-หมายเหตุ ไม่ใช่การสัมภาษณ์นะ เป็นปิเก้มาเล่าเรื่องยาวๆให้ฟัง(อ่าน) นักข่าวssแปลไปแล้ว2ส่วน ผมจะแปลตรงที่ยังไม่มีคนเอามาแปล
-อันนี้ที่นักข่าวแปลไปแล้ว
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1620160
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1620043
มาเริ่มกันเลย
มา ผมจะเล่าถึงเหตุการณ์บางช่วงบางตอนในชีวิตให้ฟัง
ผมมองย้อนหลังกลับไป10ปีในชีวิตการค้าแข้ง ผมได้แชมป์โลก แชมป์เปียนส์ลีค แชมป์ลาลีก้า และแชมป์บอลถ้วยสเปน ผมได้มาหมดแล้วนี่หว่า แล้วผมก็ชอบย้ำให้เพื่อนๆที่มาดริดฟังเสมอบนWhatApp
แต่ย้อนกลับไป10ปีก่อน ชีวิตผมเกือบจะชิบหายแล้ว ทั้งชีวิตของผมอาจจะเป็นในอีกรูปแบบนึงไปเลยก็เป็นได้ถ้าไม่ใช่เพราะ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
Manchester United
ผมมาถึงยูไนเต็ดในฐานะของเด็กชายคนนึง และจากไปอย่างลูกผู้ชายเต็มตัว เป็นช่วงเวลาที่บ้าคลั่งดีชะมัดสำหรับผม เพราะผมไม่เคยต้องจากบ้านไปไหนมาก่อนเลย ผมใช้เวลาทั้ง17ปีตั้งแต่เด็กๆในสเปนในอคาเดมี่เยาวชนของบาร์เซโลน่า คือมันเหมือนกับผมเล่นให้กับทีมของรร.ท้องถิ่นนั่นแหละ ก็ผมรู้จักทุกคนหมดอ่ะ แล้วผมอยู่กับครอบครัวของผมมาตลอด สำหรับผมนะ ฟุตบอลในตอนนั้นมันเอาไว้เล่นสนุกๆเท่านั้นเอง ผมไม่ได้รู้จักด้านอื่นๆของฟุตบอลเลย แล้วผมก็มายูไนเต็ด บอกกันตรงๆเลยล่ะกัน โคตรช็อคเลย
นึกภาพตามนะ ต้องจากบ้านมาตอนอายุ17 มายังที่ๆมีแต่ผู้ใหญ่ มีแต่ตำนานของทีม มีแต่ผู้จัดการทีมอย่างเซอร์ อเล็กซ์ มันซับซ้อนจนบอกไม่ถูกเลย
เวลามีคนสงสัยว่าทำไมพวกดาวรุ่งเก่งๆถึงไม่ได้ย้ายข้ามประเทศกัน ผมบอกได้เลยว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับด้านคุณภาพของฝีเท้าหรอก มันมีอะไรอีกเยอะที่เขาไม่ถ่ายในทีวีให้คุณๆได้เห็นกัน
2ปีแรกของผมในอังกฤษ มีหลายต่อหลายคืนที่ผมเสร็จจากการซ้อมกับทีม แล้วที่แมนเชสเตอร์เนี่ย บ่าย4มันก็เริ่มมืดแล้ว ผมกลับมาที่ห้องอยู่คนเดียวเงียบๆ โคตรจิตตกเลย แน่นอนว่าแม่ผมก็โทรมาเช็คว่าเป็นยังไงมั่ง ผมโกหกไปน่ะสิ"สบายดีครับแม่ ทุกอย่างกำลังไปได้สวย"
ไปได้สวยกับผีเซ่!! มันห่วยสุดๆเลย ผมอยากกลับบ้านผมคิดถึงสเปน ไม่ตงไม่เตะมันแล้วบอลเลิกแล้วพอกันทีอาชีพนักฟุตบอล ผมบ่นเรื่องนี้ให้พ่อฟังเรื่อยๆเลยล่ะ
