ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 28 Dec 2017
ตอบ: 90
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:03 pm
สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง
"พาร์ก พาร์ก นายอาจกินหมาในบ้านเกิดที่เกาหลี แต่ก็ยังดีกว่าพวกสเกาซ์ ที่แดกหนู ในบ้านเอื้ออารี"

นี่คือ Chant หรือ เพลงเชียร์ที่แฟนแมนฯยูไนเต็ด ร้องเพื่อให้กำลังใจพาร์ก จี ซอง

ฟังเพลงนี้ก็ตลกดี นี่คนอังกฤษ เขายังคิดว่า คนเกาหลีกินหมาเป็นอาหารหลักจริงๆรึ !?

ไม่ใช่แค่เพลงนี้เท่านั้น แต่ยังมี chant อื่นๆอีกมาก ที่แฟนผี แต่งขึ้นมาเพื่อล้อเลียนหงส์

นับๆดู เพลงที่ล้อเลียนหงส์ มีจำนวนมากกว่าที่ล้อคู่ปรับร่วมเมืองแมนฯซิตี้เสียอีก นั่นแสดงให้เห็นว่า ความเกลียดกันของสองทีมนี้ มันไม่ธรรมดา

ตามปกติแล้ว คู่ปรับในฟุตบอลอังกฤษ ส่วนใหญ่มักจะเป็นทีมที่อยู่ในเมืองเดียวกัน คือเป็นเรื่องศักดิ์ศรี ว่าทีมไหนคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองนั้น

อย่างเช่น สเปอร์ส กับอาร์เซน่อล ก็วัดกันใครคือราชาของลอนดอนเหนือ

หรืออย่าง แอสตัน วิลล่า กับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ก็พิสูจน์กันว่าใครเจ๋งสุดในเมืองเบอร์มิงแฮม

แต่กับลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สองทีมนี้เป็นกรณีพิเศษ คือเกลียดกันข้ามเมือง ดีกรีความไม่ชอบหน้ากัน ไม่ด้อยไปกว่าดาร์บี้แมตช์เลย

คำถามคือ ทำไมสองทีมที่อยู่คนละเมือง ถึงเกลียดกันได้ขนาดนี้ ?

-----------------------------------

1) ความเจ็บใจที่ถูกขูดรีด

จุดเริ่มต้นของความเกลียดชัง ต้องย้อนไปไกลร้อยกว่าปีที่แล้ว

ในอดีตลิเวอร์พูล คือเมืองท่า อันดับ 1 ของโลก และเป็นประตูออกสู่ทวีปอเมริกาเหนือ สินค้าทุกอย่าง จะมีจุดเริ่มต้นลิเวอร์พูล แม้แต่เรือไททานิค ก็ยังลงทะเบียนที่ลิเวอร์พูล (แต่เดินทางออกจากเซาธ์แฮมป์ตัน)

ส่วนแมนเชสเตอร์ คือเมืองอุตสาหกรรมที่รุ่งเรืองมาก ในการผลิตฝ้ายดิบ มีคำกล่าวว่า ประชากร 1 ใน 4 ของโลก ใส่เสื้อผ้าที่ผลิตจากแมนเชสเตอร์

แต่ปัญหาของแมนเชสเตอร์ก็คือ ถึงจะมีกำลังผลิตมากแค่ไหน แต่การส่งออกไปทั่วโลก ก็จำเป็นต้องใช้เรือ และแมนเชสเตอร์ ไม่ติดทะเล

ดังนั้นจึงช่วยไม่ได้ ที่ต้องขนส่งสินค้าทางบก เอาไปขึ้นเรือที่ท่าลิเวอร์พูล ซึ่งเมืองลิเวอร์พูลก็เก็บค่าภาษีปากเรือแพงมาก

ลิเวอร์พูลไม่ต้องลงแรงผลิตอะไร เก็บเงินกินเปล่าอย่างเดียว ไม่ว่าจะนำเข้าหรือส่งออก พวกเขาเก็บกินเรียบ

ซึ่งทางแมนเชสเตอร์ ก็คับแค้นใจมาหลายปี เพราะเหมือนถูกขูดรีด ดังนั้น สภาเมืองจึงตัดสินใจ ว่าจากนี้ไปจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างอีกแล้ว

จึงได้มีมติขุดคลองแมนเชสเตอร์ ขึ้นมา ทะลุจากทะเล ยาวมาถึง
ตัวเมืองแมนเชสเตอร์ โดยใช้เวลาในการขุด 7 ปี ระยะทาง 58 กิโลเมตร

