ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 12 Jul 2008
ตอบ: 6065
ที่อยู่: HIGHBURY / Emirates Stadium
โพสเมื่อ: Wed Apr 25, 2018 9:51 pm
บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค


สังเกตไหมครับ แคมเปญแฟนอาร์เซน่อล ที่ขับไล่อาร์แซน เวนเกอร์ ให้พ้นจากตำแหน่ง เขาใช้คำว่า Wenger Out (เวนเกอร์ออกไป)

เขาไม่ใช้คำว่า Sack Wenger (ไล่เวนเกอร์ออกไป)

สองคำนี้ความหมายต่างกันนะครับ แบบแรกคือเรียกร้องให้เวนเกอร์ แสดงสปิริตลงจากตำแหน่งไปเอง แบบสองคือ บอกให้ผู้บริหารปลดเวนเกอร์ซะ

คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไม สิ่งที่แฟนปืนใหญ่ทำ คือเลือกใช้คำว่า Wenger Out

หรือเพราะพวกเขารู้อยู่แล้วว่า คนอย่างอาร์แซน เวนเกอร์ ไม่มีวันโดนไล่ออก

---------------------------------------

เกียรติประวัติของเวนเกอร์ ใน 22 ปีที่คุมทีม มีมากมาย

เขาเป็นผู้จัดการทีม ที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาร์เซน่อล

รวมถึงเป็นผู้จัดการทีมคนเดียวในพรีเมียร์ลีก ที่พาทีมคว้าแชมป์แบบไร้พ่าย หรือที่เรารู้จักกันว่า ยุค ดิ อินวินซิเบิ้ลส์

ยังไม่นับความสามารถ ปั้นดาวเตะระดับโลกขึ้นมาประดับวงการทั้ง เธียร์รี่ อองรี, ปาทริก วิเอร่า , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ฯลฯ

เรื่องเหล่านี้ แน่นอนมันน่าจดจำ อย่างไรก็ตาม มีอยู่อีกหนึ่งเรื่องที่ ทำให้แฟนๆชื่นชมและศรัทธาในตัวเวนเกอร์ ยิ่งกว่าเรื่องใดๆทั้งสิ้น

และเป็นพลังสำคัญที่ทำให้เขายืนหยัดในตำแหน่งได้ แม้จะไม่ได้แชมป์ลีกมานาน 14 ปีแล้วก็ตาม

นั่นคือ การย้ายสนามจากไฮบิวรี่ มาสู่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

ในฐานะผู้จัดการทีม เรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่ตาเห็น เขาต้องใช้ทักษะทั้งหมดที่ตัวเองมี เพื่อกอบกู้ทีมให้ได้

เราจะย้อนกลับไปดูเรื่องนี้กันอีกครั้งว่า เวนเกอร์ "ทำอะไร"

---------------------------------------

นับตั้งแต่เวนเกอร์ เข้ามาคุมอาร์เซน่อล ในปี 1996 ทีมปืนใหญ่ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

จากทีมที่ดี เวนเกอร์ยกระดับให้เป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ก่อนจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรก ในฤดูกาล 1997-98

แต่ยิ่งทีมแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ปัญหาที่พวกเขาต้องเผชิญคือ ปริมาณแฟนๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสนามแข่งขัน ไม่เพียงพอกับความต้องการของแฟนบอล

ไฮบิวรี่ มีความจุ 38419 ที่นั่ง และเต็มความจุทุกเกม แฟนบอลทีมปืนใหญ่ ไม่ได้มีแค่จากลอนดอน แต่มีจากทั่วโลก

ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 1998-99 และ 1999-00 อาร์เซน่อลขออนุญาต สมาคมฟุตบอลอังกฤษ เปลี่ยนไปใช้เวมบลีย์ เพื่อรองรับแฟนๆ ซึ่งปรากฎว่า ในแต่ละเกมที่เล่นในเวมบลีย์ มีคนเข้ามาดูราวๆ 7 หมื่นคน

ลองคิดดูว่า ความต้องการอยากชมอาร์เซน่อลในสนาม มันมหาศาลขนาดไหน ซึ่งที่นั่ง สามหมื่นกว่าๆ ของไฮบิวรี่ นี่มันไม่มีทางเพียงพอเลย

เมื่อกวาดตาไปมองทีมอื่นๆ แมนฯยูไนเต็ด เวลานั้น โอลด์แทรฟฟอร์ด ความจุราว 6 หมื่นที่นั่ง , บาร์เซโลน่า ความจุ 9 หมื่น , เรอัล มาดริด ความจุ 8 หมื่น คือทีมในเกรดเดียวกับอาร์เซน่อล พวกเขามีสนามในระดับนี้ทั้งสิ้น

