เศรษฐศาสตร์ (Economics) เป็นสาขาทางด้านสังคมศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการผลิต กระจาย การบริโภคสินค้า และการให้บริการต่าง ๆ ซึ่งจะเริ่มศึกษาตั้งแต่วิธีการควบคุมและการกระจายทรัพยากรของมนุษย์ แต่ในปัจจุบันได้มีมหาวิทยาลัยเอกชนหลาย ๆ แห่งด้วยกัน ได้เริ่มทยอยปิดสาขาวิชานี้กันไปอย่างต่อเนื่อง

มหาวิทยาลัยเอกชน ทยอยปิดคณะเศรษฐศาสตร์

เพราะมีจำนวนเด็ก ๆ ที่เลือกเข้าศึกษาต่อทางด้านนี้น้อยลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่ตรงต่อความต้องการของนายจ้าง ซึ่งมหาวิทยาลัยเอกชนได้มีการเน้นการเรียนการสอนในหลักสูตรธุรกิจเกม สตาร์ทอัพ และด้านอีคอมเมิร์ซ มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของกระแสธรุกิจโลกในปัจจุบัน

โดย นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยหลายแห่งได้เริ่มมีการปิดคณะ/สาขาเศรษฐศาสตร์ หลังจากมีจำนวนนักศึกษาสมัครเข้าศึกษาต่อน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมหาวิทยาลัยบางแห่งที่ยังมีการเปิดการเรียนการสอนอยู่นั้น ก็มีจำนวนนักศึกษาลดน้อยลงปีละ 20-40 %

เนื่องจากเด็ก ๆ ที่จบการศึกษาออกไปนั้น ได้มีการประเมินว่าสมัครงานยาก เพราะนายจ้างต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านมากกว่า เช่น ด้านธนาคารก็จะเน้นสาขาบัญชีหรือการเงิน เป็นต้น ดังนั้นหลาย ๆ มหาวิทยาลัยจึงได้มีการปรับหลักสูตเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาพื้นฐานสำหรับผู้เรียนในสาขาต่าง ๆ แทน

ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยเอกชนหลายแห่งได้มีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อตามทันความต้องการของตลาดแรงงาน เช่น การลดค่าเทอม 20-30 % และการปรับหลักสูตรให้สอดคล้องต่อความต้องการของนักศึกษายุคนี้ให้มากยิ่งขึ้น เช่น ธุรกิจเกม สตาร์ทอัพ โลจิสติกส์ และด้านอีคอมเมิร์ซ ฯลฯ เนื่องจากในปัจจุบันนักศึกษาที่จบออกไปนั้นได้มีการเปลี่ยนแนวคิดที่จะไปเป็นผู้ประกอบการมากกว่าการเป็นลูกจ้างในบริษัท

ทั้งนี้ วิชาเศรษฐศาสตร์ถือว่าเป็นความรู้พื้นฐานไปแล้วสำหรับการเรียนการสอน เนื่องจากยังมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตประจำวันและใช้ในงานเพื่อการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหาภาคได้ อย่างไรก็ตามในมหาวิทยาลัยเอกชนก็มีมหาวิทยาลัยไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังคงเปิดสอนในสาขาเศรษฐศาสตร์อยู่ (และหนึ่งในนั้นที่ยังเปิดสอนอยู่ก็คือ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย) ขณะที่มหาวิทยาลัยของภาครัฐที่เปิดอยู่ เช่น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฯลฯ
นางเสาวณีย์ ได้กล่าวต่ออีกด้วยว่า ขณะนี้ทางมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นหลังจากแนวโน้มจำนวนเด็กใหม่เริ่มลดลง เนื่องจากแต่ละครอบครัวมีบุตรไม่มากและหลายคนก็ยังครองตัวเป็นโสดโดยไม่มีการแต่งงาน ซึ่งต่างจากประชากรในประเทศเพื่อนบ้านที่ยังมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง

ล่าสุดได้มีการลงนามความร่วมมือในการขยายหลักสูตรเอ็มบีเอ (MBA) ไปยังเมืองย่างกุ้ง และได้ขยายหลักสูตรเพิ่มไปยังเมืองมัณฑะเลย์ และยังมีแผนขยายเพิ่มไปยังประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนอื่น ๆ ทั้ง สปป.ลาว เวียดนาม และกัมพูชา เป็นต้น

ด้าน นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (ดับเบิ้ลยูทีโอ) กล่าวว่า ค่อนข้างเสียใจมากที่หลาย ๆ มหาวิทยาลัยได้มีการปิดการเรียนการสอนด้านเศรษฐศาสตร์ เนื่องจากมีจำนวนเด็กเข้าเรียนน้อยลง แต่ยืนยันว่า สาขาเศรษฐศาสตร์ยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของแต่ประเทศอยู่ และเชื่อว่าผู้ที่จบด้านนี้ยังคงเป็นที่ต้องการของหลาย ๆ องค์กรหรือหน่วยงาน

ข้อมูลจาก : www.dailynews.co.th

Written by : Toey

ที่มา
https://campus.campus-star.com/education/79150.html

ผมจบ ศศ. ม.รัฐ ทั้งตรีและโท เกรด 3.xx

ยอมรับว่าหางานยากเหมือนกันนะครับ เพราะมันไม่ตรงสายเท่าไหร่เลยครับ

เพื่อนผมก็บ่นว่าหางานยากนะ ม.รัฐชื่อดัง เกรด 3 กว่า แต่งานเรียกแต่ละที่ก็ไม่เคยจะตรงสายงานที่จบมาเลย

