ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
16 July 2018 21:41 by Zaine_R
นี่แหละฟุตบอล&แชมป์โลกที่คู่ควรในมือ “ฝรั่งเศส"


เป็นเวลาหนึ่งเดือนแทบจะพอดิบพอดีสำหรับมหกรรมลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนพื้นพิภพอย่าง ฟุตบอลโลก ประจำปี 2018 ที่ ประเทศรัสเซีย เป็นเจ้าภาพได้บังเกิดขึ้นและจบลง โดยที่เป็น ฝรั่งเศส เข้าป้ายคว้าเกียรติยศนี้ไป

นี่คือแชมป์โลกสมัยที่ 2 ของขุนพล “ตราไก่" หลังจากที่รอคอยยาวนานมาถึง 20 ปี ซึ่งครั้งแรกที่พวกเขาทำได้นั้น เกิดขึ้นบนแผ่นดินของตัวเอง ภายใต้ชื่อทัวร์นาเมนต์ที่พวกเราคุ้นหูกันดีอย่าง “ฟร้องซ์ 98” มันมีความหมายมากมายแค่ไหน แทบไม่ต้องอธิบายให้เสียเวลา เอาว่า กรุงปารีส เมื่อคืนที่ผ่านมาแทบแตกเลยก็ว่าได้

ว่ากันในเกม 90 นาทีที่ ลุซนิกี้ สเตเดี๊ยม ไม่ต้องพูดถึงก่อนเริ่มเขี่ย เอาตั้งแต่ก่อนที่ วิล สมิธ ดาราดังจะลงไปเซิ้งเพลงฟุตบอลโลกปีนี้ (ที่แทบไม่มีใครรู้จัก ฮา) กับเพื่อนๆอีก 2 คน ลูกทีมของ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ ก็เป็นต่อคู่แข่งอย่าง โครเอเชีย ที่เรียกได้ว่าเป็นม้ามืดตัวจริงประจำรายการอยู่แล้ว เพียงแต่พอสิ้นเสียงนกหวีดสั่งเริ่มเกมของ เนสตอร์ ปิตาน่า ผู้ตัดสิน ดูเหมือนว่ากระแสจะเทไปอีกฝั่ง

เพราะเป็น โครเอเชีย ที่เริ่มต้นเกมได้ดีกว่า โดยพยายามเน้นการครองบอลเท้าต่อเท้า ค่อยๆหาจังหวะเข้าทำ โดยมีขุนพลอย่าง ลูก้า โมดริช บัญชาเกมตรงกลาง คู่กับ อีวาน ราคิติช ว่ากันตามตรง ถ้ามีเวลาอีกสักหน่อย ทีม “ตราหมากรุก" น่าจะขยับสปีดของเกมได้มากขึ้น พร้อมกับคาดหวังการเข้าทำที่วางแผนไว้ได้ แต่ดันไปเสียฟาวล์นอกกรอบเขตโทษ จากลูกเหลี่ยมของ อ็องตวน กรีซมันน์ ที่ผมบอกเลยว่า จังหวะแบบนี้ยังไงก็ฟาวล์ครับ มันเป็นจังหวะเรียกฟาวล์ของแนวรุกอยู่แล้วกับการรอให้กองหลังเข้าปะทะ ก่อนจะแตะหนีเล็กน้อยแล้วล้มเอาลูกฟรีคิก ก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดบอลโค้งเข้ากรอบเขตโทษ แล้ว มาริโอ มานด์ซูคิซ จะพลาดเสยบอลพุ่งเข้าประตูตัวเองไป

ถึงตรงนี้ เขาเรียก เกมเปลี่ยน ครับ เพราะนี่คือสิ่งที่ ฝรั่งเศส ต้องการ อย่างที่เรารู้กันดีว่าฟุตบอลโลกปีนี้ เดส์ช็องส์ ตั้งใจติดตั้งระบบการเล่นที่เหนียวแน่น เอาชัวร์ ก่อนจะใช้ตัวจี๊ดในแนวรุกสวนกลับไวเพื่อทำประตู ฉะนั้นการขึ้นนำไวตั้งแต่นาทีที่ 18 แบบนี้เข้าทางพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งขณะเดียวกัน มันก็สวนทางกับสิ่งที่ ซลัตโก้ ดาลิช ผู้จัดการทีมของ โครเอเชีย อยากให้เป็น เพราะแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องขยับสปีดแบบข้ามสเต็ปเพื่อทวงประตูคืน

ซึ่งก็ต้องบอกว่า ยอมใจ เพราะอีกแค่ 10 นาทีต่อมา อีวาน เปริซิช ก็มาซัดประตูตีเสมอให้กับทีมจนได้ มาถึงตรงนี้ โมเมนตั้มของเกมดูท่าจะโยกกลับมาทางทัพ “ตราหมากรุก" อีกครั้ง แต่เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด พวกเขากันมาเสียจุดโทษ จากจังหวะ แฮนด์บอล ของผู้ที่ยิงตีเสมอให้กับทีมอย่าง เปริซิช ซะนี่

จริงๆจังหวะนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเลือกในการเป็นจุดโทษ เริ่มจากแนวรับของ โครเอเชีย เองที่ไม่ละเอียดในการสกัดจนเสียเตะมุม ก่อนที่บอลซึ่ง ฝรั่งเศส เปิดมาจะไปโดนมือของ เปริซิช ที่โดนคู่แข่งพุ่งโฉบตัดหน้าจนเสียจังหวะ บวกกับเป็นโมเมนต์ที่เจ้าตัวกำลังลอยตัวลงจากการขึ้นโหม่ง แล้วมือไปโดนพอดี พอมีสัญญาณให้เช็คจาก VAR ซึ่งกรรมการน่าจะพิจารณาแล้วว่าเป็นวิถีบอลที่สามารถทำให้เกิดแอคชั่นต่อเนื่องในการลุ้นทำประตูของทัพ “ตราไก่" ได้อีก จุดโทษจึงบังเกิดและเป็น กรีซมันน์ ที่สังหารเข้าไปไม่เหลือ

พอจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ การตามหลังแค่หนึ่งลูกไม่ใช่เรื่องหนักหนามากนักกับเวลาที่เหลือ แต่ประเด็นคือมันดันเป็น 2 ลูกที่ไม่น่าเสีย แน่นอนว่าเรื่องนี้ส่งผลถึงสภาพจิตใจของนักเตะโครแอตไม่น้อย ขนาดกองเชียร์ทางบ้านยังหัวเสียเลย

เริ่มครึ่งหลัง แม้ว่า โครเอเชีย จะยังคงต่อบอลทำเกมกันได้ดี แต่ก็อย่างที่ผมบอกไป นั่นคือสิ่งที่ ฝรั่งเศส ต้องการให้เป็น พวกเขานำอยู่ ขอแค่กองหลังคู่แข่งลอยสูงในจังหวะเติมเกมบุก ก็พร้อมที่จะใช้ คิลิยัน เอ็มปั้บเป้ วิ่งทะลวงไปลุ้นประตูทันที ซึ่งประตูที่ 3 ของพวกเขาก็มาจากแผนการเล่นนี้ เมื่อ “ตราไก่" ตัดเกมในแดนของตัวเองได้ ก่อนที่ ป็อกบา จะวางบอลยาวอย่างสวยไปให้ เอ็มปับเป้ ควบขึ้นฝั่งขวาและเปิดบอลผ่านต่อมา 2 จังหวะจนถึง ป็อกบา ที่ปรี่เข้าไปหน้ากรอบเขตโทษ แม้จะยิงติดครั้งแรก แต่บอลยังคงทาง ตามบวกด้วยซ้ายเข้าไปไม่เหลือ

เฉกเช่นเดียวกันกับประตูทิ้งห่าง 4-1 ที่เป็นเกมสวนกลับตามสูตรขึ้นทางซ้าย ก่อนบอลจะทะลุถึง เอ็มปั้บเป้ ที่โยกหลอกกองหลัง เข้าขวาข้างถนัด แล้วซัดเสาแรกเข้าไปสวยๆ ส่งชื่อตัวเองขึ้นแท่นดาวยิงอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ที่ทำประตูในเกมนัดชิงฟุตบอลโลกได้ด้วยวัยเพียง 19 ปี กับอีก 207 วัน เป็นรองก็แค่ เปเล่ โคตรแข้งตำนานที่ทำเมื่อตอนอายุ 17 ปี 249 วัน เมื่อตอนเล่นให้กับ บราซิล ใน ปี 1958

เห็นไหมล่ะครับ นี่คือสูตรที่ เดส์ช็องส์ ติดตั้งให้กับทีมและมันมักจะออกฤทธิ์ได้เสมอในยามที่ต้องการ ชนิดที่กองหน้าตัวหลอกอย่าง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ไม่จำเป็นต้องยิง(ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์)เลยด้วยซ้ำ

ขอแวะพูดถึง ดาวเตะเชลซี คนนี้สักหน่อย ถึงแม้ว่าจะทำประตูไม่ได้และโดนแฟนบอลตามค่อนแขวะอยู่เนืองๆ แต่จริงๆแล้วประโยชน์ของ ชิรูด์ นั้นมีโดดเด่นอยู่ในตัวแผนการเล่นของทีมอยู่แล้วครับ การพักบอล ตั้งบอล ยืนค้ำและชนกับกองหลังเพื่อเปิดพื้นที่ให้ปีกตัวรุกสองข้างได้วิ่ง ซึ่งหมายรวมถึงการดึงกองหลังที่ตามประกบเพื่อเปิดช่องด้วยนั้น ต้องบอกว่าเขาทำได้อย่างไม่มีที่ติด้วยซ้ำ จะน่าติก็ตรงเรื่องการจบสกอร์เท่านั้น แต่ถ้าหากนั่นคือสิ่งที่ เดส์ช็องส์ ต้องการ ก็ไม่จำเป็นต้องสน