ปัญหาคือไฮบิวรี่ เป็นสนามที่อยู่กลางชุมชน มันไม่สามารถต่อเติมได้อีกแล้ว อย่างดีที่สุด ก็เพิ่มสแตนด์บริเวณมุมสนาม มากสุดก็ราวๆ 45,000 คนเท่านั้น ในขณะที่อาร์เซน่อล นับวันจะโตขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้นในปี 2000 บอร์ดบริหาร จึงตัดสินใจว่า สมควรแก่เวลาแล้วที่อาร์เซน่อล ต้องย้ายสนาม ไปหาสนามที่ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับแฟนๆ และที่สำคัญ เพื่อโอกาสทำรายได้ที่มากขึ้นด้วย

ในที่สุด พวกเขาไปเจอพื้นที่ ที่เหมาะที่สุด ห่างจากไฮบิวรี่ ราวๆ ครึ่งกิโลเมตรเท่านั้น ที่ชื่อว่า แอชเบอร์ตัน โกรฟ

---------------------------------------

แอชเบอร์ตัน โกรฟ เป็นพื้นที่กว้าง และสามารถสร้างสนามขนาดความจุ 6 หมื่นที่นั่งได้สบายๆ และยังสามารถต่อเติมได้อีก ให้เป็น 7 หมื่นในอนาคต

ไม่เพียงแค่นั้น ยังเดินทางง่ายสะดวกสบายมาก มีรถไฟฟ้าบริเวณใกล้เคียงถึงสามสถานี

แฟนบอลโอเค ถ้าจะย้ายไปสนามนี้ เพราะมันไม่ห่างจากสนามเดิมมากนัก อยู่ในวิสัยที่รับได้

เมื่อแฟนบอลพอใจแล้ว ขั้นตอนต่อมา อาร์เซน่อล ต้องระดมทุน เพราะการสร้างสนามใหม่ ระดับคุณภาพสูงสุด ต้องใช้งบประมาณมหาศาล

การออกแบบ การก่อสร้าง และรวมถึง การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ของชาวบ้านในย่านแอชเบอร์ตัน โกรฟด้วย

ค่าก่อสร้างสนามทั้งหมด พุ่งไปถึง 410 ล้านปอนด์ คิดเป็นเงินไทยกลมๆก็ ราวๆ 25,000 ล้านบาท คือ การสร้างสนามใหญ่ขนาดนี้ กลางกรุงลอนดอน มันย่อมมีค่าใช้จ่ายแพงระยับอยู่แล้ว

ปัญหาคืออาร์เซน่อล มีสินทรัพย์ทั้งหมดที่พอจ่ายได้ อยู่ที่ราวๆ 150 ล้านปอนด์เท่านั้น อีก 260 ล้านปอนด์ (15,600 ล้านบาท) ต้องไปกู้ยืมธนาคารมา

นั่นแปลว่า ถ้าอาร์เซน่อล ตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะย้ายสนาม สโมสรจะมีหนี้สินทันที 260 ล้านปอนด์ทันที เพื่อแลกกับสนามใหม่

และคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คืออาร์แซน เวนเกอร์ เพราะเขาจะมีงบประมาณน้อยมาก

ว่ากันตรงๆ คือมีเงินเท่าไหร่ ก็เอาไปโปะสนามใช้หนี้หมด เงินที่จะได้จากการซื้อนักเตะ ก็ต้องมาจากการขายผู้เล่นไปเท่านั้น คือไม่มีเงินวิเศษเสกมาให้เหมือนแมนฯซิตี้ หรือ เปแอสเช ในปัจจุบัน

แต่เวนเกอร์ ยืนยันว่า ต่อให้เขาต้องลำบากในการซื้อตัวผู้เล่นก็ไม่เป็นไร สโมสรต้องเดินหน้าต่อไป และต้องย้ายไปแอชเบอร์ตัน โกรฟ

เพื่ออนาคตของทีม เวนเกอร์รู้ดีว่าจะหยุดนิ่งที่ไฮบิวรี่ไม่ได้

---------------------------------------

ในเดือนกรกฎาคม 2002 ศาลสูงของอังกฤษ ได้อนุมัติให้ก่อสร้างสนามแอชเบอร์ตัน โกรฟ และธนาคารอนุมัติเงินกู้ ให้อาร์เซน่อลเรียบร้อย จำนวน 260 ล้านปอนด์

มันส่งผลให้อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องใช้เงินอย่างประหยัดมัธยัสถ์มากๆ

