สัญลักษณ์ทรงเกียรติบนเสื้อUCL(สาระฟุตบอล)
ตราสัญลักษณ์ด้านบนนี้ อาจจะคุ้นตาหรือผ่านตาใครหลายๆคนมาแล้ว ซึ่งตรานี้ก็คือตราของเวทียูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งจะติดอยู่บนเสื้อทางไหล่ขวาของทุกทีมที่เข้าร่วมแข่งขันUCLในปีนั้นๆ (ขอยกตัวอย่างเป็น เสื้อUCLของแมนยูฤดูกาลนี้นะครับ)
แต่จะมีตราสัญลักษณ์อันทรงเกียรติอีกหนึ่งอันที่จะติดบนไหล่ซ้ายของแค่บางทีม ซึ่งหลายๆคนอาจจะยังไม่เคยสังเกตุุเห็นหรือไม่ทราบความหมายของมัน ซึ่งนั้นก็คือตรารูปถ้วยยุโรปด้านล่างนี้(ตัวเลขตามจำนวนแชมป์ที่ได้รับ)
ตรารูปถ้วยบิ๊กเอียร์นี้ไม่ใช่ว่าใครจะติดก็ได้ ต้องมีเงื่อนไขด้วย ถึงจะมีสิทธิ์นำมาติดบนไหล่ซ้าย ซึ่งเงื่อนไขนั้นมีอยู่ 2ประการ คือ
1.ได้แชมป์รายการนี้ 3ปีติดต่อกัน
2.ได้แชมป์รายการนี้อย่างน้อย 5ครั้ง
ซึ่งหากทีมไหนสามารถบรรลุเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งด้านบนจะได้รับ
1.จะได้รับถ้วยรางวัลจริงๆไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสร(เพราะปกติทางยูฟ่าจะให้แค่ถ้วยจำลองแก่ทีมที่ได้แชมป์ในปีนั้นๆ)
2.จะได้รับสิทธิ์ในการนำตรารูปถ้วยบิ๊กเอียร์มาติดบนไหล่ซ้าย โดยตัวเลขจะเป็นไปตามจำนวนแชมป์ที่ได้
ซึ่งจากอดีตถึงปัจจุบัน มีอยู่แค่ 6ทีมเท่านั้น ที่มีถ้วยรางวัลUCLจริงๆประดับสโมสร และมีตรารูปถ้วยบิ๊กเอียร์ประดับบนไล่ซ้าย จะเป็นใครกันบ้างเรามาดูกันครับ
1.เรอัลมาดริด แชมป์ 12ครั้ง (1955-56, 1956-57, 1957-58, 1958-59, 1959-60, 1965-66, 1997-98, 1999-2000, 2001-02, 2013-14, 2015-16, 2016-17)
หากพูดถึงคำว่า "เจ้ายุโรป" เวลานี้ใครๆก็คงนึกถึงราชันชุดขาวทีมนี้แน่นอน เพราะ4ปีหลังนี้ พี่แกเข้าชิงไป3รอบ เป็นขาประจำบอลยุโรปมาแต่ดั้งเดิม โดย "เรอัลมาดริด" ได้รับถ้วยรางวัลจริงๆไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสรตั้งแต่ปี1958
แต่ฤดูกาลนี้เสื้อของเรอัลมาดริดจะพิเศษหน่อย เพราะมีตราสัญลักษณ์เพิ่มสำหรับ "แชมป์เก่า"แทนที่ตราของUCLบนไหล่ขวา และตรา"แชมป์สโมสรโลก"ตรงหน้าอกด้านขวา ดังรูป
2.อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม แชมป์ 4ครั้ง (1970-71, 1971-72, 1972-73, 1994-95)
ยุคทองของอาแจ็กซ์นั้นเกิดขึ้นในปี 1971-1973 โดยการนำของนักเตะเทวดา "โยฮัน ครัฟฟ์" โดยสามารถคว้าแชมป์รายการนี้3ปีติดต่อกันเป็นทีมที่2ต่อจาก เรอัลมาดริด โดย "อาแจ็กซ์" ได้รับถ้วยรางวัลจริงๆไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสรในปี1973