"ไม่รู้ดิพ่อ ผมว่าโค้ชเค้าไม่เชื่อมั่นในตัวผมเลย แล้วไอ้พวกนี้มันก็เก่งเกินอะ(หมายถึงริโอกับวิดิชนั่นแหละ) ผมไม่ไหวอะ" ผมบ่นให้พ่อฟัง
ผมยังจำได้ดีเลยตอนนั้นพ่อบอกบางอย่างที่มีความหมายมากๆให้ผมฟัง
"รู้อะไรมั้ยไอ้ลูกชาย วันนี้มันอาจจะห่วย แต่เดี้ยวพรุ่งนี้ดวงอาทิตย์มันก็ขึ้นใหม่แล้วนะ"พ่อบอกผม
ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแค่ประโยคง่ายๆเนี่ยมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น มันช่วยให้ผมเดินหน้าต่อไปได้ แล้วผมก็โชคดี ทั้งที่ตอนนั้นผมมันบื้อๆแถมยังดิบๆห่ามๆด้วย เซอร์อเล็กซ์สุดยอดสุดๆเลยตั้งแต่วันแรกที่ผมมาที่นี่ พวกโค้ชชั้นยอดมักจะมีคุณภาพสูง ต่อให้พวกเขาไม่เลือกคุณลงเล่น ต่อให้พวกเขาใจร้ายใจมารกับคุณ พวกเขาจะทำให้คุณเชื่อว่ายังไงพวกเขาก็หวังดีและเป็นห่วงคุณเสมอ เซอร์อเล็กซ์ก็เหมือนกับพ่อคนที่2ของผมนั่นแหละ และท้ายที่สุดเขาก็มอบโอกาสให้กับผม
ปี2007 หลังจากอยู่ในอังกฤษได้2ปี เขาบอกผมว่าปีนี้ผมจะได้ลงเล่นราวๆ25เกมในซีซั่นนี้ เขาว่าทุกอย่างกำลังไปได้สวย เขาว่าจะให้ผมลงเล่นเคียงข้างกับริโอ และแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายนมาถึง พวกเราต้องไปเยือนโบลตัน......
ชิบหายแล้วเรา
ภาพนั้นมันยังติดตาผมอยู่เลย ไอ้บอลลูกนั้นที่มันลอยข้ามหัวผมไป
มันเป็นลูกตั้งเตะ หน้าที่ของผมคือต้องตามประกบ นิโคลัส อเนลคา พวกโบลตันกะจะเปิดบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษแน่ๆ ตอนั้นผมคิดไว้แล้วในหัว จังหวะนี้ผมจะจัดเต็มเหนี่ยวเลย ต้องเอาให้สุดถึงลูกถึงคน แล้วผมก็โดด..แล้วผมก็วืด....ฝันร้ายกำลังจะกลายเป็นจริงกันละงานนี้
ไอ้บอลลูกนั้นที่ลอยข้ามหัวผมไป สีเหลืองๆม่วงๆนั่นแหละจำกันได้ป่ะ? นั่นแหละบอลมันลอยข้ามหัวผมไปยังกะบอลลูนเลย
แล้วพอผมกำลังจะลงถึงพื้น ผมก็ค่อยๆเอี้ยวคอไปมองด้วยความหวาดกลัว อเนลคาสัมผัสบอลแล้วเขาก็จับมันยัดก้นตาข่ายอย่างง่ายดาย จบเกมเราแพ้ไป 0ประตูต่อ1 เราแพ้เพราะผมพลาด เวลาพวกกองหลังดาวรุ่งทำพลาด สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือผู้จัดการทีมจะหมดความเชื่อมั่นในตัวคุณ เขาไม่สามารถจะไว้ใจคุณได้ต่อให้เขาอยากจะทำก็เถอะ ผมรู้ได้เลยในจังหวะที่เท้าของอเนลคาสัมผัสบอล ความเชื่อมั่นที่เซอร์อเล็กซ์มอบให้ผมได้อันตรธานหายไปพร้อมกับบอลลูกนั้นแล้ว และอาจจะรวมถึงแฟนบอลส่วนใหญ่ของยูไนเต็ดเองด้วยเช่นกัน