4 ปีสุดท้ายของไฮบิวรี่ เวนเกอร์ ใช้เงินซื้อนักเตะในช่วงซัมเมอร์ดังนี้

ฤดูกาล 2002-03 = 6.6 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2003-04 = 1.75 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2004-05 = 1.88 ล้านปอนด์
ฤดูกาล 2005-06 = 22.4 ล้านปอนด์

จะมีฤดูกาล 2005-06 ได้ใช้เงินซื้อนักเตะเยอะหน่อย แต่นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาได้เงินจากการขาย ปาทริก วิเอร่า ,เดวิด เบนท์ลีย์ และ เจอร์เมน เพนแนนท์ ออกจากทีม เอาจริงๆ ใช้เงินสุทธิไม่ถึง 5 ล้านปอนด์

ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกัน ทีมอื่นๆในพรีเมียร์ลีก ไม่ได้มีปัญหาทางการเงินอะไร พวกเขาซื้อนักเตะกันตามปกติ

ในฤดูกาล 2003-04 ที่อาร์เซน่อลได้แชมป์แบบไร้พ่าย ในช่วงซัมเมอร์ ใช้เงินซื้อนักเตะ 1.75 ล้านปอนด์ แต่เชลซี ซื้อ 111.15 ล้านปอนด์ ซื้อ ผู้เล่นเข้ามาใหม่ 14 คน (มาเกเลเล่, เวรอน , ดัฟฟ์, มูตู , เครสโป , โจ โคล , เกล็น จอห์นสัน ฯลฯ)

หรือแมนฯยูไนเต็ด ก็ซื้อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ , อลัน สมิธ , หลุยส์ ซาฮา และ กาเบรียล ไฮน์เซ่ เข้ามา

ใครๆก็ช็อปปิ้งกันอย่างสนุกสนาน แต่อาร์เซน่อล ต้องประหยัดเพื่อใช้หนี้

สำหรับสโมสร แน่นอน มันคือการเดินหน้าต่อไป ประหยัดวันนี้เพื่ออนาคตกับสนามใหม่ที่งดงาม

แต่กับผู้จัดการทีมล่ะ? ถ้าคุณเป็นทีมระดับแย่งแชมป์ แต่มีเงินให้ซื้อนักเตะไม่ถึง 10 ล้านปอนด์ต่อปี คือคุณจะทำอย่างไร

อย่าว่าแต่แย่งแชมป์เลย ไม่มีเงินซื้อใครมาเสริมทัพแบบนั้น ประคองตัวให้ติดท็อป 5 ท็อป 6 ทุกๆปีก็ยากแล้ว

ถ้าเป็นผู้จัดการทีมบางคน เจอเงื่อนไขลำบากขนาดนี้ คงไม่รับข้อเสนอแต่แรก แต่แน่นอน ไม่ใช่กับเวนเกอร์

"เวนเกอร์ ได้รับข้อเสนอจากทีมอื่นตลอดเวลา" เดวิด ดีน อดีตผู้บริหารสโมสรอาร์เซน่อลเผย

"บาร์เซโลน่า ,เรอัล มาดริด, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ,บาเยิร์น มิวนิค , เชลซี ,แมนฯซิตี้ ,แมนยูไนเต็ด รวมถึง ทีมชาติอังกฤษ แต่เขาไม่ย้ายไปไหน เขาเลือกจะอยู่กับอาร์เซน่อลต่อไป เพื่อฝ่าฟันวิกฤติไปด้วยกัน"

---------------------------------------

หลังจากย้ายมาแอชเบอร์ตัน โกรฟ ในปี 2006 อาร์เซน่อล เร่งเดินหน้าหาเงินทุกทางเพื่อใช้หนี้

พวกเขายอมขายชื่อสนาม ให้กับสายการบินเอมิเรตส์ และเปลี่ยนชื่อเป็นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในสัญญา 15 ปี ได้เงินเฉลี่ยปีละ 6.6 ล้านปอนด์

แต่แน่นอน เงินก็ยังไม่เพียงพอต่อการใช้หนี้ให้กับธนาคาร เหลืออีก เป็นหมื่นล้านบาท ที่อาร์เซน่อล ต้องค่อยๆทยอยผ่อนชำระ

มีการคำนวณว่า ถ้าอาร์เซน่อล ได้เข้าไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกทุกปี จะมีเงินเอามาจ่ายหนี้ ได้ปีละ 35 ล้านปอนด์โดยประมาณ ซึ่งอีกแค่ 7-8 ปี ก็จะปลดหนี้ได้หมด