เมื่อการขุดคลองเสร็จสิ้น ทำให้คราวนี้ เรือจากทั่วโลก ไม่ต้องแวะจอดที่ลิเวอร์พูล สามารถ เอาสินค้า ขึ้นหรือลงที่ท่าแมนเชสเตอร์ได้เลย

หลังคลองสร้างเสร็จในปี 1894 อำนาจทางเศรษฐกิจของเมืองลิเวอร์พูลก็ลดถอยลงไป และกลายเป็นแมนเชสเตอร์ ที่มีความมั่งคังแทนที่

ความคับข้องใจที่ถูกขูดรีด และการเอาคืนอย่างเจ็บแสบ เริ่มสร้างรอยบาดหมางให้กับทั้งสองเมือง

-----------------------------------

2) การเหยียดหยันกันจากทั้ง 2 ฝั่ง

ในอดีตแมนเชสเตอร์ เป็นเมืองอุตสาหกรรม คนทำงานที่โรงงานผ้าฝ้าย ส่วนลิเวอร์พูลเป็นเมืองท่าเรือ ผู้คนแต่งตัวหรูดูดี เป็นนักบัญชี เป็นนายหน้าของบริษัทประกันภัย ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าที่ท่าเรือ

จึงมีสำนวนที่คนเมืองลิเวอร์พูลชอบพูดกันว่า "Liverpool gentlemen imported cotton, Manchester men made it in to cloth"

สุภาพบุรุษจากเมืองลิเวอร์พูล นำเข้าผ้าฝ้าย เอามาให้ผู้ชายจากเมืองแมนเชสเตอร์ เอาไปทำเสื้อผ้า

เป็นการเหยียดหยันของคนเมืองลิเวอร์พูล ที่ชอบดูถูกคนแมนเชสเตอร์ว่าเป็นพวกใช้แรงงาน

ในเวลาต่อมา บทบาทของท่าเรือลดลงไปจากเดิม ลิเวอร์พูลเอง ก็แปรสภาพจากเมืองท่าเรือ เป็นเมืองอุตสาหกรรมเช่นกัน

ปัญหารุนแรงเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 เมื่อเศรษฐกิจของอังกฤษอยู่ในภาวะฝืดเคือง ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่ยื่นมือมาช่วยเหลืออะไรเมืองลิเวอร์พูล ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมต้องปิดตัวหลายแห่ง ผู้คนพากันตกงาน อดอยากหิวโหย

ซึ่งตรงข้ามกับแมนเชสเตอร์ ที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ จน ผู้คนแมนเชสเตอร์ได้ที มีโอกาสเย้ยหยันคืน

เพลงของพาร์ก จี ซอง ที่ร้องว่า "พาร์ก พาร์ก นายอาจกินหมา ในบ้านเกิดที่เกาหลี แต่ก็ยังดีกว่าพวกสเกาซ์ ที่แดกหนู ในบ้านเอื้ออารี"

ก็มีที่มา จากเรื่องนี้ คนแมนเชสเตอร์ เหยียดหยัน คนลิเวอร์พูลว่ายากจน ไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อข้าวกิน ต้องกินหนูสกปรกประทังชีวิต และไปใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเอื้ออาทร (Social council) นั่นเอง

การเหยียดหยันกันของทั้งสองฝั่ง โดนผลิตซ้ำๆ จากรุ่นสู่รุ่น

เยาวชนรุ่นใหม่โตขึ้นมา ก็ซึมซับความเกลียดชังอันนี้ไปโดยปริยาย

-----------------------------------

3) เรื่องฟุตบอล

ที่กล่าวมา ทั้ง 2cข้อด้านบน ก็เป็นปัจจัยส่งเสริมความเกลียดชัง แต่ในที่สุดแล้ว มันคือเรื่องฟุตบอลเป็นหลัก

นี่คือการแย่งชิงความยิ่งใหญ่กันของสองทีม ที่ครองแชมป์ลีกสูงสุดมากสุดในอังกฤษ

ในอดีต ลิเวอร์พูลคือทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีใครสู้พวกเขาได้ และได้แชมป์ลีกสูงสุดถึง 18 สมัย ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีใครไล่ทัน

แต่พอแมนฯยูไนเต็ด มีอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้ามาคุมทีม พวกเขาก็พัฒนาทีมจนแข็งแกร่งมากๆ และได้แชมป์ทุกอย่างที่มีบนโลก โดยเฉพาะลีกสูงสุด สุดท้ายก็ได้แชมป์ 20 สมัย แซงหงส์แดงจนได้

