื่องสุดท้ายคงจะเป็น
คุณภาพโดยรวมครับ
ทั้งในการนำเสนอ ทั้งของชำร่วยเท่าที่ผมได้สัมผัสมา ทั้งตัวเกมที่เอามาโชว์
หากไม่นับข้อเสียที่กล่าวไปแล้ว ถือว่ามีคุณภาพที่ดีพอสมควรครับ
อารมณ์พอได้จับได้สัมผัสแล้วความคิดที่ว่าได้ของคุณภาพไม่คุ้มราคาบัตรที่จ่ายไปไม่ได้แว้บเข้ามาในหัวเลย
แล้วบรรยากาศภาพรวมของงานแม้จะดูแย่ถ้าดูผ่านๆ แต่พอได้เข้าไปในงานแล้ว จะเห็นได้ว่า
การจัดการของสตาฟในการยอมเสียเรื่องความรวดเร็วในการเข้างานแต่แลกมากับการที่สามารถอยู่ในงานได้ค่อนข้างสะดวกกว่างานอื่นๆอยู่บ้างก็คุ้มค่าดีครับ
สรุปแล้ว งาน Playstation Experience SEA 2018 นี้ก็ยังห่างไกลจากคำว่าเลิศเลอเพอเฟคอยู่มาก แต่องก์ประกอบบางส่วนของงานที่มักจะทำให้ดีได้ยากกลับทำได้ค่อนข้างดี และจุดที่สอบตกในครั้งนี้ก็ถือเป็นจุดที่สามารถปรับปรุงได้ หากทางเราได้มีโอกาสจัดงานครั้งต่อๆไปหรือมีงานประเภทนี้เป็นของตัวเอง
ซึ่งถ้าหากใช้สตาฟชุดเดิมๆ กับปรับปรุงระบบสักนิด เพิ่มความหลากหลายของจำนวนเกมเข้ามาหน่อย และว่องไวในการแจกแจงรายละเอียดงานก่อนวางขายบัตร รวมทั้งได้สถานที่จัดงานที่สามารถรองรับคนได้มากขึ้น กับบูทเกมที่มีพื้นที่ให้แต่ละบูทเพิ่มขึ้นอย่างพอสมควร แม้ราคาบัตรวีไอพีจะพุ่งขึ้นไปถึงหลักพัน ผมก็ยังจะอุดหนุนบัตรในวันแรกที่เปิดขายและกล่อมให้แฟนผมซื้อตามๆกันมาแน่นอนครับ
*ในงานนี้เกมที่ผมได้เข้าไปลองเล่นเดโม่มาก็จะมี
Kingdom Hearts 3, Dragon Quest XI, FORTNITE, Warrior Orochi 4, Spiderman, FIFA 19, Overcooked 2 แล้วก็ได้เข้าไปชมเกมเพลย์ของ
SEKIRO มาครับ
แล้วพอไปเจอแถวของ Resident Evil 2 กับ Soul Calibur VI และ Tomb Raiders ช่วงจะกลับเข้าไป ต้องขอยกธงไว้เท่านี้ครับ เพราะคดเคี้ยวเลี้ยวลดเสียเหลือเกิน
ในขณะที่แฟนผมได้ไปเล่น
Tetris Effect VR และ
Sonic Mania Plus มาอีกสองเกมครับ
**สำหรับท่านใดที่สนใจจะไปร่วมงานวันพรุ่งนี้ ผมมีคำแนะนำสองสามข้อให้ท่านตามนี้ครับ
1.
หากท่านต้องการเล่นเดโม่ RE2 โดยเฉพาะท่านที่หมายหมั้นปั้นมือว่าต้องเล่นให้ได้ หากท่านเข้าแบบวีไอพีรอบ 10 โมง
ผมแนะนำให้ท่านละทิ้งทุกอย่างแล้วตรงไปที่บูท RE2 เพื่อต่อคิวเล่นก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยไปลงทะเบียนเอาใบลัดคิวแล้วไปเข้าแถวลัดคิวสไปเดอร์แมนต่อครับ
เพราะ บูท RE2 คือบูทที่ต่อคิวนานที่สุดในงาน แถวฟาสจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงโดยเฉลี่ย และบูทสไปเดอร์แมนคือบูทที่ต่อคิวนานรองลงมา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในแถวฟาสโดยเฉลี่ยครับ
และหากสนใจเกมบางเกมนอกเหนือจากสองเกมข้างต้น ผมแนะนำให้เดินส่องบูทดูก่อนว่ามีเครื่องเกมให้เล่นกี่เครื่อง
เพราะแต่ละบูทระบายคนได้ไม่เท่ากันจะได้กะระยะเวลารอถูกครับ
2.
โด๊ปน้ำ และเตรียมลูกอมหรือหมากฝรั่งไปด้วยครับ เนื่องจากในงานไม่อนุญาตให้ท่านเอาน้ำหรืออาหารเข้างาน และไม่มีจำหน่ายด้วย ประกอบกับระยะเวลาต่อคิวเล่นเกมบางเกมจะใช้เวลานานเป็นพิเศษ สิ่งที่ช่วยบรรเทาจุดนี้ได้บ้างคือของช่วยให้ชุ่มคอพวกนี้ครับ
และแม้จะมีห้องน้ำด้านใน แต่มันก็อยู่นอกตัวโถงทำให้ท่านต้องออกจากงานและต่อคิวเข้ามาใหม่อยู่ดี ฉะนั้นหากท่านต้องการทำธุระ ผมแนะนำให้ทำให้เสร็จก่อนเข้างานครับ
3.
เนื่องจากของแจกมีจำนวนจำกัด ดังนั้นนักล่าเควสหรือนักล่าของชำร่วย ควรโหลดแอป Playstation Experience มาให้พร้อมและวางแผนในการล่าเควสให้ดีครับ รวมทั้งคนที่อยากได้ของแจกแบบพิเศษ ควรจะไปสิงแถวเวทีที่พิธีกรชอบสุ่มหาคนขึ้นไปเล่นเกมหรือตอบคำถาม ที่มักจะเรียกช่วงที่คนที่อยากได้(อย่างผม)มักจะไปยืนต่อแถวเล่นเกมอยู่พอดีครับ
ทั้งหมดทั้งมวลก็มีประมาณนี้ หากท่านใดที่มีข้อสงสัยก็สอบถามไว้ในกระทู้ได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