28 April 2018 02:03 AM by Zaine_R
“ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า
หากจะให้นึกถึงยอดมิดฟิลด์ที่ทั้งประสบความสำเร็จล้นเหลือและมีความสามารถที่ครบเครื่องมากที่สุดคนหนึ่งบนโลกฟุตบอล ชื่อของ อันเดรส อิเนียสต้า จะต้องโผล่ขึ้นมาในหัวของเราอย่างแน่นอน

แข้งวัย 33 ปีได้รับการยกย่องว่าเป็นฟั่นเฟืองตัวสำคัญที่ช่วยพา บาร์เซโลน่า เดินหน้าคว้าแชมป์มาอย่างมากมายในตลอดช่วงเวลาที่เขาลงเล่นในถิ่น คัมป์นู กว่า 30 แชมป์ที่ทีมหยิบเข้าไปประดับตู้โชว์ ล้วนแล้วแต่มีเขาที่เป็นคนเคยบัญชาแดนกลางให้อยู่เสมอ

และอย่างที่เรารู้กันว่าแข้งลูกหม้อของทีม “ต่างดาว” ที่อยู่กับสโมสรมาตั้งแต่ ปี 1996 และลงเล่นไป 669 เกม เพิ่งจะประกาศอำลาทีมไปเมื่อจบซีซั่นนี้

เพื่อที่จะยกย่องและตีแผ่ให้เห็นถึงความสำคัญของ อิเนียสต้า ในทีม บาร์เซโลน่า ผมจึงอยากจะขอหยิบยกเอาช่วงหนึ่งในหนังสืออัตชีวประวัติของ เป๊บ กวาร์ดิโอล่า มาให้ทุกคนได้อ่านกัน

อย่างที่รู้กันว่าในช่วงออกสตาร์ทกุมบังเหียนของ บาร์ซ่า ครั้งแรก ปี 2008 นั้น กวาร์ดิโอล่า ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะนัดแรกก็แพ้ให้กับ นูมานเซีย ในเกมเปิดซีซั่น ก่อนที่จะมาสะดุดกับ ราซิ่ง ซานตาน์เดร์ อีกด้วยผลเสมอ 1-1 ที่คัมป์นู

2 เกมผ่านไป ยังสะกดคำว่าชัยชนะไม่ได้ แน่นอนว่าแรงกดดันจึงถาโถมเข้าหา กวาร์ดิโอล่า ทันที ถึงความสามารถและประสบการณ์ของเขาว่าดีพอหรือไม่กับตำแหน่งนายใหญ่ของทีม

ตามหน้าสื่อแล้วจะมีก็แต่ โยฮัน ครอยฟ์ บุรุษผู้ล่วงลับและตำนานของสโมสรที่ตอนนั้นออกมาปกป้อง กวาร์ดิโอล่า อย่างเต็มตัวและเชื่อว่าสุดท้ายแล้ว บาร์เซโลน่า จะประสบความสำเร็จภายใต้การคุมทีมของชายคนนี้

แต่ใครเล่าจะรู้ว่าที่จริงแล้ว ยังมีชายอีกคนนึงที่สนับสนุนและยังเป็นตัวจุดประกายให้ กวาร์ดิโอล่า ยึดมั่นกับสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่มากขึ้นกว่าเดิม

วันนึงในออฟฟิศที่แทบจะมองไม่เห็นแสงอาทิตย์จากทางนอกห้อง กวาร์ดิโอล่า กำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น กรอดูเทปการแข่งขันซ้ำไปซ้ำมา อ่านโน้ตที่ตัวเองจดแล้วซ้ำแล้วซ้ำอีก พยายามหาจุดที่ต้องแก้ไข แต่คงเอาไว้ซึ่งปรัชญาของ ครอยฟ์ และ ไอเดียของตนเอง

ก่อนที่จะมีเสียงเคาะประตูรบกวนความคิดและพบว่าผู้ที่มาหาเขาก็คือ อิเนียสต้า นั่นเอง

“สวัสดีครับ” อิเนียสต้าทักทาย ก่อนที่จะเริ่มพูดความในใจ

“อย่าห่วงไปเลยครับ เราจะต้องคว้าชัยชนะได้แน่นอน เรามากันถูกทางแล้ว เดินกันต่อไปแบบนี้ล่ะนะ โอเคนะ? เราเล่นกันได้ดีมากและก็สนุกกับการซ้อมด้วย ฉะนั้นแล้ว อย่าเปลี่ยนอะไรเลยนะ”