ตอนปีศาจแดงได้แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกๆ แฟนหงส์ ทำป้ายผ้าบอกว่า "แมนฯยูไนเต็ด พวกมึงค่อยกลับมาอีกที ตอนได้แชมป์ 18 สมัยนะ"

แล้วพอแมนฯยูไนเต็ดได้แชมป์สมัยที่ 18 และ 19 ก็ทำป้ายเอาคืน บอกว่า "พวกกูมานี่แล้วไง"

แถมยังทำป้ายผ้าซ้ำอีกดอกด้วยว่า "ลิเวอร์พูล พวกมึงค่อยมาคุยกับกู ตอนได้แชมป์พรีเมียร์ลีกสักสมัยแล้วกัน"

อย่างไรก็ตาม ในรายการยุโรป อย่างแชมเปี้ยนส์ลีก หงส์แดงก็ยังชนะมากกว่าอยู่ที่จำนวน 5 ครั้ง ส่วนปีศาจแดงทำได้แค่ 3 ก็เป็นเรื่องให้แซวปีศาจแดงได้เสมอเหมือนกัน

ท้ายที่สุด อาจมีเรื่องประวัติศาสตร์มาเกี่ยวข้องบ้าง แต่ เรื่องในสนามมันชัดเจนที่สุดอยู่แล้ว

นี่คือการสู้กันของสองทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษ ศักดิ์ศรีมันค้ำคออยู่

-----------------------------------

บทสรุปในความสัมพันธ์ของ ลิเวอร์พูล กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทั้งสองทีมมีเรื่องให้บลัฟให้โจมตีกัน ไม่มีใครยอมใคร

ถ้าไม่ใช่เรื่องสุดวิสัยจริงๆ อย่างเหตุฮิลส์โบโร่ หรือ เหตุไว้อาลัยโศกนาฏกรรมที่มิวนิค จะไม่มีการญาติดีกันเลย

สองทีมนี้ ไม่มีการซื้อขายนักเตะระหว่างกัน คนสุดท้าย คือฟิล คริสนัล ในปี 1964 ผ่านมาแล้ว 54 ปี ยังไม่มีใครข้ามฟากระหว่างสองทีมนี้โดยตรงอีกเลย

และนักเตะที่กล้าย้ายทีมไปเล่นอีกสโมสร (ต้องผ่านทีมอื่นมาก่อน) ก็จะโดนแฟนทีมตัวเอง หมดรักไปโดยปริยาย

ไมเคิล โอเว่น ได้บัลลงดอร์กับลิเวอร์พูล ย้ายไปเรอัล มาดริด ไปนิวคาสเซิล ก่อนจะมาอยู่กับแมนฯยูไนเต็ด ในช่วงท้ายอาชีพ เพื่อแชมป์พรีเมียร์ลีก โอเค ว่าเขาอาจจะได้โทรฟี่ แต่ ความรู้สึกในใจ ของแฟนหงส์ที่มีต่อโอเว่น ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

หรือ กาเบรียล ไฮน์เซ่ เคยออกตัวว่าสนใจอยากย้ายไปลิเวอร์พูล จากสเตตัสฮีโร่ของปีศาจแดง เคยเป็นนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีของสโมสร กลายเป็นคนที่แฟนผีแดง ไม่ชอบหน้าไปในพริบตา

สองทีมนี้ไม่ต้องเฟคว่ารู้สึกดีต่อกัน เกลียดก็บอกว่าเกลียด แช่งก็แช่ง ด่าก็ด่ากันไปเลย

ลิเวอร์พูลมีเพลงด่า "Who the fuck are Man United" ที่ล้อเลียนมาจาก "Glory Glory Man United"

ส่วนแมนฯยูไนเต็ด มีเพลง "You'll never get a job" หรือมึงจะตกงานตลอดไป ที่ล้อเลียนชาวเมืองลิเวอร์พูล โดยใช้ทำนองของ "You'll never walk alone"

ความเกลียดชังของสองทีมนี้ถูกสร้างซ้ำไปเรื่อยๆ แล้วตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่อังกฤษ แต่เป็นทั้งโลก แม้แต่ที่ไทย ยังล้อยังด่ากันมันส์

