Top Comment [RE: ประวัติศาสตร์ยูเว่]
ก็มีเรื่องราวความเป็นมาผ่านทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุดขึ้นลงสลับกันไปน่ะครับ แฟนๆร่วมสมัยจะรู้ดีแต่มันเรียบเรียงคำพูดได้ยากไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ผลงานในยุโรปก็เคยยิ่งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1980-2000 ช่วงเวลานี้เคยเข้าชิงยุโรป 3 ปีต่อเนื่อง มีนักเตะได้บัลลงดอร์ 4 ปีต่อเนื่อง เป็นทีมที่มีนักเตะได้บัลลงดอร์เป็นอันดับ 2 ของยุโรปคือ 9 ครั้ง (ซิโวรี่-1 รอสซี่-1 บาจโจ้-1 พลาตินี่-3 ซีดาน-1 เนดเวด-1 คันนาวาโร่-1)
เรื่องดราม่าก็อย่างที่ทราบกันคือโดนปรับให้ตกชั้นและหักแต้มลงไปดิวิชั่น 2 (เซเรียบี) จากข้อหาไปล๊อบบี้ประธานผู้ตัดสิน ให้เลือกผู้ตัดสินที่มีแนวโน้มว่าจะเป่าแล้วเอื้อผลประโยชน์มากที่สุด ซึ่งเคสนี้ไม่ได้จ้างผู้ตัดสินโดยตรง ไม่ได้ติดสินบน ผู้ตัดสินก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกเลือก โค้ชและนักเตะก็เล่นไปตามหน้าที่โดยไม่รู้เรื่องและส่วนเกี่ยวข้องใดๆ) สุดท้ายคือ ลูซาโน่ มอจจี้ ผู้บริหารในตอนนั้นที่มีการเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์ไปหาประธานผู้ตัดสินจริงๆคือผู้มีความผิดคนเดียว แต่ก็ส่งผลให้ยูเว่ทั้งทีมถูกปรับให้ตกชั้นและริบแชมป์สองปีล่าสุดนั้นให้กับรองแชมป์(คืออินเตอร์ และสุดท้ายก็มีการตัดสินว่าอินเตอร์ก็มีความผิดด้วยเช่นกัน แต่คดีนั้นหมดอายุความไปแล้ว)
จากการที่ถูกปรับตกชั้น ทำให้นักเตะแกนหลักขอย้ายถึง 6 คน (ซามบร๊อตต้า ตูรามไปบาร์ซ่า, คันนาวาโร่ เอเมอร์สันไปมาดริด, อิบรา วิเอร่าไปอินเตอร์ แม้แต่โค้ชผู้นำแห่งชัยชนะอย่าง คาเปลโล่ ก็ถูกแทนที่ด้วย ดิดิเย่ร์ เดชองส์) ทีมทำท่าจะแตกเป็นเสี่ยงๆขณะเดียวกันก็มีกลุ่มนักเตะแกนหลักอีกครึ่งหนึ่งยันยืนที่จะอยู่กับทีมต่อไปซึ่งก็คือ เดล บุฟฟ่อน คาโมราเนซี่(แชมป์โลกเวิร์ลคัพ 2006) เทรเซเกต์(รองแชมป์โลกเวิร์ลคัพ 2006) เนดเวด(บัลลงดอร์ 2003) อันเป็นที่กล่าวขานและเข้าไปนั่งลึกอยู่ในหัวใจของแฟนบอลยูเวนตุสทุกคนตลอดกาลครับ ผมกล้าพูดได้เลยว่า ถ้าไม่มี 5 คนนี้ ทุกวันนี้ยูเว่อาจเป็นแค่ทีมระดับเซเรียบีก็ได้
สภาพทีมที่ล้มลุกคลุกคลาน แต่นักเตะและโค้ชก็ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างมืออาชีพจนกระทั่งผ่านพ้นไป 1 ปีกับแชมป์เซเรียบี ในที่สุดยูเวนตุสก็กลับมาเซเรียอา พร้อมกับเพชรที่ถูกเจียระไนอย่าง เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ้ และจอร์โจ้ คิเอลลินี่ โดยที่มี รานิเอรี่ เข้ามาแทนการจากไปของ เดชองส์ แล้วทีมก็ต้องพบกับความผิดหวังเรื่อยมาตลอดสามปีที่กลับมา พวกเราได้แต่นั่งมองความสำเร็จของมิลานและอินเตอร์ ในขณะทีมที่เรากลับแย่ลงทุกที ผู้นำจาก รานิเอรี่ เป็น แฟร์ราร่า จากแฟร์ราร่า มาเป็น ซัคเคโรนี่ จากซัคเคโรนี่ มาเป็น เดลเนรี่ จนกระทั้งมาถึงอันโตนิโอ คอนเต้
ตอนเต้นั้นแตกต่างจากโค้ชหลายๆคนก่อนหน้านี้ในเรื่องของแพชชั่นและการทำงานหนัก เขาหล่อหลอมรวมพลังให้ทีมกลับขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดอีกครั้งโดยการเป็นแชมป์ไร้พ่ายเฉลิมฉลองสนามแห่งใหม่ของพวกเขาเอง ตลอดเวลาสามปีคอนเต้ได้เสริมสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งและเสริมสร้างทัศนคติของผู้ชนะให้กับนักเตะทุกคน และส่งไม้ต่อให้อัลเลกรี้ และก็เป็นอัลเลกรี้ที่เข้ามาเติมเต็มให้ทีมสมบูรณ์แบบมากขึ้น เวลาผ่านไปหลายปีตำนานผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขต่างก็ร่วงโรยสังขารไปตามวัย เหลือเพียง บุฟฟ่อน มาร์คิซิโอ คิเอลลินี่ ที่อยู่ฝ่าฟันอุปสรรคมากับทีมจนถึงตอนนี้เคียงข้างไปกับยอดนักเตะรุ่นใหม่ที่ถูกเสริมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดบุฟฟ่อนก็โบกมือลาไปตามวิถีของฟุตบอล
ปล.เมื่อพูดถึงคดีกัลโช่โปลี แฟนจูฟไม่เคยคิดว่าเป็นจุดด่างพร้อยในประวัติศาสตร์เลยครับ ตรงกันข้ามพวกเรากลับมองเป็น 1 ในเรื่องราวที่สวยงามและภาคภูมิใจมากกว่าที่ได้รำลึกถึงนักเตะในตำนานทั้ง 5 คนนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่แฟนจูฟไม่พอใจเมื่อมีคนมาแขวะเรื่องนี้ ไม่ได้เป็นเพราะพวกเราโกรธที่มีคนด่าว่าเป็นทีมขี้โกงหรอกครับ แต่เป็นเพราะพวกเราไม่พอใจที่อยู่ๆมีใครไม่รู้ที่ไม่รู้จักเรื่องราว มาเหยียบย่ำความภาคภูมิใจและความทรงจำที่สวยงามของพวกเรามากกว่า
ส่วนความสำเร็จต่างๆก็หาได้จากวิกิครับ มีแค่ UCL ที่ได้รองแชมป์มากกว่าเป็นแชมป์ 555