กวาร์ดิโอล่า แทบไม่อยากเชื่อทั้งสายตาและสิ่งที่หูเขาได้ยิน นั่นเป็นเพียงคำพูดสั้นๆไม่กี่ประโยค แต่มันพุ่งตรงเข้าไปที่จิตใจของเขาอย่างจัง เหมือนถูก อิเนียสต้า เข้าไปนั่งในความคิด ความรู้สึกของตนเอง จริงๆมันก็เป็นเรื่องน่าทึ่งอยู่แล้ว หากมีใครสักคนมาพูดอะไรแบบนี้ แต่มันกลับยิ่งน่าทึ่งเข้าไปอีก เมื่อคนๆนั้นคือ อิเนียสต้า บุรุษที่รู้กันดีว่า มักจะเงียบขรึม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดปิดท้ายของแข้งทีมชาติสเปนก่อนจะเดินกลับหลังลับประตูออกไปว่า “เราโคตรฟิตกันเลยบอส พูดก็พูด ตอนนี้เราเล่นกันโคตรดีเลย!”

“ปีนี้แหละ พวกเราจะดาหน้าคว่ำมันให้หมดทุกทีม”

ตั้งแต่เริ่มจนจบ กวาร์ดิโอล่า ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้พูดอะไรสักคำด้วยซ้ำ

นั่นคือ อิเนียสต้า ชายที่พูดน้อย แต่พูดในสิ่งที่จำเป็นอยู่เสมอ เฉกเช่นเดียวกับการยิงประตู เขาอาจะยิงไม่ได้บ่อยนัก แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ทีมต้องการ เขาจะเป็นคนส่งลูกบอลไปนอนอยู่ก้นตาข่าย

และก็อย่างที่เรารู้กันอีกนั่นแหละ เพราะเมื่อจบฤดูกาล 2008-2009 กวาร์ดิโอล่า พาทีม บาร์เซโลน่า กวาดแชมป์ทั้ง 6 รายการที่ลงแข่ง มันคือตำนานและความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทีมในสเปนเคยมีมา

“ผู้คนมักจะคิดว่ากุนซือคือผู้ที่ช่วยดึงเอาสปิริตของบรรดานักเตะออกมา เป็นคนกระตุ้นและผลักดัน มีหน้าที่ที่ต้องเป็นหัวหน้าอยู่เสมอ แต่จริงๆแล้วบางครั้งมันไม่ใช่เลย เหมือนอย่างที่ผมเจอที่คัมป์นูและรวมถึงกับ บาเยิร์น มิวนิคด้วยเช่นเดียวกัน มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยและพอมันเกิดขึ้นก็ใช่ว่าจะมีใครได้รับรู้มากนัก คนมักจะคิดว่ากุนซือคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสโมสร เป็นบอสใหญ่ แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเราคือจุดที่เปราะบางที่สุดต่างหาก เราอยู่ในจุดนั้น จุดที่ต้องโดนโจมตีจากผู้คนที่ไม่ได้อยู่ในสนาม จากสื่อ จากแฟนบอล พวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน คือ ต้องการตัดขาผู้เป็นกุนซือ” เป๊บเผย

“มันยากที่จะจินตนาการได้อยู่เหมือนกันนะ เพราะเหมือนมันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้และก็เพราะว่ามันเป็น อิเนสต้า ที่พวกเรารู้จักกัน ชายผู้ที่ไม่ค่อยจะแสดงความรู้สึกอะไรนัก พอเขาพูดจบแล้วเดินออกไป ผมก็ถามตัวเองทันทีเลยว่า: ทำไมถึงมีคนมาพูดบอกให้โค้ชใจเย็นๆเวลาตัดสินใจทำอะไรลงไป? พูดลอยๆงั้นหรอ? มันบ้าไปแล้ว! 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ของคนโหวตจากโพลล์สำรวจไม่เชื่อมั่นในตัวผม พวกเขาต้องการ โจเซ่ มูริญโญ่ เราคว้าชัยชนะไม่ได้ ยังไม่มีอะไรดีเลย แต่แล้ว อันเดรส ก็เข้ามา แล้วพูดประโยคเหล่านั้น! แล้วจะให้ผมนิ่งอยู่ได้ยังไง เป็นไปไม่ได้เลยล่ะ ถึงตอนนั้นผมรู้เลยว่า อันเดรส จะเล่นให้กับผม เล่นให้ผมไปตลอด เพราะเขาคือที่สุดและเพราะผมยังจำได้ดีถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อะไรดลใจให้เขาเข้ามาหาผมถึงออฟฟิศน่ะหรอ? ผมเองก็ไม่รู้”