25เกมที่โค้ชเคยบอกผม ผมจบซีซั่นนั้นด้วยการลงเล่นไป12เกม สุดๆไปเลยล่ะตอนนั้น มันเหมือนว่าชีวิตการค้าแข้งของผมกำลังจะพินาศเพราะความผิดพลาดครั้งนั้น แต่เปล่าเลย มันกลายเป็นจุดเริ่มต้นต่างหาก!! แต่ก็เพราะสิ่งที่เซอร์อเล็กซ์มอบให้ผมน่ะนะ คืองี้ ท้ายซีซั่นนั้น เอเยนต์ของผมบอกว่าบาร์ซ่าสนใจอยากดึงตัวผมกลับ บอกตามตรงผมแทบไม่อยากจะเชื่อรูหูตัวเองเลย ผมยังจำประโยคที่ผมตอบกลับเอเยนต์ของผมไปได้อยู่เลย "จะบ้าเรอะ อยู่ยูไนเต็ดผมก็ไม่ได้ลงเล่น แล้วพวกเขาจะอยากได้ตัวผมไปทำไม?"
"แหมก็นะ พวกเขาว่าพวกเขาเชื่อมั่นในตัวคุณไง" เขาตอบผม
ผมอะหรอ? ดีใจสุดๆเลยล่ะ ก็ผมอยากจะกลับบ้านอยู่แล้วด้วยส่วนนึง แต่เดี้ยวก่อน!! แล้วผมจะไปบอกเซอร์อเล็กซ์ยังไงดีวะเนี่ย....คือในสัญญาของผมมันไม่มีค่าฉีก ยูไนเต็ดอยากจะขายผมเท่าไหร่ก็ได้ ผมเลยต้องหาทางโน้มนาวให้เขาปล่อยตัวผมไป คุณเอ้ยนี่เป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตผมแล้วล่ะ เพราะเขาดูแลผมมาอย่างดีตลอดเลย แต่สุดท้ายผมก็ไปหาเขา ผมบอกเขาไปตามตรงเลย "คืองี้ครับนาย ผมรู้สึกว่าผมทำให้คุณหมดความเชื่อมั่นในตัวผม ส่วนบาร์ซ่ามันก็บ้านผม ผมอยากกลับบ้านครับ หวังว่าคุณจะยอมให้ผมไป"
เราคุยกันยาวเลยล่ะ สุดท้ายเขาก็ยอมให้ไป ตกลงกันแล้วว่าจบซีซั่นนี้แหละนะ
แต่เดี้ยวก่อน เรื่องมันไม่จบง่ายๆแค่นี้หรอกน่า ฟุตบอลมันยุ่งเหยิงเสมอแหละ ช่วงท้ายซีซั่น ทายสิว่าเราต้องไปเจอกับใครในรอบรองชนะเลิศ ucl, แหงล่ะ บาร์ซ่าไง คือจริงๆแล้วยังไงผมก็คงไม่ได้ลงเล่นหรอก ผมเป็นตัวเลือกลำดับที่3ในแผงหลัง แต่ช่วงก่อนเลคแรกที่คัมป์นูว์ วิดิชดันเจ็บ ไปๆมาๆผมเลยจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงต่อหน้าคน9หมื่นคน ต้องมาสู้กับทีมในวัยเด็กของผมเอง
ความรู้สึกตอนนั้น มันทั้งตื่นเต้น ทั้งตกใจ สับสนไปหมดเลย
ก่อนเกมนั้น 2-3ชั่วโมงก่อนแข่งเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนในโรงแรมห้องใครห้องมัน ผมอยู่ไม่เป็นสุขเลยคิดนู่นคิดนี่ แล้วอยู่ๆก็มีคนมาเคาะประตู ผมแอบดูตรงตาแมวแล้วก็พบว่าเป็น...แม่บ้าน....ไม่ใช่ว้อย เซอร์อเล็กซ์นั่นเอง
