ตำนานลี้ลับ "คุ้มขุนแผน" !!
.
จากตำนานเก่าแก่ที่เราท่านรู้ดีเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” แห่งเมืองสุพรรณบุรี
ทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อย อยากเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุค
ของคุ้มขุนแผนแห่งนี้ เพราะแม้ว่าตัวคุ้มขุนแผนเองในปัจจุบันจะเป็นคุ้ม
หรือเรือนที่ถูกปลูกสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕
แต่ก็เป็นสถานที่ที่ปลูกสร้างขึ้นในบริเวณซึ่งถูกระบุไว้ในตำนานว่า .....
พื้นที่ ณ ตรงนี้ คือที่ตั้งของเรือนขุนแผน ยอดนักรบและนักรักอันลือเลื่องแห่งเมืองสุพรรณฯ
สำหรับเรื่องราวตามตำนานขุนช้างขุนแผน เชื่อว่าคนไทยทุกคน
ย่อมรู้จักกันดีอยู่แล้ว จึงจะไม่ขอกล่าวถึงอีก
แต่จะขอนำพาท่านผู้อ่านไปสัมผัสกับความน่าสนใจอีกแง่มุมหนึ่ง ของคุ้มขุนแผน
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีอาถรรพณ์น่าสะพรึงกลัว จนเป็นที่โจษจันร่ำลือไปทั่ว
คุ้มขุนแผนเป็นเรือนทรงไทยตามแบบฉบับท้องถิ่นชนบทภาคกลาง
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง ซึ่งแม้จะตั้งอยู่ภายในอาณาเขตวัดแห่งหนึ่ง
ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าวัดแค แต่คำเล่าลือเรื่องของอาถรรพณ์ความเฮี้ยน
ของดวงวิญญาณต่าง ๆ นานา ก็ดูจะไม่สร่างซาเอาเสียเลย เพราะไม่ว่าใครก็ตาม
ที่เดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ ซึ่งสร้างขึ้นโดยเลียนแบบสภาพความเป็นจริง
ตามตำนานเก่าแก่ของเรือนขุนแผนดั้งเดิม ไม่กระทำตามขนบธรรมเนียมอันดีงาม
หมายถึงการแสดงออกซึ่งเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อสถานที่
ไม่ได้เข้าตามตรอกออกตามประตู หรือประเภทอวดดีว่าข้าแน่ข้าเก่งละก็
พวกนี้มักเจอดีเป็นลำดับแรก ๆ
เรื่องเล่าเกี่ยวกับอาถรรพณ์อันน่าพรั่นพรึงของสถานที่แห่งนี้
มีอยู่หลายเรื่องแต่จะขอยกเรื่อง ที่ชวนขนหัวลุกที่สุด มาพอเรียกน้ำย่อย
ให้ต่อมสยองของหลายท่านขยายตัวดังต่อไปนี้
เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวในคุ้มขุนแผน
เจอะเจอมาจะ ๆ กับตัวในเวลากลางวันแสก ๆ
เรื่องนี้เกิดขึนเมื่อคณะท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ
ได้แวะเข้าเที่ยวชมคุ้มขุนแผน ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญ
ของจังหวัดสุพรรณบุรี ในระหว่างที่เที่ยวชมนั้น ได้มีการแบ่งกลุ่มกันคือ
กลุ่มแรกซึ่งเป็นกลุ่มคุณแม่และเด็ก ๆ ขอเดินชมสวนด้านนอก
ก่อนที่จะเข้าภายในบริเวณบ้านเรือนไทย
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มผู้ชายที่มีกันอยู่สามคน และสมัครใจที่จะเดิน
ชมความงดงามของ "ของเก่าของแก่" ภายในตัวเรือนเป็นก่อนอื่น
ภายในคุ้มขุนแผนซึ่งเป็นบ้านเรือนไทยโบราณ มีการแบ่งสัดส่วน
เพื่อใช้ประโยชน์ไว้หลายส่วน ห้องหับต่าง ๆ ก็มีมาก ดังนั้นทั้งสามหนุ่มสามวัย
จึงแยกย้ายกันเดินชมความเก่าแก่ที่ละห้อง สองหนุ่มที่สูงวัยกว่า
เลือกชมของเก่าของแก่ ที่ตั้งโชว์อยู่ภายในตู้กระจกที่ตั้งอยู่ด้านนอกบริเวณโถงกลาง
แต่หนุ่มน้อยหนึ่งเดียวในกลุ่ม เลือกที่จะเข้าไปดูซอกซอยในห้องต่าง ๆ
และด้วยเพราะความอยากรู้อยากเห็นทำให้เกิดเรื่องจนได้
เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเจอ แต่หนุ่มน้อยคนนี้กลับเจอ