“ดูเหมือนเราจะไม่เคยปฏิบัติกับ อันเดรส ในแบบที่เขาควรได้รับนะ เหมือนเราจะไม่เคยมองเห็นตัวตนเขาจริงๆ เขาไม่เคยพูดถึงตัวเองหรือเรียกร้องอะไร แต่ถ้าคุณคิดว่าเขาพอใจกับการได้ลงเล่นแค่นั้นแล้วล่ะก็ คุณคิดผิด ซึ่งถ้าเขาคิดว่าตัวเองสมควรได้บัลลงดอร์สักครั้ง เขาก็ควรได้จริงๆ ทำไมน่ะหรอ? เพราะเขาคงจะพูดกับตัวเองว่า กูนี่แหละที่สุด!”

“ผมว่า ปาโก้(ซีรูโล่ อดีตนักกายภาพของ บาร์เซโลน่า) พูดถึงเขาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยนะ เขาบอกว่า ‘อันเดรส เป็นหนึ่งในนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะความสามารถในการผสมผสานกันระหว่างพื้นที่ว่างและจังหวะการเล่นของเขาไงล่ะ เขารู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหนและต้องทำอะไร แม้ว่าจะต้องยืนอยู่กลางสนาม ท่ามกลางคู่แข่งที่รายล้อม แต่เขาก็มักที่จะเลือกทางที่ถูกต้องเหมาะสมอยู่เสมอ เขาเข้าใจลึกซึ้งถึงคำว่า ที่ไหน และ เมื่อไหร่ ทั้งเขายังมีความสามารถที่ไม่เหมือนใครในการที่จะฉีกตัวเองออกไป เขาพุ่งตัวออกไป แล้วก็หยุด แล้วก็พุ่งออกไปอีกครั้งหนึง แล้วก็หยุดอีก มีไม่กี่คนนะที่ทำแบบนั้นได้”

“มันมีนะ นักเตะที่เล่นได้ดีกับพื้นที่ด้านนอก แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเมื่อเล่นอยู่ข้างใน แล้วก็นักเตะที่เล่นได้ดีในพื้นที่ด้านใน แต่ไม่มีพละกำลังและแรงขามากพอที่จะฉีกตัวออกด้านข้าง อันเดรส สามารถทำได้ดีทั้งสองอย่าง เมื่อคุณฉีกออกไปที่พื้นที่ด้านข้าง เล่นเป็นปีก มันง่ายที่จะเล่น เพราะคุณมองภาพรวมเห็นหมดว่า ใครอยู่ตรงไหน ยังไง มองเห็นกระทั่งการเคลื่อนไหวของแฟนบอล แต่เมื่อคุณยืนอยู่พื้นที่ด้านในของสนาม คุณจะไม่เห็นอะไรมากมายนัก เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในพื้นที่แคบๆที่แออัดไปด้วยนักเตะรอบกาย คุณไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาทางไหนหรือมากันกี่คน แต่บรรดาสุดยอดนักเตะรู้กันดีว่าจะต้องทำยังไงในสถานการณ์เช่นนี้ สำหรับ อันเดรส เขาไม่ใช่แค่เห็นทุกอยางที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่เขายังเก่งกาจถึงขั้นที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้ด้วย เขาเห็นและก็ลงมือทำ”

โลเรนโซ่ เบอนาเวนตูร่า โค้ชฟิตเนสที่อยู่ในทีมงานของ กวาร์ดิโอล่า ก็กล่าวเสริมด้วยว่า “ประเด็นก็คือการเบรกหยุดของ อันเดรส นั่นคือจุดสำคัญที่สุด คนอื่นอาจจะพูดว่า เฮ้ ดูความเร็วของเขาสิ แต่ไม่ ไม่ใช่เลย ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น ไม่ใช่เรื่องสปีด ไม่ใช่เรื่องที่ว่าเขาวิ่งไปได้เร็วเท่าไหร่ มันอยู่ตรงเวลาที่เขาหยุดและก็เวลาที่เขาเริ่มขยับอีกครั้งต่างหาก ว่าทำไมเขาถึงทำได้”

นอกจากนั้นแล้ว กวาร์ดิโอล่า ยังกล่าวอีกว่า แข้งฉายาหน้าวิทย์ เป็นผู้ที่เบิกตาทำให้เขาได้เห็นถึงแท็คติกการเล่นที่เป็นจุดเริ่มต้นของเกมรุกอันฉกาจฉกรรจ์ของ บาร์เซโลน่า ในยุคของเขาอีกด้วย

“จริงๆแล้วบางครั้งในชีวิตของคนเรา ความประทับใจแรกมันสำคัญนะ ซึ่งความประทับใจแรกที่ผมมีต่อ อันเดรส ก็คือวันที่พี่ชายของผมซึ่งทำงานกับ ไนกี้ ในตอนนั้น บอกผมเกี่ยวกับ อิเนียสต้า ตอนนั้นผมยังเล่นให้กับ บาร์เซโลน่า อยู่ เขาบอกผมว่า ‘เป๊บ นายต้องมาดูนี่ มาดูเจ้าหนูนี่’ มันเป็นช่วงก่อนเกมนัดชิง ไนกี้ คัพ ผมจำได้ว่า ผมรีบเปลี่ยนเสื้อหลังซ้อมเสร็จ แล้วก็พุ่งตรงไปที่สนามและก็ใช่เลย ผมได้เห็นกับตาตัวเองว่าเขาเยี่ยมแค่ไหน ผมบอกกับตัวเองว่า ‘ไอ้หมอนี่ต้องได้เล่นให้กับ บาร์เซโลน่า แน่นอน เขาจะทำได้’ ผมพูดกับตัวเองอย่างนั้น พี่ผมก็ด้วย”

“พอแข่งเสร็จ ระหว่างที่ผมกำลังเดินออกจากสนามซึ่ง อิเนียสต้า เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในเกมนี้ ผมเจอกับ ซานติเอโก้ เซกูโรล่า นักข่าวฟุตบอล ผมเลยบอกเขาไปว่า ผมเพิ่งจะได้เห็นอะไรที่น่าทึ่งเอามากๆ ผมรู้สึกว่าได้เจอกับสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นคือความประทับใจแรกของผมที่มีต่อเขา”

“แต่ช้าก่อน ไม่ใช่แค่นั้น เพราะต่อมาผมก็เพิ่งจะฉุกคิดได้ถึงอะไรบางอย่างที่เขาทำ อะไรที่มันสุดยอดและล้ำค่าเอามากๆ เพราะเขาโชว์ให้เห็นถึงความสำคัญในการโจมตีพื้นที่เซ็นเตอร์แบ็คด้วยตัวเอง ไม่มีใครทำอย่างเขา แต่ถ้าคุณดูดีๆจะเห็นได้เลย พอเซ็นเตอร์แบ็คขยับขึ้นมาพยายามสกัดบอลเมื่อไหร่ พื้นที่ก็จะเปิด แนวรับทั้งแถวจะรวน ทำให้เกิดพื้นที่ว่างซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มี ทั้งหมดมันเกี่ยวกับการทำลายแผงแนวกั้นที่ยืนกันไว้ให้เปิดออก แล้วหาพื้นที่ด้านหลัง หลักเลย เปิดออก แล้วหาพื้นที่”

“ยกตัวอย่างนะ ครั้งหนึงเราพยายามเซ็ตอัพรูปแบบเกมรุกเพื่อที่จะให้ ลีโอเนล เมสซี่ ได้ทะลวงพื้นที่แนวรับตรงกลาง” กวาร์ดิโอล่า อธิบาย

“เราต้องสร้างเกมรุกด้วยการส่งบอลไปให้ถึง อันเดรส และก็ ลีโอ ซึ่งจะทำให้พวกเขาโจมตีเซ็นเตอร์แบ็คและเปิดพื้นที่ให้กับเราได้ เมื่อเราทำได้ ผมรู้เลยว่าชัยชนะมันอยู่ตรงหน้าเราแล้ว เพราะ ลีโอ เฉียบคมในการยิงประตู ส่วน อันเดรส ก็จัดการทุกอย่างได้หมด ไล่ตั้งแต่การพาบอลไปเอง วิเคราะห์และคุมจังหวะของเกม รวมทั้งการจ่ายบอลจังหวะสุดท้ายไม่ว่าจะทะลุช่องตรงกลางหรือออกด้านข้างก็ตาม”

“เขามองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง แถมยังมีของขวัญจากพระเจ้าด้วยการเลี้ยงบอลอันสุดยอด ทักษะนี้เป็นทุกอย่างในฟุตบอลปัจจุบันและเป็นเขานี่เองที่เบิกตาผมให้เห็นถึงความสำคัญของการที่มีมิดฟิลด์ตัวกลางที่สามารถพาบอลไปเองได้”