แต่มันก็วนกลับมาคำถามเดิม คือ เมื่อคุณไม่มีเงินซื้อนักเตะเลย จะประคองตัวจบท็อปโฟร์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้หรอ? ขณะที่ทีมอื่น เขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดเนี่ยนะ

สำหรับอาร์แซน เวนเกอร์ เขาเข้าใจปัญหาดี และไม่ตีโพยตีพาย เมื่อเงินไม่มี ก็คือไม่มี เขาจึงหันมาปั้นนักเตะดาวรุ่งแทน

เมื่อดาวรุ่งที่ปั้น มีชื่อเสียงประมาณหนึ่งแล้ว ก็ขายปล่อยออกไป ให้ได้ราคาดีที่สุด เพื่อนำเงินก้อนนั้น มาซื้อผู้เล่นที่จำเป็นมาเสริมทัพ

ตัวอย่างเช่น ในปี 2009 ขายโคโล่ ตูเร่ ในราคา 16 ล้านปอนด์ ให้แมนฯซิตี้ แต่ก็ซื้อโทมัส แฟร์มาเล่น จากอาแจ๊กซ์ในราคา 10 ล้านปอนด์

ปี 2011 ขาย ฟาเบรกาส ให้บาร์ซ่า 35 ล้านปอนด์ และ ขายซามีร์ นาสรี่ ให้แมนฯซิตี้ ราคา 25 ล้านปอนด์ เพื่อนำไปซื้อ แชร์วินโญ่ (10.5 ล้านปอนด์) , มิเกล อาร์เตต้า (10 ล้านปอนด์) ,อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (12 ล้านปอนด์), เฮคตอร์ เบเยริน (4 แสนปอนด์) , แมร์เตซัคเกอร์ (8 ล้านปอนด์)

เราจะเห็นว่า เวนเกอร์ ต้องเล่นแร่แปรธาตุตลอด ขายไป แล้วก็ซื้อมา ไม่ได้มีเงินงอกขึ้นมาให้เขาช็อปปิ้งอย่างอิสระ

ตั้งแต่ย้ายสนามมา จนถึงปี 2013 ในขณะที่ทีมอื่นซื้อนักเตะกันโครมๆ แต่อาร์เซน่อล ไม่เคยซื้อนักเตะ ราคาแพงเกินกว่า 15 ล้านปอนด์แม้แต่คนเดียว

แต่มันก็น่าทึ่งที่เขา ยังประคองทีม ให้จบท็อปโฟร์มาได้ตลอด นั่นทำให้สโมสรยังคงมีเงินไปจ่ายหนี้ธนาคารได้ทุกปี ไม่มีขาดตกบกพร่อง

ในปี 2013 หนี้ของอาร์เซน่อล เหลือไม่ถึง 30 ล้านปอนด์ นั่นแปลว่า สโมสรไม่ต้องรัดเข็มขัดอีกแล้ว จากนี้ไปสามารถกลับมาซื้อนักเตะได้อีกครั้ง

พวกเขาจึงเดินหน้าซื้อเมซุต โอซิล ในราคา 42.5 ล้านปอนด์ ตามด้วยอเล็กซิส ซานเซช ในปีต่อมา ในราคา 30 ล้านปอนด์

กรานิต ชาคา 30 ล้านปอนด์ , ชโครดาน มุสตาฟี่ 35 ล้านปอนด์ , อเลซ็องดร์ ลากาแซตต์ 46.5 ล้านปอนด์ และ ปิแอร์-โอเมริก โอบาเมย็อง 56 ล้านปอนด์ ก็ค่อยๆตามมาทีละคน ทีละคน

อนาคตของอาร์เซน่อล น่าจะเริ่มนับหนึ่งจริงๆ ได้ตั้งแต่ฤดูกาลหน้าเป็นต้นไปเพราะศักยภาพผู้เล่นของพวกเขาตอนนี้ พร้อมแล้ว ที่จะท้าทายกับกลุ่มทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก

และที่สำคัญ ตอนนี้ทีมปืนใหญ่ ไม่มีหนี้สิ้นเหลือติดค้างอีกแล้ว

---------------------------------------

แน่นอนว่า เรื่องไอเดียในสนามของเวนเกอร์ มันถึงทางตันแล้ว เขาไม่มีจินตนาการใหม่ๆอีก เรื่องนี้ทุกคนรู้ดี