ผมรู้ล่ะต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆเลย ปกติเขาไม่เคยมาหาผมก่อนเกมเลย ""เจอราร์ดผมมีข่าวร้ายมาบอก คุณจะไม่ได้ลงเล่นในเกมนี้นะ คือดีลมันเกือบจะเสร็จสิ้นแล้ว ถ้าผมให้คุณลง แล้วคุณเกิดเล่นได้ไม่ดี เดี้ยวจะมีคนครหาว่าเพราะคุณใจลอยไปบาร์ซ่าเสียแล้ว ดังนั้นผมให้คุณลงเล่นไม่ได้จริงๆ ผมมาแจ้งด้วยตัวเองเพราะอยากอธิบายเหตุผล"
ด้วยความสัตย์จริง ผมเสียใจมากนะ จริงอยู่ที่ผมอยากกลับบ้าน แต่จังหวะนั้นผมพร้อมทุ่มทุกอย่างเพื่อเซอร์อเล็กซ์เพื่อยูไนเต็ด แล้วมันก็เป็นความฝันของผมด้วยที่จะได้ลงเล่นในรายการแชมป์เปียนส์ลีคในสนามคัมป์นูว์ มันเจ็บปวดจริงๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วเซอร์อเล็กซ์ก็ตัดสินใจได้ถูกต้อง แบบนี้ดีกว่า มันดีต่อทุกฝ่าย เราเสมอกัน0-0 แล้วเราก็เขี่ยบาร์ซ่าตกรอบไปได้ด้วยชัยชนะในบ้าน จบปีนั้นด้วยแชมป์uclและแชมป์epl สุดท้ายผมก็ได้กลับบ้าน
ผมได้พบเจอกับเหตุการ์ที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นบ่อยนักในวงการฟุตบอลก็เพราะเซอร์อเล็็กซ์
ผมจากทีมมาแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ตอนนั้นผมอาจจะไม่ได้รู้สึกแบบนี้
แต่ไอ้ความผิดพลาดครั้งนั้นกับโบลตันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตผมเลยก็เป็นได้ ้
FC Barcelona
ท้ายที่สุด บาร์ซ่าจ่ายเงิน5ล้านเป็นค่าตัวผม ผมมาบาร์ซ่าด้วยการเป็นตัวเลือกลำดับที่4ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค พวกเขาไม่ได้คาดหวังอะไรผมมากมายนักหรอก แต่ก็ต้องขอบคุณโจเซ็ป กวาร์ดิโอล่ากับสมองอัจฉริยะของเขา เขาเชื่อมั่นในตัวผม ผมจบซีซั่นนั้นด้วยการเล่นเคียงข้างกับคาร์เลส ปูโยล การเป็นคู่หูกับปูโยลมีอิทธิพลต่อตัวผมเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่ในสโมสรแต่ยังรวมถึงทีมชาติอีกด้วย
มีหลายต่อหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในฟุตบอลที่ผู้คนไม่เคยได้เห็น และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้เขียนเรื่องนี้อยู่ เอาล่ะ มาผมจะเล่าให้คุณฟังอีกสักเรื่องก็แล้วกัน
ก็อย่างที่ผมบอกไป ฟุตบอลมันยุ่งยากและซับซ้อนเสมอ ตอนผมอายุ24 ผมยืนอยู่ในระดับสูงสุดของโลกไปแล้ว ผมได้มาหมดแล้วทุกแชมป์ ผมได้เล่นให้โค้ชชั้นยอดอย่างเป๊บซึ่งเชื่อมั่นในตัวผม ผมได้เล่นให้กับสโมสรที่ผมรัก ชีวิตผมมันสมบูรณ์แบบ....