“เมื่อเขาเริ่มเลี้ยงบอล เมื่อเขาพามันพุ่งเข้าหาคู่แข่ง ทุกอย่างจะไหลลื่นดั่งสายน้ำ เขานั่นเองที่เป็นคนที่ทำให้ผมได้เห็นถึงสิ่งนี้”



------------------------------------------------------------------------------------







ปล.ติชมได้เช่นเคยนะครับ ผมพยายามแปลในส่วนของหนังสือเป๊บให้รวบรัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ละนะครับ เพื่อให้รายละเอียดสำคัญไม่หล่นหาย อาจจะยาวไปนิด แต่ก็อยากให้อ่านกันครับ ที่มาจาก The Guardian ครับ ขอบคุณครับ
เข้าร่วม: 13 Jun 2007
ตอบ: 24008
ที่อยู่: บ้านนอก
โพสเมื่อ: Sat Apr 28, 2018 4:27 am
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
นักเตะคู่บุญเป๊บจริงๆ เป๊บอาจเก่งอยู่แล้วนะ แต่ถ้าไม่มี 3 ประสาน อิเนส เมส ซาบี้ ก้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสให้แกแสดงความสามารถในบาซ่าจนประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้รึเปล่า

เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 3575
ที่อยู่: Canada
โพสเมื่อ: Sat Apr 28, 2018 6:09 am
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
หัวใจผมแตกสลายในนัดชิงบอลโลกปี 2010 ก็จริง แต่ผมไม่เคยไม่ชอบ อินิเอสต้า เลย สุดยอดนักเตะครับ ตำนานอย่างแท้จริง

ผมเชื่อแกเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนที่ทีมคู่แข่ง หรือ คนที่ไม่ชอบ บาร์เซโลน่า จะเกลียดอะ สุดยอดทุกอย่าง ทั้งใน และ นอกสนาม

ตอนที่ยิงเข้า และ โชว์เสื้อ ดานี่่ ฆาร์เก้ ก็เกลียดไม่ลงแล้ว

นับถือครับ





แฟนเพจทีมกาก ๆ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า จ้า www.facebook.com/DeporThailandFC
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 187
ที่อยู่: Chiang Mai Thailand
โพสเมื่อ: Sat Apr 28, 2018 7:28 am
[RE]“ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า
เข้าร่วม: 14 May 2006
ตอบ: 1577
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Apr 28, 2018 9:13 am
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
โค้ชทุกคนชอบและอยากให้มีนักเตะบุคลิกแบบ สโคลล์ หรือ อินเนียสต้า อยู่ในทีม พัฒนาทุ่มเทโฟกัสแต่เรื่องในสนาม ไม่ให้ความสำคัญแสงสีนอกสนาม ทำตัวโลว์โปรไฟล์
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 3575
ที่อยู่: Canada
โพสเมื่อ: Sat Apr 28, 2018 10:29 am
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
z_man พิมพ์ว่า:
โค้ชทุกคนชอบและอยากให้มีนักเตะบุคลิกแบบ สโคลล์ หรือ อินเนียสต้า อยู่ในทีม พัฒนาทุ่มเทโฟกัสแต่เรื่องในสนาม ไม่ให้ความสำคัญแสงสีนอกสนาม ทำตัวโลว์โปรไฟล์
 


พอพูดถึง สโคลส์ คนนี้สุดมากจริง ๆ ครับ ผมไม่รู้จะสรรหาอะไรมาบรรยายแก เงียบ นิ่ง คลาส นักเตะระดับโลกไม่กี่คนของ อังกฤษ จริง ๆ

ผมชอบ แลมพาร์ด และ เจอราร์ด นะ เคารพทั้งสองคนนั้น แต่ความเห็นส่วนตัวของผม สโคลส์ คือ คนที่เก่งกว่า และ "ลง" ในตำแหน่งไหนก็ได้ในระบบไหนก็ได้อะ 4-4-2, 4-4-3, 4-2-3-1, 4-4-2 แบบ ไดมอนด์, 4-1-4-1 ไม่รู้อะ ผมชอบ สโคลส์ มากเลย เหลี่ยมกับ ซาบี อลอนโซ่ และ อันเดรีย ปีร์โล่ แบบไม่น่าเกลียดอะ แล้วแต่จังหวะ และ ระบบการเล่นเลย