ถึง โครเอเชีย จะพยายามในช่วงเวลาที่เหลือจนมายิงเพิ่มได้อีกหนึ่งจากการแจกโชคของ ฮูโก้ ญอริส ที่จะล็อคบอลหลบเท่ๆ แต่ดันติด มานด์ซูคิซ เข้าประตูไปก็ตาม ซึ่งก็เท่านั้น เพราะสุดท้าย ฝรั่งเศส ก็คว้าชัยชนะไปเมื่อจบ 90 นาที

ฝรั่งเศส ของ เดส์ช็องส์ ทำได้ แม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์ตามเป็นเงามากมายเกี่ยวกับวิธีการเล่นของพวกเขา บ้างก็ว่า บอลอุด บ้างว่า ไม่รุกให้สมราคากับที่มีดาวเตะตัวแรงเต็มทีม แต่ฟุตบอลที่เปี่ยมไปด้วยแท็คติกมากมายก็เป็นแบบนี้ ตราบใดที่มันไม่ใช่การนอกเกม เหนือกติกา สิ่งที่พวกเขาทำก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ซ้ำยังช่วยให้คว้าถ้วยฟุตบอลโลกมาครองในรอบ 20 ปีได้อีกด้วย นั่นคือผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดที่ไม่ว่าทีมไหน เล่นแท็คติกใด ก็ต้องการจะเดินไปให้ถึงทั้งนั้น

ถึงจะอย่างนั้น ก็ใช่ว่าผู้คนจะจดจำเฉพาะผู้ชนะ เพราะผมเชื่อว่าความยอดเยี่ยมของ โครเอเชีย โดยเฉพาะตัวกุนซือ ดาลิช ที่วางแท็คติกที่ดีเยี่ยมไม่แพ้ใครให้กับทีมได้แล้วและนักเตะทุกคนก็แสดงความมุ่งมั่นออกมาอย่างเต็มที่จนถึงนัดสุดท้ายจะถูกลืมเลือนไป พวกเขาสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเล่นกันได่อย่างดีที่สุด บนเวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอล เพียงแต่วันนี้มันไม่ใช่วันของพวกเขาก็เท่านั้นเอง

ก็อย่างที่เขาว่ากันล่ะครับว่า ฟุตบอล มันก็แบบนี้ มันไม่ได้มีสูตรตายตัวที่ทำไปแล้วจะการันตีชัยชนะและความสำเร็จที่แน่นอน มันมีวันที่ดี มีวันที่แย่ มีวันที่ทุกอย่างเป็นใจให้และไม่มีอะไรสักอย่างที่เข้าทาง

เหมือนอย่างนัดชิงฟุตบอลโลก 2018 ในครั้งนี้ ที่เป็นวันของ ทีมชาติฝรั่งเศส โดยแท้จริง

ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยอย่างยิ่ง พวกคุณคู่ควรกับถ้วยใบนี้แล้วครับ


--------------------------------------------------------------------------------------





ปล.ติชมได้เช่นเคยนะครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Zaine_R เมื่อ Mon Jul 16, 2018 22:21, ทั้งหมด 3 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ผู้จัดการทีมชาติ
Status: เอาที่สบายใจล่ะกัน!!!
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 Nov 2014
ตอบ: 7423
ที่อยู่: ไม่เสือกดิ...
โพสเมื่อ: Mon Jul 16, 2018 21:49
[RE: นี่แหละฟุตบอล&แชมป์โลกที่คู่ควรในมือ “ฝรั่งเศส"]

เปิดดูคลิปจากเว็บเฟสบุค 



2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน




ออนไลน์
คอมเมนเตเตอร์
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Aug 2009
ตอบ: 33806
ที่อยู่: Architecture l KMITL
โพสเมื่อ: Mon Jul 16, 2018 21:56
[RE: นี่แหละฟุตบอล&แชมป์โลกที่คู่ควรในมือ “ฝรั่งเศส"]
อ่านมาหลายคอลัม ผมว่าท่าน Zaine_R เขียนได้เป็นกลางสุดละครับ
6
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะกลางซอย
Status: การเมืองกับแมนยูไม่รู้อะไรเน่ากว่ากัน
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 1737
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jul 17, 2018 09:45
นี่แหละฟุตบอล&แชมป์โลกที่คู่ควรในมือ “ฝรั่งเศส"
ลอฟเรนล่ะครับ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status: Glory Glory Man Utd
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 30 May 2010
ตอบ: 33126
ที่อยู่: ...
โพสเมื่อ: Wed Jul 18, 2018 14:16
[RE: นี่แหละฟุตบอล&แชมป์โลกที่คู่ควรในมือ “ฝรั่งเศส"]
บอลแบบฝรั่งเศสผลการแข่งขันดีคนก็ชม ผลไม่ดีขึ้นมาก็เละครับเละ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Nov 2009
ตอบ: 54
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jul 19, 2018 16:45
[RE: นี่แหละฟุตบอล&แชมป์โลกที่คู่ควรในมือ “ฝรั่งเศส"]
ชอบครับเขียนดีกว่าอีกคนเยอะ แอนตี้ฟุตบอล หรือแอนตี้ทีมฟุตบอลก็ไม่รู้
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel