credit:
http://www.siamsport.co.th/othersports/view.php?code=130723095547
ช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าแฟนๆ กีฬาแบดมินตันชาวไทยรวมไปถึงระดับโลกต่างเฝ้าจับตาผลงานของนักแบดฯ ชายคู่ ดาวรุ่งของไทย ''เจ้าอาท'' บดินทร์ อิสระ กับ ''เจ้าเอ'' มณีพงษ์ จงจิตร ที่มีสไตล์การเล่นที่ดุเด็ดเผ็ดมันเปิดเกมบุกตลอดเวลา ก่อนหน้านั้นทางคู่ของ มณีพงษ์ จงจิตร กับ บดินทร์ อิสระ ถือเป็นนักตบลูกขนไก่ดาวรุ่งที่น่าจับตามากที่สุดในประเภทคู่ จากค่ายเอสซีจี อะคาเดมี่
ในอดีตทั้งคู่ถือเป็นเพื่อนรักกันมากๆ หลังได้เกิดตัดสินใจเก็บข้าวของออกมาจากอะคาเดมี่พร้อมๆ กัน และได้มาเช่าหอพักอยู่ด้วยกันในซอยรามคำแหง 32 ก่อนที่จะไปขอฝึกซ้อมกับนักกีฬารุ่นพี่ๆ ที่ซอยแบริ่ง ซึ่งในตอนนั้นทั้งคู่ยังไม่มีอันดับโลกที่ดีพอที่ทางเอสซีจีจะสนับสนุนออกแข่งขันต่างประเทศทำให้โอกาสของทั้งคู่นั้นแทบเป็นศูนย์ ก่อนที่ทั้งคู่จะร่วมกันตัดสินใจเข้าไปฝึกซ้อมเป็นนักกีฬาของสมาคมแบดฯ และได้ออกแข่งขันจนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จัก ผงาดขึ้นสู่คู่มือ 8 ของโลก เรียกได้ว่าทั้งคู่แทบจะเป็นเพื่อนตายกันเลยก็ว่าได้ "มีอาทที่ไหน มีเอที่นั่น"
มณีพงษ์ จงจิตร กับ บดินทร์ อิสระ เริ่มฉายแววเด่นมาตั้งแต่การก้าวขึ้นคว้าแชมป์ชายคู่ ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2552 ก่อนที่ในปี 2554 จะมาโชว์ฟอร์มสุดเจ๋งหักปากกาเซียนไล่ตบบรรดามือวางคว้าแชมป์แบดมินตัน รายการ "บิทเบอร์เกอร์ โอเพ่น 2011" ที่เมืองซาร์บรุ๊คเค่น ประเทศเยอรมัน ที่จัดเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับกรังด์ปรีซ์ โกลด์ คว้าแชมป์ชายคู่ มหาวิทยาลัยโลก ที่ประเทศจีน
โดยในรอบชิงชนะเลิศปราบคู่ของ ฟัง เชงมิน กับ ลี เชงมู่ มือดีจากไทเป ที่ผ่านเข้ามาในรอบ 8 คู่สุดท้ายได้ในโอลิมปิก "ลอนดอนเกมส์" คว้าแชมป์อินเดีย ซูเปอร์ซีรีส์ 2012 และเริ่มพัฒนาฟอร์มการเล่นกับมือระดับโลกได้ดีขึ้นจนสามารถขึ้นมาอยู่ในคู่มืออันดับ 8 ของโลก
โอลิมปิก "ลอนดอนเกมส์" ถึงแม้ว่าจะไม่มีเหรียญรางวัลติดมือมาให้พี่น้องชาวไทยได้ชื่นใจกับผลงานของนักตบลูกขนไก่ทีมชาติไทยที่ได้ร่วมกันทำผลงานสุดแจ่ม คว้าแชมป์กลุ่ม บี ด้วยสไตล์การเล่นที่รวดเร็ว ดุดัน ก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมที่ได้ติดตามชมการถ่ายทอดสดกันทั้งประเทศ แมตช์แรกไล่ตบเอาชนะ โมฮัมเหม็ด อัสซาน กับ โบน่า เซพตาโน จากอินโดนีเซีย 2-0 เกม
แมตช์ที่สอง ปราบคู่มือวางของกลุ่มอย่าง โค ซุนฮุน กับ ยู ยองชอง จากเกาหลี 2-0 เกม, ส่วนแมตช์สุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม เฉือนชนะ อดัม ชวาลิน่า กับ มิเกล โลกอส คู่มืออันดับ 21 ของโลก จากโปแลนด์ 2-1 เกม
คว้าแชมป์กลุ่ม บี ไปครองผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ 8 คู่สุดท้าย ก่อนพ่ายให้กับ คู เคียนเคียด กับ ตัน บุนฮง จากมาเลเซีย 0-2 เกม ในตอนนั้นทั้งคู่จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการลุ้นเหรียญทองในโอลิมปิก ที่ริโอ เดอ จาเนโร, บราซิล ให้กับประเทศไทย
จนกระทั่งมามีข่าวทั้งคู่มาถึงจุดแตกหักเอาในช่วงเดือนมกราคม 56 ที่ผ่านมา ที่ทางบดินทร์ได้ขอลาออกจากการฝึกซ้อมที่สมาคมขอออกไปเป็นนักกีฬาอิสระ โดยทาง "เจ้าอาท" บดินทร์ อิสระ ไปจับคู่กับกับ "เจ้าท็อป" ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ อยู่ในสังกัดทีมแกรนนูลาร์
ส่วนทาง "เจ้าเอ" มณีพงษ์ จงจิตร หันมาจับคู่กับ "ต้นนํ้า" นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร ยังคงปักหลักที่สมาคมต่อ โดยก่อนหน้านั้นก็มีสาเหตุมาจากการที่ทางบดินทร์ไม่ได้ไปเล่นลีกอาชีพทำให้ต้องเสียรายได้นับแสน ซึ่งทางสมาคมให้เหตุผลว่ามีอาการบาดเจ็บต้องการให้รักษาตัวก่อน
แต่เจ้าตัวยืนยันว่าหายแล้ว รวมไปถึงการที่ทั้งคู่ได้ไปพูดคุยกับทาง คุณเจน ปิยะทัศ หัวหน้าทีมแกรนนูลาร์ เรื่องการย้ายออกมาเป็นนักกีฬาอิสระสังกัดทีมนี้ แต่สุดท้ายทางมณีพงษ์ยังปักหลักที่เดิม ส่วนทางบดินทร์ได้แยกตัวออกมา ถึงแม้จะแยกคู่กันแล้วแต่ก็ยังคงเดินหน้าออกแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง
ตลอดระยะเวลาครึ่งปีที่ทั้งคู่ได้แยกทางกันเดินก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ประมือกันในสนามมาก่อนหน้านั้นเลย จนกระทั่งในรอบชิงชนะเลิศการแข่งขันแบดมินตัน "โยเน็กซ์ แคนาดา โอเพ่น 2013" ที่เมืองริชมอนด์ ประเทศแคนาดา เช้าตรู่วันจันทร์ที่ 22 ก.ค. ประเภทชายคู่
นักแบดฯ ไทย ลงสนามชิงชนะเลิศกันเอง "เจ้าเอ" มณีพงษ์ จงจิตร กับ "ต้นนํ้า" นิพิฐพนธ์ พวงพั่วเพชร ถูกจัดให้เป็นคู่มือวาง 2 ของรายการ คู่มืออันดับ 15 ของโลก รอบชิงชนะเลิศพบกับ "เจ้าอาท" บดินทร์ อิสระ กับ "เจ้าท็อป" ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ คู่มืออันดับ 67 ของโลก
ในระหว่างการแข่งขันตั้งแต่ในคะแนนแรกที่สู้กันทางมณีพงษ์กับนิพิฐพนธ์เอาชนะไปได้ 21-12 แต่ในเกม มณีพงษ์ จงจิตร กับ บดินทร์ อิสระ ต่างแสดงกิริยายั่วยุกันและกันโดยตลอดถึงขนาดที่พูดคำหยาบใส่หน้ากันตลอด จนทำให้ผู้ตัดสินต้องเตือนนักกีฬาทั้งคู่ตลอดทั้งเกม
เกมแรก จนกระทั่งมาถึงช่วงพักระหว่างเกมและนักกีฬาทั้งสองฝ่ายจะต้องเปลี่ยนแดนกัน ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันและเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่น่าจดจำของวงการแบดฯ ไทย และวงการแบดฯ โลก เมื่อบดินทร์เกิดฟิวส์ขาดออกหมัดใส่มณีพงษ์ไปสองหมัด ส่วนทางมณีพงษ์ตอบโต้ด้วยการใช้แร็กเกตตีไปที่ใบหูทำให้บดินทร์หูฉีก (ซึ่งภายหลังต้องไปเย็บแผลถึง 5 เข็มด้วยกัน)
ทำให้ทางบดินทร์ถึงกับวิ่งไล่กระทืบมณีพงษ์ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เราได้เห็นคลิปที่กระจายไปทั่วโลก โดยทั้ง "เจ้าท็อป" ภควัฒน์ วิไลลักษณ์ กับ คุณเจน ปิยะทัศ หัวหน้าทีมแกรนนูลาร์ ต้นสังกัดของทั้งคู่ และโค้ชศุภชัย พินธุวัฒน์ จากทางสมาคมแบดฯ ต้องช่วยกันแยกคู่กรณีออกจากกัน
โดยทางผู้ตัดสินชี้ขาดได้ตัดสินดิสควอลิฟายคู่ของบดินทร์กับภควัฒน์ และได้เพลย์เทปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงได้ตัดสินว่า ทางคู่ของ มณีพงษ์กับนิพิฐพนธ์ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด และได้รับรางวัลชนะเลิศ คว้าแชมป์ชายคู่ แคนาดา โอเพ่น 2013 พร้อมรับเงินรางวัล 3,950 เหรียญสหรัฐฯ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องถือว่าเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในด้านลบของวงการแบดมินตันโลกเลยก็ว่าได้ นักกีฬาที่แข่งขันกีฬาที่ไม่ต้องมีการกระทบกระทั่งกัน มีตาข่ายกั้นกลางทั้งคู่เอาไว้
แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางทางสหพันธ์แบดฯ โลก ต้องมีการประชุมคณะกรรมการด้านระเบียบวินัยซึ่งอาจต้องใช้เวลาพอสมควร สำหรับทางสมาคมแบดฯ ได้ออกหลักเกณฑ์ระเบียบว่าด้วยการควบคุมการส่งนักกีฬาแข่งขันต่างประเทศ (10 เม.ย. 2556) อยู่แล้ว ตอนนี้ต้องรอให้ทาง ผู้จัดการทีมเดินทางกลับมาเขียนรายงานก่อนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการต่อไป
ถึงแม้ภายหลังเรื่องราวได้สงบลงทาง "เจ้าอาท" บดินทร์ อิสระ จะออกมาแสดงความรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเป็นฝ่ายที่ออกหมัดไปก่อน เหตุการณ์ทั้งหมดตนขอรับว่าเป็นฝ่ายผิดแต่เพียงผู้เดียว ทางคู่หู, หัวหน้าทีมแกรนนูลาร์ ไม่ได้เกี่ยวข้อง ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นต่อหน้าผู้ชมทั้งสนาม รวมไปถึงภรรยาและลูกๆ ของ บดินทร์ อิสระ น้องฝ้ายกับน้องมินิที่เดินทางตามไปเชียร์คุณพ่อที่แคนาดาด้วย
โดยก่อนหน้านั้นก็มีสาเหตุหลักๆ ใหญ่ๆ มาจากการที่ทางบดินทร์ไม่ได้ไปเล่นลีกอาชีพทำให้ต้องเสียรายได้นับแสน ซึ่งทางสมาคมให้เหตุผลว่า มีอาการบาดเจ็บต้องการให้รักษาตัวก่อน แต่เจ้าตัวยืนยันว่าหายแล้ว รวมไปถึงการที่ทั้งคู่ได้ไปพูดคุยกับทาง คุณเจน ปิยะทัศ หัวหน้าทีมแกรนนูลาร์ เรื่องการย้ายออกมาเป็นนักกีฬาอิสระสังกัดทีมนี้ แต่สุดท้ายทางมณีพงษ์ยังปักหลักที่เดิม ส่วนทางบดินทร์ได้แยกตัวออกมา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้ "เจ้าอาท" บดินทร์ อิสระ จะขอแขวนแร็กเกตเลิกเล่นแบดมินตันเพื่อแสดงความรับผิดชอบ รวมไปถึงไม่ต้องการให้ทีมแกรนนูลาร์ที่มีนักกีฬาจำนวนมากต้องได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของตนเพียงคนเดียว
ความหวังของแฟนๆ แบดมินตันชาวไทยจำนวนมากมีอันต้องพังทลายลงอย่างหมดสิ้นที่ต้องการอยากจะเห็นคู่หู "เจ้าอาท" บดินทร์ อิสระ กับ "เจ้าเอ" มณีพงษ์ จงจิตร กลับมาจับคู่กันอีกครั้ง
ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญสำหรับนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้สนับสนุน สมาคมแบดฯ รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกันทุกๆ คนว่า ถ้ามีปัญหาค้างคาใจในเรื่องอะไรให้หันหน้ามาพูดคุยหาทางออกกัน อย่าปล่อยให้เรื่องราวมันค้างคาใจกันเอาไว้
เหตุการณ์ครั้งนี้ขอให้เป็นประวัติศาสตร์ที่ใช้เป็นบทเรียนให้กับทุกๆ ฝ่ายได้นำไปพิจารณากันทั้งวงการ