แฟนเพจทีมกาก ๆ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า จ้า www.facebook.com/DeporThailandFC
เข้าร่วม: 14 Oct 2010
ตอบ: 9020
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Apr 28, 2018 11:22 am
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
ถ้าให้พูดถึงมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์โดยเลือกมาสัก 5 คน อิเนียสต้า ต้องเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน


0
0
เข้าร่วม: 15 Dec 2009
ตอบ: 2247
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Apr 28, 2018 11:35 am
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
ขาดบัลลงดอร์ อย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ

ไม่ว่าจะเกียรติประวัติหรือความเก่ง ไม่มีอะไรมาค้านเขาคนนี้ได้ andres iniesta
0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 5116
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Apr 28, 2018 12:44 pm
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
ขอบคุณ อิเนียสต้า กวาร์ดิโอล่า และโยฮัน ครอยฟ์ ที่ทำให้ดูฟุตบอลอย่างมีความสุข
0
0
เข้าร่วม: 22 Jul 2010
ตอบ: 4786
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Apr 28, 2018 10:44 pm
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
ผมเป็นหนี้พวกคุณมากกว่าที่ทำให้ผมได้ดูบอลที่ฝันไว้เป็นจริง
0
0
เข้าร่วม: 07 Jul 2010
ตอบ: 2395
ที่อยู่: Chiangmai
โพสเมื่อ: Sat Apr 28, 2018 11:16 pm
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
พวกทักษะ เบสิก มันฝึกซ้อมกันได้นะ

แต่การเลี้ยงบอล การอ่านเกมส์ของ อินเนสต้า นี่มันพระสวรรค์ชัดๆ

นอกจากเมซซี่แล้ว ผมไม่เคยเห็นใครเลี้ยงบอลได้ติดเท้าเท่า อินเนสต้า เลย
0
0
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 4589
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Apr 29, 2018 1:08 am
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
ระดับเดียวกับซีดาน

เสียดายไม่ได้แขวนที่นี้

แต่นัดฉลองแชมป์นี้คงยิ่งใหญ่เหมือนซาบี้

[แอบเสียดายตอนปูโยล แขวน]
0
0
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 354
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Apr 29, 2018 1:47 pm
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
XAVI + INIESTA = แชมป์ทุกใบในโลก

0
0
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 3605
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Apr 29, 2018 2:28 pm
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
ผมก็คนพบ Inesta นะ
ยังจำได้เลยเคยซื้อแกจากบาซ่า บี มาเล่นในเกม CM 01/02 ตอนนั้นยังไม่ debut กับ บาซ่าเลย

พอปีถัดมาเห็นลงเล่นกับบาซ่าชุดใหญ่ โคตรตกใจ 555
ในเกมเก่งไม่ถึงครึ่งของตัวจริงเลย

1
0
Talent bringt dich an den start, Einstellung ans ziel.
พรสวรรค์นำคุณไปที่จุดเริ่มต้น ทัศนคตินำคุณไปสู่เส้นชัย
เข้าร่วม: 29 Nov 2009
ตอบ: 166
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri May 04, 2018 9:40 am
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
itoonggy พิมพ์ว่า:
นักเตะคู่บุญเป๊บจริงๆ เป๊บอาจเก่งอยู่แล้วนะ แต่ถ้าไม่มี 3 ประสาน อิเนส เมส ซาบี้ ก้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสให้แกแสดงความสามารถในบาซ่าจนประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้รึเปล่า  

ขาดบุสเกตไปอีกคนนะครับ สำหรับผม 3ประสานคือ บุส ชาบี้ อิเนส ส่วนเมสซี่ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรดี 555
ไม่ใช่ส่วนเติมเต็ม แต่เป็นเหมือนพวกตัวฮีโร่ประมาณนั้น ปิดจ๊อบใส่สกอร์เข้าใจว่าคนอื่นจะทำอะไร แล้วก็ดังที่สุด
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 410
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat May 05, 2018 11:21 am
[RE: “ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า]
เหมือนเห็นเงาไวนัลดุมในตัวอินเนสต้า
0
0
เข้าร่วม: 04 Oct 2010
ตอบ: 11038
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun May 06, 2018 8:39 am
[RE]“ผมเป็นหนี้บุญคุณเขา” จาก เป๊บ ถึง อิเนียสต้า
เขาคือสุดยอดนักเตะครับและเอสก็คือสุดยอดโค้ชเหมือนกัน
0
0