ผู้บริหารเอง ก็อยากเปลี่ยนแปลง แฟนบอลก็อยากเปลี่ยนแปลง

แต่ไม่มีใครที่กล้าจะไล่เวนเกอร์ออกจากตำแหน่ง ยิ่งเมื่อดูจากสิ่งที่เขาทำเพื่อทีม

ในยามที่ทีมลำบากที่สุด มีเงินใช้ไม่ถึง 10 ล้านปอนด์ต่อปี สถานการณ์แบบนั้นไม่มีผู้จัดการทีมคนไหน จะเอาตัวเองมาทนทุกข์ไปด้วยกัน แต่เวนเกอร์ ไม่ยอมย้ายหนีไปไหน เขายอมแบกรับเอาไว้ และประคองทีมให้อยู่ระดับสูงต่อไปเรื่อยๆ

ถ้าผู้บริหาร ไล่คนที่ภักดี และทุ่มเทขนาดนี้ออกจากทีม ชายที่ทุ่มเทเพื่อสโมสรมากว่า 2 ทศวรรษ คำถามคือสายตาของแฟนบอลทั่วโลกจะมองอาร์เซน่อลอย่างไร?

แบบนี้ใครจะอยากมาทำงานด้วย เพราะเมื่อหมดประโยชน์ก็โดนเฉดหัวทิ้ง

ดังนั้น ผู้บริหารไม่มีทางไล่เวนเกอร์ออกได้

เช่นเดียวกับแฟนบอล แม้อยากให้เวนเกอร์ออกจากทีมแค่ไหน แต่พวกเขาก็ขอบคุณในสิ่งที่เวนเกอร์ทำเพื่อทีมมาตลอด

ดังนั้น ถ้าเวนเกอร์จะไป มันต้องไม่ใช่การโดนไล่ออก ในใจลึกๆ ก็อยากแยกจากกันด้วยดี

สรุปแล้ว คนเดียวที่จะตัดสินใจได้ ว่าเวนเกอร์ จะอยู่หรือไป ก็คือตัวเขาเอง

และสุดท้ายเวนเกอร์ ก็ยอมรับความจริง

เขารู้ว่า คงไม่สามารถพาทีมไปได้ไกลกว่านี้อีกแล้ว

---------------------------------------

ในช่วง 22 ปีของเวนเกอร์ กับอาร์เซน่อล

ช่วงที่ทีมติดหนี้สินจากการสร้างสนาม เขารู้ว่า "เพื่อทีม" เขาต้องอยู่ต่อ

ถ้าอยากให้ทีมเดินหน้าต่อไป เขาจะทิ้งสโมสรไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้น ทีมจะตกต่ำไปไกลยิ่งกว่านี้

และในวันนี้ "เพื่อทีม" เขาต้องไป

ถ้าอยากให้ทีมเดินหน้าต่อไป เขาต้องยอมลาทีมไปตรงนี้ เพราะไม่อย่างนั้น ทีมจะตกต่ำไปไกลยิ่งกว่านี้

ไม่ว่าการอยู่ต่อในวันนั้น หรือการจากไปในวันนี้ ของอาร์แซน เวนเกอร์ เขายึดถือผลประโยชน์ของสโมสรเป็นสำคัญที่สุด

สู้ไปด้วยกันในวันลำบาก และ ยอมตัดใจเพราะต้องการให้อีกฝ่ายมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม

แบบนี้ เรียกว่าความรักใช่ไหม?

https://www.facebook.com/jingjungfootball/photos/a.1763433500538559.1073741828.1763193370562572/2002888086593098/

---------------------------------------

ส่วนอันนี้ผมอยากรู้เอง ท่านๆมองว่าการที่บอร์ดไล่เวงเกอร์ออกในทางอ้อม มันแสดงให้เห็นถึงอะไร ระหว่าง ยังทะเยอทะยานอยากคว้าแชมป์ กับ กลัวกำไรหาย เพราะคนดูไม่เข้าสนาม อย่างที่เห็นๆกันไป...
ไม่เล่นเกมส์ก็เข้ามาคุยเรื่อยเปื่อยได้ มีห้องบอลแยก 18+ ก็มี

กลุ่มคนรัก Anime เข้ามาคุยกันได้ ทุกแนว
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 6549
ที่อยู่: thailand, Land of smile
โพสเมื่อ: Wed Apr 25, 2018 10:10 pm
[RE]บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค
แผล่บไว้ก่อน พรุ่งนี้ค่อยมานั่งอ่าน
0
0



