- สัมภาษณ์กับ America TV รอบนี้เมสพูดเยอะผิดปกติ555 ปกติผมไม่ค่อยอยากแปลของเมสซี่เท่าไหร่ ถ้าเป็นแฟนบาร์ซ่าด้วยกันจะรู้ดีว่าเมสมันเป็นประเภท พูดน้อย เรื่อยเปื่อย55 แต่รอบนี้มีอะไรหน่อยเลยตัดสินใจแปล
- นักข่าวssแปลบางส่วนมาแล้วนะ ผมเอาส่วนอื่นที่ยังไม่มีคนแปลมาลง
เรื่องอาหารการกิน
"พอเปลี่ยนเรื่องโภชนาการ ผมรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเลยนะ แต่ก่อนผมเคยอ้วกแตกนะ แต่พอปรับเรื่องอาหาร มันก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย"
"ปกติแล้วอาหารที่กินได้จะต้องเลือกนะ แต่ก็มีบ้างบางช่วงที่กินอะไรก็ได้"
"ก่อนหน้านี้ผมเคยกินไม่เลือก เดี้ยวนี้ผมปลา กินผัก กินสลัด หรือถ้าไปงานแล้วต้องดื่มไวน์ ผมก็จะดื่มแค่แก้วเดียวพอ"
"ไม่รู้เหมือนกันว่าอาหารอะไรที่ทำให้ผมอ้วกแตก แต่ก่อนผมก็กินไม่ค่อยจะเลือกเท่าไหร่ด้วย มีอะไรอยู่ในท้องผมเต็มไปหมด ตอนนั้นโภชนาการของผมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอน22-23 ผมกินทุกอย่างแหละ ขนมนมเนย ช็อคโกแลต โซดา"
แทคติค สไตล์การเล่น
"ตอนอยู่ในกรอบเขตโทษ ผมพยามจะไม่คิดถึงแต่ตัวเอง ผมพยามจะมองหาทางเลือกที่ดีที่สุด ผมพยามขับเคลื่อนทีมจากอีกตำแหน่ง จริงๆผมก็ยังเติมเกมอยู่นะ แค่ไม่ใช่แบบเดิมๆ"
"พออายุเยอะขึ้น คุณก็จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ แต่ก่อนถ้าผมได้บอลผมก็คงจะเลี้ยงๆลุยๆ แต่ทุกวันนี้ ผมพยามจะช่วยทีมให้มากกว่านั้น พยามจะช่วยให้ทุกๆคนมีส่วนร่วมไม่ว่าจะเป็นการต่อบอลเข้าทำหรือการจบสกอร์"
"มีหลายต่อหลายเกมที่ผมยิงประตูได้แต่เล่นห่วย ประตูที่ยิงได้มันกลบเกลื่อนฟอร์มการเล่นที่ไม่ดีของผมหมด เล่นได้ดีไม่เกี่ยวกับยิงประตูได้เยอะๆ"
"ผมจะเล่นได้ดีหรือไม่นั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการทำประตูเลย มันเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมกับเกมต่างหาก, ได้บอลเยอะๆ ตัดสินใจจังหวะสุดท้ายได้ดี ไม่เสียบอลง่ายๆ ไม่ใช่ยิงประตูได้ ย้ำอีกครั้ง ผมยิงประตูได้เยอะๆไม่ได้แปลว่าผมจะเล่นได้ดี"
"เรื่องที่ผู้คนวิจารณ์ผมว่าเล่นดีหรือเล่นแย่นะหรอ ได้เลย ไม่มีปัญหา จริงๆผมนี่แหละที่วิจารณ์ตัวเองเป็นคนแรก"
ทีมชาติ
"ผมก็เซ็งนะเวลานักข่าวถามหรือพูดอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร บางเรื่องที่ถามก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฟุตบอลเลยนะ คือถ้าเป็นเรื่องในสนาม อะไรที่เกิดขึ้นในสนามเนี่ยโอเคนะ แต่คุณกลับล่วงเกิน ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวเนี่ยมัน... แถมหลายๆเรื่องก็ไม่จริงเลย"
"ผมเฉยๆแล้วละเวลาโดนด่า ผมรู้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของเกม ผมแค่พยามที่จะไม่สนใจ จริงๆแล้วมันก็มีบางครั้งที่คำกล่าวให้ร้ายเหล่านั้นมันผ่านเข้ามาในหัวเหมือนกัน แต่หลังๆเนี่ยผมหน้าเอ้ยหัวหนาแล้วนะ(ฮา) ปล่อยวางได้"
"ผมนึกภาพตัวเองในมอสโคว 15กรกฎา ได้ไปเล่นในรอบชิงบอลโลก ได้ชนะได้ถือถ้วยบอลโลก นั่นแหละความฝันของผม, ทุกครั้งที่ได้เล่นบอลโลก มันก็ยากขึ้นเรื่อยๆ ที่ผมร้องไห้ตอนปี2014ก็เพราะรู้ดีว่ามันหนักหนาสาหัสเพียงไรกว่าจะมาถึงจุดนี้แต่กลับคว้ามันไว้ไม่ได้ ใจผมแหลกสลายไปหมด"
"มีนักข่าวบางส่วนที่พูดถึงพวกเรา(ทีมชาติ)แบบเสียๆหายๆ ก็ได้แต่หวังว่าเราจะไปได้สวยและหวังว่าเราจะสนุกกับเกมทีมชาตินะ"
"ถ้าพวกเราไม่ชนะ พวกนักข่าวเหล่านั้นก็คงออกมาไล่เราเหมือนเดิม พวกเขาเคยทำแบบนั้นมาก่อน พวกเขาเคยขายข่าวอะไรแบบนี้ได้ ผู้คนก็ชื่นชอบข่าวแบบนี้ซะด้วยสิ"
"พวกเราจะเหลือทางเลือกอะไรอีกละนอกจากลาออก นั่นอาจจะเป็นคำตอบโดยรวมของพวกเรา....."