และแล้ว......ซีซั่นที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผมก็มาถึง
2012คือซีซั่นที่ทุกอย่างดูจะชิบหายวายป่วงไปหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ให้ผมเดาคงเพราะผมสูญเสียความกลัวที่ผลักดันให้ผมเดินหน้าต่อไปซะแล้ว.........แต่ไม่ว่าจะเหตุผลกลใดก็ตาม ผมก็เริ่มกลับมาตั้งคำถามกับจิตใจของตัวเอง ซีซั่นผ่านไปได้สักพักเป๊บก็เริ่มไม่เชื่อมั่นในตัวผม 3ปีแรกเรามีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมมาก ผมยังเคารพรักเขาเสมอ แต่จริงๆแล้วตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเกินจะบรรยาย
24/7 ทั้งวันทั้งคืนในหัวพวกเราต้องมีแต่ฟุตบอลเท่านั้นคือสไตล์ของเป๊บ แล้วในจังหวะนั้นของชีวิตผม จู่ๆผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำไม และแน่นอนว่าเป๊บไม่เชื่อมั่นในตัวผมอีกต่อไป และช่วงเวลาที่โหดร้ายก็มาถึง เขาตัดสินใจจะดรอปผมในเกมที่เราจะต้องพบกับเรอัล มาดริดในลีค นั่นคือจุดแตกหัก
"มันจบแล้วหรอวะ ความฝันที่จะเล่นให้บาร์ซ่ามันจบแล้วจริงๆหรอ? เห้ยมันมาถึงไวขนาดนี้เลยหรอเนี่ย?"
เกมถัดมาเราต้องเล่นเกมแชมป์เปียนส์ลีคกับเชลซี เรื่องบ้าๆบอๆก็เกิดขึ้น เราไปแพ้0-1ในสแตมฟอร์ดบริดจ์ เกมนั้นผมก็ไม่ได้ลงเหมือนเดิม แต่เกมเลค2เป๊บเลือกกลับมาใช้งานผม แต่บอกตรงๆผมคงบอกอะไรไม่ได้มากเกี่ยวกับนัดนี้
ช่วงต้นเกม ผู้รักษาประตูของเรา วิคตอร์ วัลเดซกับผมเราบังเอิญมีจังหวะกระแทกกันเองตอนเคลียร์บอล ผมหมดสติไปเลย พอผมลุกขึ้นมาเล่นต่อได้วิ่งไปวิ่งมาประมาณ10นาทีได้ละมั้ง แต่ผมจำอะไรไม่ได้เลย สุดท้ายทีมแพทย์ก็สังเกตเห็นอาการผิดปกติพวกเขาจับผมขึ้นเปลแล้วเร่งไปโรงพยาบาลทันที
ผมตื่นขึ้นมาในวันถัดไป จำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกมนั้นใครชนะ
กลายเป็นว่าเกมนั้นเสมอกันไป2-2 แล้วเราก็ตกรอบไปตามระเบียบ ไม่กี่วันต่อมาเป๊บก็ประกาศว่าจะลาออกหลังจบซีซั่น มันรู้สึกเหมือนจุดจบของอารยธรรมบาร์ซ่ากำลังจะมาถึงยังไงยังงั้นเลย ไม่ใช่แค่ของทีมหรอก แต่ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนช่วงเวลาของผมเองก็กำลังจะจบลงด้วยเหมือนกัน