เมื่อเขาพาตัวเองเข้าไปในห้องนอนเล็ก ๆ ห้องหนึ่งที่ค่อนข้างมืดทึบ
เพราะหน้าต่างในห้องปิดตาย และมีกลิ่นอับของไม้ชื้นที่วัน ๆ ไม่ค่อยถูกแดด
ส่วนของตกแต่งภายในไม่มีอะไรมาก นอกจากภาพถ่ายเก่า ๆ
ที่ดีกรอบไม้ติดอยู่ที่ข้างฝาห้อง บรรยากาศภายในห้องที่แม้จะอยู่ในเวลากลางวัน
แต่ก็ยังคงอึมครึม เพราะไม่มีแสงสว่างจากหลอดไฟ นอกจากแสงจากธรรมชาติ
คือ แสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดเข้ามาจากรอยแตกของช่องไม้
ด้วยบรรยากาศที่เป็นใจเช่นนั้น ทำให้เด็กหนุ่มหยุดมองดูภาพถ่าย
ที่ข้างฝาอยู่นานเหมือนมีมนต์สะกด และพลันนั้นเอง
เขาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่หนาวเยือกขึ้นมาเฉย ๆ โดยไม่มีสาเหตุ
พร้อมกับเงารู้สึกอยู่นั้น เขาได้พยายามขยับตัวเพื่อหันมองว่า สิ่งที่เขาเห็นรางเลือนนั้น
แท้จริงคืออะไร เกือบ ๕ นาที ที่เขาต้องถูกสะกดด้วยอาการคล้ายถูกผีอำ
แต่ตัวเขาเองก็พยายามฝืนและต่อสู้กับอำนาจมืดที่มองไม่เห็นนั้น
กระทั่งเมื่อผู้เป็นพ่อเดินกระชั้นเข้ามาใกล้ห้องที่เขายืนอยู่พร้อมกับร้องเรียกชื่อเขา
ทำให้รู้สึกได้ทันทีว่าพันธนาการเร้นลับที่ตรึงอยู่ได้หลุดออกไป
พร้อมกับปริศนา ที่ยากจะรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาเจอกับตัวนั้นเป็นวิญญาณ
หรืออำนาจแห่งอาถรรพณ์มืด นี่เป็นเพียงหนึ่งเรื่องราวที่นำมาบอกเล่าต่อกัน
ถึงความลึกลับและซ่อนเร้นที่ มีอยู่ในบ้านเรือนไทยหลังงาม ที่ครั้งหนึ่ง
เคยเป็นประวัติศาสตร์ของวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผนแห่งนี้
อีกรายหนึ่งเป็นสองหนุ่มสาวชาวกรุงเทพฯ
ที่เดินทางเข้าเยี่ยมชมความงดงามของคุ้มขุมแผนในช่วงเวลาโพล้เพล้
หรือประมาณ ๖ โมงเย็นเศษ ในวันหนึ่งของเดือนมิถุนายน
หลังจากทั้งสองเดินชมส่วนต่างๆของเรือนอยู่พักใหญ่
จึงพากันมาหยุดให้ความสนใจอยู่กับเสาต้นหนึ่ง ซึ่งเป็นเสาเอกตกน้ำมัน
อยู่ในห้องและห้องนี้ได้ชื่อว่าเป็นห้องนอนของขุนแผน ผู้เป็นเจ้าของคุ้ม
เสาต้นนี้มีผ้าแพรหลากสีพันโอบอยู่รอบลำต้น เพิ่มบรรยากาศความหวาดหวั่น
ให้ถีบตัวสูงขึ้นอีกเท่าทวี และขณะที่ฝ่ายหญิงสาว
กำลังยืนมองสรรพสิ่งภายในห้องอยู่ด้วยความสนใจ
จู่ ๆ เธอก็ได้พบกับภาพของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฎขึ้น
ในชุดไทยห่มผ้าสไบเฉียงให้เห็นอยู่ ณ เบื้องหน้า
เป็นหญิงที่มีความงามตามแบบฉบับของสาวไทยในยุคโบราณ
ใบหน้าเรียบเฉย แต่ทว่าภาพร่างของเธอปรากฎให้เห็นเพียงสามในสี่
ของร่างคนปกติเท่านั้น ส่วนล่างตั้งแต่หัวเข่าจรดปลายเท้าไม่มีให้เห็น
เสมือนหนึ่งร่างของหญิงไทยโบราณคนนี้ กำลังล่องลอยอยู่บนอากาศ
ปราศจากส่วนล่างที่ควรเชื่อมตรึงติดอยู่กับพื้นเรือน
และเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากที่หญิงสาวนักท่องเที่ยวกรีดร้องออกมา
ด้วยความตกใจสุดขีด ภาพของหญิงสาวในชุดไทยห่มผ้าสไบเฉียง
ก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวสาวจากกรุงเทพฯ
แทบจะเป็นลมล้มพับไปในทันที
สำหรับสาเหตุที่หญิงสาวคนนั้นได้พบกับอาถรรพณ์ลี้ลับแบบเต็ม ๆ
ก็เพราะเธอได้แอบพลอดพร่ำคำรัก และยินยอมพร้อมใจ
แสดงบทรักกับแฟนหนุ่มด้วยการกอดจูบกันภายในห้อง ๆ หนึ่ง
ซึ่งอยู่ในส่วนลับตาคน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลบหลู่ต่อสถานที่อย่างไม่น่าให้อภัยเลย.
....