"ที่คิดแบบนี้เพราะพวกเราผ่านเข้าไปถึงรอบชิงถึง3ครั้งแต่กลับไปไม่ถึงฝั่งฝัน เราเชื่อว่าถ้าเราคว้าแชมป์โลกครั้งนี้ไม่ได้ จะโดนด่าหนักกว่านี้อีกมาก"
"พวกเราหลายๆคนคิดว่านี่อาจจะเป็นบอลโลกครั้งสุดท้ายแล้วล่ะ และดูเหมือนผู้คนก็อยากจะให้เราคิดแบบนั้นด้วย หลายๆคนมองว่าการเข้าถึงรอบชิงได้3ครั้งนั้นไร้ค่าสิ้นดี น่าเศร้าที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลลัพธ์"
ครอบครัว
"ซีเลียอยู่ในความคิดของผมเสมอ นั่นเป็นเรื่องที่ผอยากขอบคุณเธอ ไม่ใช่แค่กับเธอแต่ยังรวมถึงพระผู้เป็นเจ้าด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องของฟุตบอล แต่รวมไปถึงสิ่งต่างๆในชีวิตผมที่ท่านประทานให้"
"ผมอยากให้ลูกๆทั้ง3คนเล่นฟุตบอลนะ แต่ผมคงจะไม่ไปกดดัน ที่แน่ๆติอาโก้ชอบเล่นบอลมากๆ ตอนนี้เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนที่บาร์ซ่าจัดตั้งขึ้นเพื่อเด็กๆเป็นพิเศษ"
"ครั้งสุดท้ายที่ผมร้องไห้เพราะมีความสุขคือตอนที่มัตเตโอ้เกิด ผมอยู่ด้วยนะตอนที่ติอาโก้เกิด ตอนนั้นเรื่องมันค่อนข้างนะซับซ้อน สถานการณ์ตอนนั้นมันไม่ได้เป็นไปตามแผนที่เราวางเอาไว้ ของมัตเตโอ้มันง่ายกว่าเพราะเรามีประสบการณ์แล้ว"
อาร์เจนติน่า และชีวิต
"ผมร้องไห้แทบทุกครั้งเมื่อเราแพ้ในรอบชิง ทำไมนะหรอ เพราะเรามาใกล้มากๆแล้ว ทั้งๆที่เราเชื่อว่าเราสมควรจะได้รับมัน แต่ก็ไม่ได้... เราทำให้ความฝันของคนทั้งชาติเป็นจริงไม่ได้"
"มันยากนะ แต่ผมคิดว่าเราจะทำได้ เมื่ออุปสรรคต่างๆมันกั้นขวางทางเราไว้ พวกเราจะรวมตัวรวมใจกันและฝ่าฝันมันไปให้ได้ หวังว่าเราจะประสบความสำเร็จ(ตรงนี้เหมือนจะพูดถึงการจัดการกับปัญหาอาชญากรรมของอาเจน)"
"ผมยังจำได้ตอนเด็กๆ ช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ผมเคยออกไปเล่นนอกบ้านจนถึง3ทุ่มได้ แต่ก่อนที่อาเจนเป็นแบบนี้หมดนะ แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว"
"มีปัญหามากมายที่ถาโถมเข้ามาในอาร์เจนติน่า แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด ความสงบสุขที่เลือนหายไป ได้ออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ได้ออกไปเดินเล่นตามถนน เหมือนครั้งที่ผมเคยทำเมื่อตอนเด็กๆ แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว"
"ผมเป็นกังวลกับความปลอดภัยของคนอาร์เจนติน่า เป็นเรื่องจริงที่มีคนถูกฆ่าเพราะ นาฬิกา จักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์ การปล้นชิงทรัพย์เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก คุณจะต้องเหลียวหลังไปดูเพราะกลัวจะถูกปล้น"