เรื่องนี้ทำให้ผมหันมาคิดถึงเส้นทางในอาชีพนักเตะของผม ชีวิตของผม มันเหมือนนาฬิกาปลุกเลย ตอนที่ทั้งทีมทุ่มเทกันเต็มที่ เป๊บไม่เชื่อมั่นในตัวผม แต่แล้วเขาก็มอบโอกาสให้ผมอีกครั้งแต่ผมดันโดนน็อคหมดสติไปซะงั้น บางครั้งบางคราวผมก็หวนคิดถึงเรื่องนี้ จะเป็นยังไงในตอนนั้นถ้าผมตื่นมาวันถัดไปแล้วกลายเป็นเราผ่านเข้ารอบ ตอนนั้นผมเล่นไม่ได้เป็นอาทิตย์ ดังนั้นยังไงผมก็คงพลาดนัดชิงอยู่ดี บางทีเราอาจจะชนะแชมป์เปียนส์ลีคก็ได้ บางทีถ้าเป็นแบบนั้นเป๊บอาจจะตัดสินใจอยู่ต่อ บางทีเขาอาจจะไม่เชื่อมั่นในตัวผมอีกเลยก็ได้ บางทีผมอาจจะต้องไปอยู่ทีมอื่น....ปีต่อมาติโต้ บีลาโนบาก็ขึ้นมาคุมแทนและเขาก็มอบโอกาสที่2ให้กับผม
ในเส้นทางอันยาวไกลในชีวิตมีหลายต่อหลายเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้คุณหวนนึกถึงเรื่องของโชคชะตา, โอกาสและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราจะได้พบเจอตอนอ่านพาดหัวข่าวหรอก ในพาดหัวข่าวมักจะเรียบๆ ส่วนในชีวิตจริง สิ่งที่น่าสนใจจริงๆนั้นซ่อนอยู่ข้างใน
ยกตัวอย่างนะ มีคนถามผมบ่อยๆ มันเป็นยังไงกันแน่เมื่อผมได้ลงเล่นเคียงข้างกับเมสซี่เป็นเวลาหลายปี ถ้าให้ผมอธิบายเรื่องนี้เป็นประโยคเดียวละก็ เขาคือเอเลี่ยนตัวเป็นๆเลยล่ะ
เขาไม่ได้มาจากโลกใบนี้แน่ๆ
เขาเป็นนักเตะเพียงคนเดียวที่ผมยังจดจำได้ตอนพบเจอกันครั้งแรก ย้อนกลับไปตอนผม13ขวบที่ผมเคยพูดกับตัวเองไว้ "ไอ้บ้านี่มันไม่ใช่คนนี่หว่า มันมาจากไหนกันเนี่ย"
เขาเหมือนกับมือสังหาร เขายอดเยี่ยมที่สุด ผมไม่ได้หมายถึงวิธีการจู่โจมของเขานะ มีคนถามผมว่า"อะไรคือสิ่งที่สุดยอดที่สุดที่คุณเคยเห็นลีโอทำในสนาม? " พวกเขาคาดหวังว่าคำตอบของผมคงจะเป็นเรื่องการเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นคนแล้วคนเล่า เชื่อผมเถอะ ผมเคยได้ยินมาบ่อยแล้วเรื่องนี้
แต่สำหรับผม เหตุผลจริงๆแล้วกลับเป็นตอนที่เขาไม่มีบอลต่างหาก คุณอาจจะมองไม่เห็นถ้าดูผ่านทีวี แต่ผมเห็นตอนเราอยู่ในสนาม คุณต้องได้เห็น สีหน้าของเขาตอนเขาวิ่งไปแย่งบอลจากกองหลัง เขามีแววตาที่ผมไม่เคยได้เห็นจากนักเตะคนอื่นเลย นั่นแหละที่ทำให้เขาสุดยอด เขาไม่สนใจจะโชว์หรอกนะ ผมแทบไม่เคยเห็นลีโอสับขาหลอกหรือเล่นท่าเลย เขาแตกต่างออกไป ความสุดยอดของเขาก็คืออาการหมกมุ่นกับการทำยังไงให้ได้บอลมา
เรื่องนี้คงจะไม่เหมาะเอาไปพาดหัวข่าวใช่มั้ยล่ะ? แต่ถ้าให้ผมพูดถึงเวทมนตร์ของเมสซี่ มันจะไม่ใช่สิ่งที่คุณพบเห็นได้ตามยูทูบหรอกนะ มันคือสิ่งที่เขาแสดงออกด้วยแววตา ความสุดยอดของเขาคงต้องใช้คำถ้อยคำสัก5พันคำได้มั้งเพื่อจะอธิบายกันจริงๆ เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกัน!!
