การหลอกตัวเองนำพาคุณสู่ความพินาศ [20+]
ที่จั่วหัว 20+ เพราะบทความนี้เหมาะกับคนที่โตหน่อย คนที่อายุน้อยอาจเข้าใจยากหน่อยแต่ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองลองทนอ่านซักนิด เพราะถ้าทนอ่าได้จนเข้าใจชีวิตคุณอาจเปลี่ยนมากเปลี่ยนได้เร็วโดยไม่ต้องรอให้แก่ก่อน
มันมีความคิดอันนึงที่เรามักถูกปลูกฝังผ่านสังคม ผ่านละคร การ์ตูน จริง ๆ มันไม่ใช่ความคิดที่ผิดแต่การนำมันไปคิดต่อและใช้แบบผิด ๆ อาจทำให้ชีวิตคุณพินาศได้อย่างเร็วและหลายครั้งคุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
สิ่งนั้นคือ - การหลอกตัวเอง
มันก็จะคล้ายแมวตัวนี้
แล้วมันเกี่ยวกับหัวข้อก่อนหน้ายังไง?? อย่างนี้ครับ ในบทของสังคม ละคร การ์ตูนไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่รู้ตัวก็ตาม บทเหล่านั้นถูกเขียนขึ้นมาเพื่อให้คนที่ชื่นชอบนั้นผูกตัวเองเข้ากับ "พระเอก" ในฉากนั้น ในบทนั้นหรือในเหตุการณ์ใดก็ตามที่หนังเชื่อมโยงไป ตอนจบของเรื่องราวเหล่านั้น (ส่วนใหญ่) มักจะเป็นความสมหวัง การได้เป็น "ฮีโร่" การได้รับผลที่ดี การได้รับความนับหน้าถือตาจากคนสำคัญรอบ ๆ ตัว
เรามักจะถุูกปลูกฝังพร้อมชุดความคิดประมาณว่า
- ทุกอย่างเป็นไปได้ถ้าตั้งใจทำจริง
- ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
- "เราต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น"
เมื่อถูกฝังย้ำความคิดซ้ำ ๆ จนกลายเป็นชุดความคิดติดตัว ผลลัพธ์ที่ออกมาผ่านการกระทำในชีวิตจริงจึงเป็นการกระทำแบบซ้ำ ๆ ขาดสติิ เป็นการกระทำที่เคยทำแล้วไมไ่ด้ผลแต่หวังว่าเมื่อทำแบบเดิมแล้วผลลัพธ์ปลายทางจะเปลี่ยนไป เป็นความดื้อดึงที่จะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เคยทำมา
เพราะคุณคิดว่าคุณเป็น "ฮีโร่" ที่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ทุกอย่างขอเพียงแค่พยายามเท่านั้น
โดยที่จริง ๆ แล้วในโลกความจริง "ฮีโร่" (คุณ) ไม่สามารถได้ทุกอย่างเพียงเพราะแค่คุณอยากได้มัน คุณติดกับความคิดตัวเอง หลอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ตัวอย่างที่คนวัยเล่น SS ส่วนใหญ่จะเข้าใจได้ง่ายก็เป็นเรื่องความรัก (??) ถ้าลองไล่ดูอย่างน้อยสุดในทุกวันเราจะต้องเห็นกระทู้ถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เฉลี่ยวันละกระทู้เลยทีเดียว ไม่นับในเว็บใหญ่อย่าง Pantip ที่น่าจะเป็นสิบ ๆ กระทู้ต่อวันเลยทีเดียว
กระทู้ความรักเหล่านั้นคำถามอาจจะฟังดูน่าสงสารซะส่วนมากแต่ถ้าเราลองมองตามความเป็นจริงดี ๆ เราจะพบว่า - กว่า 9 ใน 10 ของคำถามที่พบเจอคือพวกเค้ากำลังหลอกตัวเองด้วยฐานความคิดว่า "ความพยายามชนะทุกสิ่ง" พวกเค้าจึงจบลงด้วยการทำซ้ำเรื่องเดิม ๆ หลุดจากคนนี้ไปอีกคนนึงก็ทำซ้ำแบบเดิม ๆ จีบแบบเดิม ๆ แห้วแบบเดิม ๆ เป็นลูปไม่สิ้นสุดแล้วก็ตั้งคำถาม "ทำไมกูนกตลอดเลยวะ??"