จบมาทำงานด้านใดครับ

ลูกพี่ลูกน้องผมจบสายนี้ ตอนแรกๆหางานยาก

เลยไปต่อโทที่อังกฤษ ปัจจุบันกลับมาเป็นนักวิชาการกับ

นักบรรยายวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์

ก็สมควรแล้วแหละ เป็นวิชาที่ดีและเรียนสนุก(กว่าวิชาอื่น)นะ แต่เนื้อหามันกว้างเกินไปประยุกต์ใช้ลำบาก จบมาแล้วหางานตรงสายโคดยาก

คือสบายตอนเรียน แต่ลำบากตอนหางาน จากใจคนจบเศรษฐศาสตร์

มันดูเข้าใจยากกว่าบัญชี การเงินมั้งครับ เด็ก ม.6 บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเศรษฐศาสตร์เรียนอะไร หรือคนเรียนบางคนมั่วเรียนจะจบอยู่แล้วแต่ยังไม่รู้จักอาชีพเศรษฐกร 5555 ป้าในตลาดถามสาขานี้ทำงานไร อ๋อ เล่นหุ้น งานแบงค์

ผมว่าสิ่งที่ได้มากที่สุดจากเศรษฐศาสตร์คือกระบวนการคิดครับ ออกแนวจะก้าวร้าวกว่าสาขาอื่นๆหน่อยๆ ถ้าจะหวังว่าจบมาจะต้องใช้ทฤษฎีเกม ทฤษฎีใยแมงมุมทำงานแทบไม่ได้ใช้ แต่ความเป็นเศรษฐศาสตร์นี่แหละที่หล่อหลอมตัวเราโดยคาดไม่ถึง

ปล. A beautiful Mind ยังอยู่ในความทรงจำ แม้จะจบมาเป็นสิบๆปีแล้ว

ผมจบศศ. มาเหมือนกัน ผมชอบมากเลยนะ ตอนเรียนนี่คือแบบสนุกจริงๆ แต่ก็มีไม่กี่คนที่คิดอย่างนี้ และก็ยอมรับว่ามันหางานยากจริงๆ งานที่ตรงสายนั้นต้องเป็นหัวกะทิเท่านั้น แต่ก็เข้าใจว่าวิชามันไม่รองรับตลาดแรงงาน มันรู้ทุกเรื่องแต่รู้ไม่แน่นซักเรื่อง ต้องมีอะไรเสริมไปอีกเยอะ ผมต้องไปเพิ่มความรู้ด้านการเงินมาเนี่ยถึงจะหางานทำได้ ตอนสอบเข้าที่ทำงานยังขอดูวุฒิการเงินอีก ยังดี แถๆไปว่าเศรษฐศาสตร์ก็รู้การเงินเยอะ สอบเข้ามาได้ยังจะหาวุฒิอีก

ต่อโทก็อยากต่อเศรษฐศาสตร์ แต่คงเป็นแบบประยุกต์หน่อย

ใช่ๆ อันนี้เห็นด้วย เวลาเราเจอเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ หรือว่าการเงิน เราจะเข้าใจว่าทำไมมันเกิดสิ่งนี้ขึ้นได้

ก็ตามนั้นแหละท่าน แต่สิ่งพวกนี้มันไม่เป็นรูปธรรมยากที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นไงท่าน ไม่เหมือนคนจบบัญชี การเงิน การตลาด พวกนี้ดูเป็นรูปธรรมกว่าเยอะ

เอกชนก็ นักวิเคราะห์การลงทุน โบรกเกอร์ งานแบงค์ หรืองานวิเคราะห์ของบริษัทต่างๆ

รัฐก็ เศรษฐกร กับนักวิเคราะห์นโยบายและแผน นักวิชาการต่างๆ

ปล.ผมว่าตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผน คนเศรษฐศาสตร์ค่อนข้างได้เปรียบคนสาขาอื่นพอตัวด้วยกระบวนการคิด อย่างตัวผมอยู่กระทรวงเกษตรบอกเลยว่าความรู้ด้านเกษตรอยู่ๆไปก็จะซึมซับเองและหาอ่านได้อาจไม่ได้เก่งเท่าคนจบเกษตร แต่มุมมองด้านเศรษฐศาสตร์นี่กินขาดซึ่งคนสาขาอื่นเขาไม่ค่อยเข้าใจวิธีคิดแบบเรา ประยุกต์ได้ทุกศาสตร์เลยครับ

เรื่องตลกคือพอเข้าไปทำงานไปแล้วทุกองค์กรแทบจะขับเคลื่อนบนพื้นพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์เลยนะ มันมีกิมมิคเยอะมาก เศรษฐศาสตร์ไม่ได้มีแค่เศรษฐกิจกับเงินซักหน่อย

วันก่อนที่ออฟฟิต เจ้านายเค้าก็แซวว่าเศรษฐศาตร์แม่มเชี่ยวชาญแต่อธิบายอดีต

เข้าใจว่า ในคณะบริหารธุรกิจ มันมีวิชาเศษฐศาตร์ เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น

บริหารธุรกิจเอกบัญชี ก็มีเรียนวิชาเศษฐศาตร์
บริหารธุรกิจเอกการตลาด ก็มีเรียนวิชาเศรษฐศาตร์
บริหารธุรกิจเอกคอมพิวเตอร์ ก็มีเรียนวิชาเศรษฐศาตร์

ผมเลยมองว่า คณะบริหารธุรกิจเอกเศรษฐศาสตร์ มันเลยดูด้อยกว่าวิชาเอกอื่นในการเอามาประยุกใช้ในการทำงานในบริษัท หน่ะครับ...