“However bad life may seem, there is always something you can do, and succeed at. While there’s life, there is hope” – The Theory of Everything (2014)
เข้าร่วม: 10 Apr 2015
ตอบ: 2549
ที่อยู่: ห้องขังหมายเลข 7
โพสเมื่อ: Wed Apr 25, 2018 10:25 pm
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
เเต่เท่าที่ผมเชคข่าวล่าสุด เวนเกอร์เเถลงว่า ตัวเขาเองโดนบีบให้ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังจบฤดูกาลนี้
"โดยเขายืนยันว่า การลาออกครั้งนี้นี่ไม่ใช่การตัดสินใจของผมจริงๆ”
กำลังจะแปลข่าวนี้พอดี
เข้าร่วม: 16 Feb 2011
ตอบ: 1227
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 25, 2018 10:30 pm
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
บร์อดก้อต้องเน้น กำไร มากกว่าความรู้สึกส่วนตัวอยู่แล้วครับ หายากที่จะมีที่ใหนเอาความรู้สึกส่วนตัว มาเหนื่อกำไรขาดทุนได้ นอกจากจะเป็นเจ้าของชะเอง แบบเสียหมี หรือท่านชีค ที่แบบกูไม่แคร์ อย่างกรณี เซฟเซงโก้อ่ะ ทีมกู เรื่องของกู ประมานนี้
0
0
เข้าร่วม: 19 Sep 2013
ตอบ: 2226
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 25, 2018 10:42 pm
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
ผมไม่รู้นะว่าจริงๆเเล้วเวนเกอร์ออกเพราะอะไร ประชุมบอร์ดเเล้วหาทางลงสวยๆ หรือว่ารับสภาพเเล้วที่เเฟนๆไม่หนุนหลังเลยออกเอง เเต่ผมไม่อยากจะคิดถึงเหตุผลพวกนั้นเเล้ว
ผมเเค่อยากจะจดจำถึงเรื่องดีๆที่เค้าเคยมอบให้มากกว่า
ผมกล้าพูดเลยว่านี่คือคนสำคัญคนนึงในชีวิตของผม ตั้งเเต่เด็กจนโตจะมีซักกี่คนที่เราคอยติดตามมาตลอด เเทบจะไม่มีสัปดาห์ไหนที่ไม่เห็นหน้า ผมค่อนข้างรักเเละเคารพเวนเกอร์มากๆเลยนะ เเม้เเต่ในบอร์ดผมยังไม่เคยใช้คำว่า "เจ๊" กับเเกเลย เพราะยังงั้นเวลาอะไรไม่ถูกใจ(บ่อยด้วย)มันเลยยากมากๆที่ผมจะทำใจด่าเเกลง

ปล.เรื่อง ดิ อินวินซิเบิ้ลส์ ถ้านับเเบบลีคสูงสุดก่อนเป็นพรีเมียร์ด้วย ถ้าจำไม่ผิด คุ้นๆว่ามีอีกทีมปะครับที่ทำได้ เหมือนเคยอ่านผ่านๆมา เเต่ตอนนั้นจำนวนนัดเเละมาตรฐานลีคยังไม่เหมือนยุคพรีเมียร์คนเลยไม่ค่อยให้เครดิต

1
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 1282
ที่อยู่: ทุกที่ที่มีเธอ
โพสเมื่อ: Wed Apr 25, 2018 10:47 pm
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
ไม่ใช่แค่เรื่องการสร้างสนาม การรักนักเตะเหมือนลูก ให้โอกาส เป็นอีกอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น กับบางคนทั้งปั้นทั้งดันจนเก่ง ให้โอกาสสุดๆ จนบางคนไม่ไหวจริงๆถึงยอม ถ้าแกคิดว่ามันเก่งก็ตะบี้ตะบันส่งลงอยู่นั่นละ
เข้าร่วม: 01 Mar 2011
ตอบ: 1960
ที่อยู่: อยู่ทุกที่ ที่อยู่ได้
โพสเมื่อ: Wed Apr 25, 2018 10:58 pm
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
อดีตคืออดีตครับถ้าไม่โดนบีบออกก็อยู่ยาวๆ แถมน่อลคงตกต่ำไปมากกว่านี้ เวนเกอร์มีเงินแต่ไม่รู้ว่าไม่ใช่เองหรือยังยึดติด ความคิดเก่า หรืออาจจะใช่ไม่เป็นเอง ผมว่าควรออกไปได้แล้ว
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 4618
ที่อยู่: Bangkok
โพสเมื่อ: Wed Apr 25, 2018 11:08 pm
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
ถ้าหมดสัญญากับเอมมิเรสแล้ว น่าเปลี่ยนสนามเป็นชื่อแกนะครับ