ถ้ามองไปอีกเราจะพบว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แต่มันรวมถึงเรื่องงาน การเงิน ทุกอย่าง เช่นตัวอย่างอันนี้
ธุรกิจ : คุณเบื่องานอยากทำธุรกิจซักอย่าง คุณเห็นการแฟ Starbuck ขายแก้วละร้อยขึ้นไป ขายดี คุณเห็นช่องทางที่น่าจะรวย เริ่มตื่นเต้นและคิดว่าอยากจะเปิดร้านกาแฟบ้าง มองเห็นทุกอย่างสดใสแม้จะมีคนทักท้วงในประเด็นสำคัญแต่คุณก็จะหาเรื่องแย้งได้ทุกครั้งเพื่อบอกว่าความคิดตัวเองถูกแน่ ๆ
สิ่งที่คุณคิด - ก็เปิดร้านข้าง ๆ แข่งแม่งเลย มันขายแพงเราก็ขายถูกกว่า + ทำให้อร่อยกว่า แค่นี้ชนะได้แล้ว รวยเห็น ๆ
ความจริง - คุณกำลังเปิดร้านกาแฟแข่งกับคู่แข่งที่แบรนด์แข็งกว่าคุณมหาศาลพร้อมด้วยเงินทุนมหาศาลและต้นทุนที่ต่ำกว่าคุณหลายเท่ารวมถึงศักยภาพในการเข้าถึงวัตถุดิบที่คุณหาไม่ได้หรือหาได้แต่ต้นทุนคุณจะสูงมากจนแข่งไม่ได้ ในขณะที่คุณภาพสินค้าเค้าดีกว่าคุณไม่มีอะไรที่จะแตกต่างและดีกว่าเลยนอกจาก "ถูกกว่า"
แต่คุณก็ตัดสินใจลงสนามแข่งขันเพราะยืนหยัดในชุดความคิดเดิม - "ฮีโร่" และคงเดาไม่ยากว่าถ้าคุณไม่หยุด ถอยหลังซักก้าวแล้วออกมาดูว่าจะทำให้ดีและแตกต่างได้ยังไง ไม่ยอมที่จะเปลี่ยนทางที่จะไป ผลลัพธ์หายนะรออยู่แน่นอน
เดี๋ยวนะ?? แบบนี้เท่ากับผมบอกว่าความพยายามเป็นสิ่งเลวร้ายอย่างนั้นหรือ?? การเร่ิ่มต้นลงมือทำเป็นสิ่งที่แย่มากจริง ๆ หรือ??
คำตอบ - ไม่เลยครับ ผมนับถือในผู้ที่ลงมือทำและพยายามด้วยซ้ำ จริง ๆ ความพยายามเป็นสิ่งดี การตั้งใจเป็นสิ่งดี ผมชอบบอกคนที่มาถามให้ลงมือทำและเรียนรู้ แต่เพราะความพยายามใด ๆ ก็ตามถ้ามันเริ่มต้นในทางที่ผิดมันก็เปล่าประโยชน์ เหมือนกับคุณต้องการขับรถไปภาคใต้แต่คุณใช้ถนนที่มุ่งหน้าไปภาคเหนือ เมื่อรู้ว่าถนนที่คุณมามันผิดแทนที่จะยอมหยุดและหันกลับไปสู่ถนนที่ถูกต้องคุณกลับเลือกที่จะดื้อตรงต่อไป แบบนี้ไม่ว่าคุณจะตั้งใจขับแค่ไหนคุณก็ไม่มีวันไปถึงภาคใต้ได้เพราะถนนมันผิดแต่แรก วนจนสุดท้ายน้ำมันหมดเครื่องพังแก่ตายคาซากรถคุณก็ไม่มีวันถึงปลายทาง
ประเด็นที่ผมจะบอกคือ - คุณต้องรู้จักที่จะปรับเปลี่ยนปรับตัว ต้องยอมรับ "ความจริงที่โหดร้าย" ซึ่งบางครั้งมันอยู่ตรงหน้าคุณ ต้องยอมที่จะ "เปลี่ยนถนน" ให้ไปสู่ทางที่ถูกต้องเมื่อรู้ตัวแทนการดันทุรังไปทางเดิมแล้วหวังว่าผลลัพธ์ปลายทางจะเปลี่ยน
การเปลี่ยนดังกล่าวอาจหมายถึงความเจ็บปวด เสียหน้า ต้องทำลายของเดิม ๆ บางอย่่างทิ้งซึ่งบางครั้งคุณผูกพันธ์กับมันมาก เช่นความเคยชินเดิม ๆ สันดานนิสัยเดิม ๆ ที่เคยเป็นมาแต่มันไม่ดี เป็นต้น
สรุป - ผมเองก็เคยผ่านความคิดดื้อด้านปัญญาอ่อนนี้มาหลายครั้งตั้งแต่วัยทำงานจนถึงช่วงแรกที่ล้มเหลวกับธุรกิจที่ทำ เข้าใจดีว่ามันเปลี่ยนยากแต่เพราะเข้าใจว่าการเปลี่ยนความคิดนี้มันจะเปลี่ยนชีวิตคุณได้ยังไงผมจึงเขียนบทความนี้ขึ้นมา หากมีใครอ่านแล้วเข้าใจเก็บเกี่ยวไปใช้ได้ผมก็ดีใจแล้วครับ
"ผู้ชายทุกคนอยากได้ภรรยาที่ดีพร้อมแต่น้อยคนที่ทำตัวให้ดีพอที่จะได้จริง ๆ" - นิรนาม
"ความยิ่งใหญ่ของเราไม่ได้เกิดจากการไม่เคยล้มเลยหากแต่เกิดจากการลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม" ขงจื๊อ
"อยู่ห่างจากคนคิดลบไว้ เพราะสำหรับเค้าทุกทางแก้ล้วนมีแต่ปัญหา" อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์