3.บาเยิร์นมิวนิค แชมป์ 5ครั้ง (1973-74, 1974-75, 1975-76, 2000-01, 2012-13)
หลังจากยุคทองในเวทียุโรปของอาแจ็กซ์ได้หมดไป ผู้ท้าชิงรายใหม่ก็ก้าวเข้ามา โดยบาเยิร์นมิวนิค ภายใต้การนำของ"ฟราซน์ เบคเค่นบาวเออร์" สามารถนำทีมคว้าแชมป์รายการนี้3ปีติดต่อกันในปี 1974-1976 โดย "บาเยิร์นมิวนิค" ได้รับถ้วยรางวัลจริงๆไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสรในปี1976
4.เอซีมิลาน แชมป์ 7ครั้ง (1962-63, 1968-69, 1988-89, 1989-90, 1993-94, 2002-03, 2006-07)
เอซีมิลานภายใต้การนำของ"ฟาบิโอ คาเปลโล" ถือว่าเป็นยุคทองในเวทียุโรปเลยก็ว่าได้ ซึ่งได้แชมป์ 3สมัย จากการเข้าชิง5ครั้ง ในรอบ7ปี ระหว่างปี1989-1995 หลังจากนั้นมิลานยังคงมีผลงานดีในยุโรปอย่างต่อเนื่องโดยคว้าแชมป์ครั้งล่าสุดในปี2007 และตกต่ำลงไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดย "เอซีมิลาน" ได้รับถ้วยรางวัลจริงๆไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสรในปี1994
5.ลิเวอร์พูล แชมป์ 5ครั้ง (1976-77, 1977-78, 1980-81, 1983-84, 2004-05)
ยุคทองของหงส์แดงในเวทียุโรปนั้นเกิดขึ้นภายใต้การนำของ"บ็อบ เพลสลี่ย์" ซึ่งเวลานั้นหงส์แดง ได้แชมป์ยุโรปถึง 4ครั้งภายใน8ปี นักเตะคนสำคัญในยุคนั้นได้แก่ เคนนี่ ดัลกลิช เอียนรัช เควินคีแกน เป็นต้น แชมป์ครั้งล่าสุดของหงส์แดงเกิดขึ้นปี2005ที่เมืองอิสตันบูล หรือเมื่อกว่า 13ปีมาแล้ว และการกลับเข้ามารอบชิงของพวกเค้าในปีนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 11ปี
"ลิเวอร์พูล" ได้รับถ้วยรางวัลจริงๆไปเป็นกรรมสิทธิ์ของสโมสรในปี2005
6.บาร์เซโลนา แชมป์ 5ครั้ง (1991-92, 2005-06, 2008-09, 2010-11, 2014-15)
บาร์เซโลนาได้แชมป์เวทีนี้ครั้งแรกในปี1992 ซึ่งถือว่าช้าหากเทียบกับพี่บิ๊กบึ้มทีมอื่นๆ โดยเฉพาะกับเรอัลมาดริด แต่ในช่วง10กว่าปีหลังมานี้ ถือว่าเป็นช่วงที่ดีสำหรับบาร์ซ่าเลยบวกกับการจุติของโรนัลดินโญ่และเมสซี่ ทำได้คว้าแชมป์รายการนี้ได้ทั้งหมด5ครั้ง
ปล."บาร์เซโลนา" ไม่ได้รับถ้วยจริงนะครับ เพราะถูกยกเลิกไปหลายปีก่อน ทีมสุดท้ายที่ได้ถ้วยจริงคือลิเวอร์พูลครับ
ถือว่าเป็นโหมโรงกันก่อนศึกรอบชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกคืนนี้กันนะครับ แล้วคืนนี้เรามาลุ้นกันครับ ว่าทีมไหนจะได้เพิ่มเลขแชมป์ จะ 13 หรือ 6 กันนะ