ไปเหยียบมาแล้วเอมมิเรสเนี่ย สุดยอดมาก แอนฟิลด์ไม่ได้ขี้เล็บเท้าเลย
0
0
เข้าร่วม: 12 Jul 2008
ตอบ: 6065
ที่อยู่: HIGHBURY / Emirates Stadium
โพสเมื่อ: Wed Apr 25, 2018 11:21 pm
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
Butterganz พิมพ์ว่า:
ไม่ใช่แค่เรื่องการสร้างสนาม การรักนักเตะเหมือนลูก ให้โอกาส เป็นอีกอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น กับบางคนทั้งปั้นทั้งดันจนเก่ง ให้โอกาสสุดๆ จนบางคนไม่ไหวจริงๆถึงยอม ถ้าแกคิดว่ามันเก่งก็ตะบี้ตะบันส่งลงอยู่นั่นละ  

เทพอิโวบี้นี่นับไหมครับ

แรกๆมานี่อย่างเก่ง แต่เดี๋ยวนี้ฟอร์มเก่าๆหายไปไหนไม่รู้ กากเองหรือเพราะไม่ถนัดแท็คติกที่โค้ชให้ไม่รู้
0
0
ไม่เล่นเกมส์ก็เข้ามาคุยเรื่อยเปื่อยได้ มีห้องบอลแยก 18+ ก็มี

กลุ่มคนรัก Anime เข้ามาคุยกันได้ ทุกแนว
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 1282
ที่อยู่: ทุกที่ที่มีเธอ
โพสเมื่อ: Wed Apr 25, 2018 11:33 pm
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
Backspace พิมพ์ว่า:
Butterganz พิมพ์ว่า:
ไม่ใช่แค่เรื่องการสร้างสนาม การรักนักเตะเหมือนลูก ให้โอกาส เป็นอีกอย่างที่ไม่เหมือนคนอื่น กับบางคนทั้งปั้นทั้งดันจนเก่ง ให้โอกาสสุดๆ จนบางคนไม่ไหวจริงๆถึงยอม ถ้าแกคิดว่ามันเก่งก็ตะบี้ตะบันส่งลงอยู่นั่นละ  

เทพอิโวบี้นี่นับไหมครับ

แรกๆมานี่อย่างเก่ง แต่เดี๋ยวนี้ฟอร์มเก่าๆหายไปไหนไม่รู้ กากเองหรือเพราะไม่ถนัดแท็คติกที่โค้ชให้ไม่รู้  

น่าจะคนสุดท้ายละปั้นไม่ขี้น รอดูโค้ชใหม่ เผื่อปั้นขึ้นจิงๆ มันก็ทักษะดีนะมีความเร็ว แต่เหมือนแชมเบอเลนก่อนไปหงส์ที่ตัดสินใจไม่ดี เล่นดูไม่มีความมันใจ
0
0
เข้าร่วม: 20 Jan 2010
ตอบ: 6905
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 26, 2018 3:12 am
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
งบในแต่ละปีใช้เยอะ แต่เพราะขายออกด้วยจึงดูน้อย ตัวเลขที่ทางเพจนั้นลงหักลบเรียบร้อยแล้ว เพราะเวนเกอร์ชื้อทุกปี ทั้งซัมเมอร์และตลาดรอบ2

ผมเองไม่อยากจะเบรกหรอกน่ะ แต่มันเหมือนเขียนเพื่ออวยอย่างเดียว ข้อมูลก็เหมือนจะเลือกที่จะบอกไม่หมด

ระยะเวลาเท่ากัน เวนเกอร์ได้แชมป์มากกว่าบิ๊กจอร์จแค่นิดเดียว ตรงแชมป์ลีกนี่แหละ

ตอนนี้ผมก็ลุ้นให้จบไม่เหมือนกัน เพราะบิ๊กจอร์จศพไม่สวยจริงๆ ทำทีมตกต่ำไม่พอ มีเรื่องรับสินบนอีก
0
0

คนโง่มักคิดว่าตัวเองฉลาด คนฉลาดมักแกล้งโง่



เข้าร่วม: 09 Oct 2005
ตอบ: 13735
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 26, 2018 4:14 am
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
ผมชอบวลีช่วงต้น มันเคลียร์ดี แบบว่าถ้าคนไม่เก็บมาคิด ก็คงไม่พูดถึงตรงนี้

---

แต่เรื่องควบคุมเงิน ผมก็ยังแย้งเหมือนเดิม เพราะมันไม่ใช่การขายตามข่าวที่เราต้องยอมขายมันออก
และไม่มีบัญชีของสโมสรแจงว่าเราจำเป็นต้องขายขนาดนั้น