กลับมาที่ผมอีกครั้ง ช่วงที่ผมโตขึ้นระหว่างที่เตรียมตัวเพื่อบอลโลก ผมคิดถึงจุดยืนของผมบนโลกใบนี้ มันทำให้ผมคิดถึงว่าผมมาถึงจุดนี้ได้ยังไง แล้วยังเหลืออะไรอีกบ้างที่ผมจะทำได้ในชีวิต
อีกหนึ่งเป้าหมายในชีวิตผมก็คือ............การไม่ยอมหุบปาก....
ในฐานะนักกีฬา ผมเชื่อว่าเราควรจะใช้แพลทฟอร์มเพื่อเข้าถึงผู้คนนะ เพื่อให้ผู้คนเข้ามาในชีวิตเรา, ความคิดเราสักนิดนึง ผมคิดว่ามันจำเป็นนะเรื่องนี้
ถ้าคุณดูทีวีในมาดริด สื่อจะบอกว่าไอ้พวกบ้าในบาร์เซโลน่าพยามจะหาทางทำลายประเทศให้เละเป็นชิ้นๆ
แต่ถ้าคุณดูทีวีในบาร์เซโลน่า พวกนั้นจะบอกว่าไอ้พวกเบื้อกจากมาดริดพยามจะหาทางข่มเหงกดขี่ประชาชน
ทุกคนแม่มเลวกันหมดแหละ ขึ้นอยู่กับว่าคุณดูทีวีช่องไหน.............
มีคนบอกว่าตอนนี้ทีมชาติกำลังอยู่ในความโกลาหลเพราะความแตกแยกทางการเมือง แต่ผมจะบอกอะไรให้นะ พวกเราแทบไม่เคยพูดเรื่องนี้กันเลย ผมยุ่งเกินกว่าจะไปบอกเด็กเรอัลว่าพวกเอ็ง..ตู็ดๆๆๆ..ในลีคแล้วนะเว้ย และพวกเรอัลเองก็ยุ่งเกินกว่าจะมาเล่าให้ผมฟังเรื่องทฤษฎีสมคบคิดของกรรมการด้วยเหมือนกัน
เกินครึ่งของชีวิตผมเป็นนักฟุตบอล ปีนี้ผม31แล้ว ผมเคยพูดว่า30เมื่อไหร่ผมจะรีไทร์ แต่คุณรู้มั้ยอะไรทำให้ผมยังไปต่อ? ประสบการณ์ยังไงล่ะ ประสบการณ์ในห้องแต่งตัวนั่นแหละ การได้พานพบกับนักเตะอันฉริยะอย่างเมสซี่ ปูโยล เนย์มาร์ และรอยคีน(ถึงแม้ว่าเขาเกือบจะเจื้อนผมทิ้งอะน่ะ)
ท้ายที่สุดฟุตบอลมันก็คือการเดินทางอันยาวไกล บางครั้งคุณชนะ บางครั้งคุณแพ้ คุณทำเรื่องน่าอับอาย ทำเรื่องผิดพลาด หัวเราะ ร้องไห้ ทำเรื่องโง่เง่าต่างๆนาๆในอดีต
บางครั้งคุณไปจุดไฟเผามอเตอร์ไซค์ของผู้ช่วยโค้ชเล่น!!(น่าๆ ยังไงก็ซื้อคันใหม่ให้แล้วกัน แต่เอาไว้คราวหน้าแล้วกันเนาะ!)
หวังว่าคุณจะได้เติบโตจากเด็กน้อยสู่ลูกผู้ชายนะ เรื่องนี้แหละที่ทำให้กีฬามันสวยงามเสมอ มันก็แค่เรื่องยาวๆเรื่องนึง ก็แค่การเดินทางอันยาวไกลแค่นั้น......เอง
<<<<ลายเซ็นความเกรียน
เครดิท -
https://www.theplayerstribune.com/en-us/articles/gerard-pique-a-long-story
[/b]