"ผมเจ็บปวดที่อาร์เจนติน่ากลายเป็นแบบนี้ นี่คือความเป็นจริง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นของชาติเรา เรื่องของความไม่ปลอดภัย ภยันตรายต่างๆ หวังว่าสักวันผมจะได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในบ้านเกิดผม โรซาริโอ เหมือนอย่างที่ตอนเด็กๆผมไม่เคยได้ทำเพราะผมต้องย้ายมาอยู่ที่นี่"
ชีวิตหลังจากแขวนสตั้ด
"บอกตามตรง ผมยังคิดไม่ออกเลย ว่าผมจะไปอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรเมื่อเวลานั้นมาถึง ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ ด้วยข้อจำกัดของนักฟุตบอลอาชีพ ในชีวิตประจำวันมีหลายต่อหลายอย่างที่ผมไม่สามารถจะทำได้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่ที่บาร์ซ่าหรือกลับโรซาริโอดี"
"มีคนบอกผมมาเหมือนกันนะว่ามันค่อนข้างยากเมื่อต้องรีไทร์ อาจจะเป็นเพราะคุณไม่ต้องมาคอยกังวลกับกิจวัตรประจำวันอีกต่อไป การแข่ง การซ้อม การเดินทาง"
"ผมทราบดีว่าทุกๆคำพูดที่พูดออกไปมีผลกระทบและตีความได้หลายแบบ เพราะงั้นผมเลยพยามที่จะเลี่ยงอะไรที่มันอาจนำไปสู่การสร้างปัญหาต่างๆ ผมระมัดระวังกับการเลือกคำพูดอยู่ตลอด"
"ผมไม่มีจิตแพทย์ส่วนตัวนะ ผมแค่พูดคุยกับครอบครัว พ่อ แม่ ภรรยา ทุกคนที่คอยอยู่เคียงข้างกัน"
"อืม ผมชินแล้วล่ะกับคำยกย่องต่างๆ ทริคก็คือพยามเป็นตัวของตัวเองเข้าไว้ เป็นธรรมชาติ ต้องมีสติ รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่"
"พอมาถึงจุดนึงคุณก็ตระหนักได้ว่า ชีวิตยังมีมุมอื่นๆอีกมาก ไม่ใช่แค่ฟุตบอล"
"มีอีกหลายต่อหลายสิ่งที่สำคัญกว่าผลลัพธ์ สุดท้ายฟุตบอลก็คือเกม ทุกๆคนอยากจะชนะ อยากจะเป็นแชมป์ อยากจะเป็นทีสุด แต่ฟุตบอลมันเต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์ต่างๆนา บางครั้งคนที่ดีที่สุดก็ไม่ใช่ผู้ชนะ...ผมแค่ต้องอยู่กับมันใหได้ก็แค่นั้นเอง"
"การได้อยู่กับลูกๆได้เล่นกับเด็กๆช่วยหันเหความสนใจของผมได้ดีเชียวละ, ตอนที่มีลูกคนแรก มันเปลี่ยนความคิดอ่านของผมไปหมดเลย ผมไม่ได้โฟกัสเฉพาะฟุตบอลอีกต่อไป จริงผมก็ยังไม่อยากจะเสมอหรือแพ้หรอก แต่ตอนนี้ผมมีวิธีรับมือกับมันในแบบที่แตกต่างออกไป"
"ผมพอจะทราบมาว่ามีผู้คนมากมายที่อยากให้บอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งที่ผมสมหวัง พวกเขาอยากจะเห็นอาร์เจนติน่าเป็นแชมป์"
"ผมรู้ว่าบอลโลกมันใกล้จะมาถึงแล้ว แต่ตอนนี้ผมขอเอาความกดดันเหล่านี้วางไว้ข้างๆก่อนแล้วกัน ตอนนี้ขอเต็มที่กับสโมสรก่อน นี่คือสิ่งที่อยู่ในหัวของผมในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดตอนมิถุนา"
"เรารู้ดีว่าบอลโลกมันยากขนาดไหน จริงๆแล้วเราเกือบจะไม่ได้ไปด้วยซ้ำ เราเกือบไม่ผ่านรอบคัดเลือก เพราะงั้นผมถึงได้พูดกับตัวเอง ขอบใจนะลีโอ ที่ได้เป็นและได้รู้สึกเหมือนคนอาร์เจนติน่าจริงๆ"
แปลจาก
https://twitter.com/i/moments/975557597909716992