ไม่เห็นมีนักเตะคนไหนออกมาบอกว่า ที่มันออก เพราะสโมสรต้องการเงินเลยสักคน
หนำซ้ำ มีแต่นักเตะที่แฟนบอลออกมาด่าว่า จูดาสบ้างละ ไปแล้วอนาคตดับบ้างละ
ถ้ามันถูกขายเพราะเอาเงินมาโปะ เราควรต้องชมมันสิครับ เป็นหนี้บุญคุณมันสิ ด่ามันทำไมละ

ผมเห็นพูดแค่ว่า ขายเอาเงินมาโปะหนี้ แต่เราชำระหนี้เป็นเงินผ่อนเป็นงวดๆ
ไม่ใช่การหาได้ปุ๊บส่งเจ้าหนี้ปั๊บนะ

การขายนักเตะ มาจากนักเตะคีย์แมนของเราเลือกอยากจะไป
คือเรามีกรอบนโยบายอยู่ ผมว่าจุดนี้เวนเกอร์ก็เห็นด้วย เรื่องการเงินเวนเกอร์เขาค่อนข้างซีเรียส
เมื่อมันไม่แฮปปี้กับการต่อสัญญา หรือมีทีมอื่นยื่นเข้ามา มันก็เลยมาขอออก
เราก็ทำอะไรไม่ได้ ทุกอย่างก็ตามที่เห็น

แต่ถ้าจะเป็นตัวที่จะขายจริงๆ เจ๊แกจะบีบให้มันนั่งสำรอง จนมันไม่ฝืนอยู่เอง
ซึ่งเอาจริงๆ มันมีไม่เยอะนะครับ

และช่วงปี2011ขึ้นมา แฟนบอลก็ชูป้าย บีบให้เวนเกอร์ใช้เงินหนักแล้วด้วย
สโมสรให้งบ แต่เขาไม่ใช้เอง
ค่อยมาถึงที่สุด แกถึงมาซื้อโอซิลเนี่ยละ เพราะไร้แชมป์

ผมเห็นจากข่าวที่สโมสรต้องจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะแต่ละซีซั่น
อาร์เซน่อลที่เห็นประหยัด ก็ยอดสูงอันดับต้นๆด้วยซ้ำนะ ถ้าจำผิดก็ขออภัย
มองก็บอกว่า แกไปลงทุนกับดาวรุ่ง ที่เราก็เห็นว่ามันปั้นขึ้นยากหลายตัว
ผมเลยตีความว่า มันเป็นเรื่องของกลไกการโตในสายอาชีพที่แกวาดไว้

---

ส่วนเรื่องลาออกที่เกิดขึ้น ผมมองว่า สโมสรบีบด้วยมันก็ใช่
แต่การบีบนี่คือผลดีต่อตัวเวนเกอร์ด้วยซ้ำนะ

ผมก็ไม่เชื่อว่าซีซั่นหน้าเวนเกอร์จะกลับมาได้ เพราะคู่แข่งมันโหดขนาดนี้
จุดนี้เราพูดกันตรงๆเลย ไม่ต้องอ้างงบอะไรหรอก
เพราะเขาคงไม่เลิกส่งนักเตะที่แฟนไม่ชอบไม่ให้ลงมาเล่นหรอกครับ
อยู่ไปมันก็เสียทั้งกระบวน
0
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2015
ตอบ: 1282
ที่อยู่: ทุกที่ที่มีเธอ
โพสเมื่อ: Thu Apr 26, 2018 11:58 am
[RE: บทความเวนเกอร์จากเพจเฟสบุ๊ค]
รู้มั้ย ทำไมมีโค้ชเก่งๆในอดีตเยอะที่ได้แชมป์มากมาย แต่คนพูดถึงน้อย หรือจำไม่ได้
ผมเชื่อว่าอีกหลาย10 ปีคนก็ยังจะจำ คนชื่อเวงเกอร์ได้ เพราะการคุมทีมไปด้วยสร้างสนามไปด้วย การสร้างสนามมันให้อนาคตทีมหลทยๆอย่าง
คนที่เอาถ้วยแชมป์มาคุย คนนี้เยอะกว่า เก่งกว่าแล้วไงละ ใครๆก็มีแชมป์แต่ ใครที่จะแข่งไปด้วยสร้างอนาคตให้ทีมไปด้วยโดยที่มาตรฐานไม่ตกลงไปมาก โค้ชหลายๆแชมป์เยอะแล้วไงละเคยไร้พ่ายไหม ความจิงทั้งนั้นรึจะเถียงว่า เวงเกอร์ไม่ได้ทำทีมไร้พ่าย
0
0