และ เชื่อไหมว่า ดีกรีความเกลียดชังของสองทีมนี้ จะคงมีไปเรื่อยๆ ตราบจนชีวิตของแฟนบอลอย่างพวกเราจะตายกันไปข้างเลยทีเดียว

credit page วิเคราะห์บอลจริงจัง

page. นี้เขียนบทความดีมากน่าติดตามคับ

เข้าร่วม: 09 Aug 2009
ตอบ: 23656
ที่อยู่: Anfield,Liverpool
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:11 pm
[RE]สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง
ผมเคยเกลียดแมนยูคับ แต่ต้องเปลี่ยนความคิด เพราะเพื่อนสนิท เชียร์แมนยูทั้งนั้น บลัฟสนุกๆพอ
0
0
เข้าร่วม: 15 Sep 2005
ตอบ: 1932
ที่อยู่: แผ่นดินไทย
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:12 pm
สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง
ขอบคุณครับ
สาระเน้นๆไม่อิงดราม่า
0
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 16285
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:12 pm
สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง
ที่ผมเจอในกลุ่มเพื่อนตอนเด็กๆสมัย 10กว่าขวบนะ
แฟนหงส์โคตรปากดี ปากดีสุดๆ ยกเรื่อง ถ้วยยุโรป 4-5สมัยมาบ้าง แชมป์ลีก18สมัยมาบ้าง แบบทีมกูโคตรยิ่งใหญ่นะโว้ย ถึงแม้กูจะเกิดมาดูไม่ทันก็เหอะ
แล้วตอนนั้นคือแมนยูแม่งมีเซอร์ที่กวาดแชมป์รัวๆ แบบโคตรโหดยุคเบคแฮ่มอะ กวดขึ้นมาแชมป์รัวๆ
ไอแฟนสองทีมนี้ก็จะบลัฟกันแซะกันโคตรมันส์
ผมเชียร์เชลซีได้แต่มองตาปริบๆ

ตอนที่แมนยูได้สมัยที่ 18 เท่ากันนะ แฟนหงส์เริ่มงิดๆละ ยังมีปากดีอยู่บ้าง
พอผีตั้งแต่ได้สมัยที่19 คือเงียบกริบ ไม่มีการโม้หนักๆอีกเลย

กลับกันเป็นแฟนผีที่เหิมเกริมขึ้นมาแบบหนักมาก
เหมือนเป็นเวรกรรมของแฟนหงส์อะ ถถถถถถถถถ

dna ทีมนี้ลึกมาก บอกเลย ไม่รุ้ทำไมจริงๆ
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 333
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:19 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
ไล่ไทม์ไลน์

- ขี้โม้ตั้งแต่แชมป์ลีก ดิวิชั่น1 พระเจ้าเหา 18 สมัย ข่มแมนยูบอกแซงเมื่อไรค่อยมาโม้ พอแมนยูแซง เงียบกริ๊บ

- ต่อมา แชมป์ UCL 5 สมัย จ้าวยุโรป อันนี้ยังไม่เงียบแต่เล่นไม่ได้ เพราะร้างมานาน (ขุดขาวได้ 10 กว่าสมัยไม่ยักอุปโลกน์ตัวเองเป็นเจ้ายุโรป)

- แมนยูอันดับดีกว่า เอาแชมป์ เหย้า-เยือนคัพมาโม้

- ล่าสุดพอแมนยูอันดับดีกว่า เหย้าเยือนคัพก็ไม่ได้ เอาสไตล์บอลมาข่ม (ทีมข้าเน้นเกมรุก ส่วนทีมเอ็งป๊อดว่ะ)

ตอนนี้อยู่อันดับ 3 แต่สกิลปากมาเป็นอันดับ 1 (นี่ถ้าไม่ดูตารางคะแนน อ่านแต่เม้นเด็กนกแดง นี่คิดว่าอยู่ที่ 1 นะเนี่ย)
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 875
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:19 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
DNA มันก็แค่คำกล่าวอ้างทั้งที่จริงมีทุกทีม ธรรมดาของโลกฟุตบอลที่ต้องมีทีมชนะแหละ ถือว่าขำๆกันไปถ้าไม่เกินเลยไปในจุดที่ไม่ควร
0
0
เวลาคนเราเลือกข้าง...ความเป็นธรรมกับความถูกต้องมันจะไม่อยู่กับสิ่งที่ไม่ใช่ข้าง
เข้าร่วม: 18 Sep 2005
ตอบ: 1530
ที่อยู่: ที่นี่ แอนด์ฟิลด์
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:32 pm
สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง
บทความเขาก็ดี๊ดี เฮ้ออออ
0
0
ต่อให้ตำนานลิเวอร์พูลจะลื่นอีกสักกี่คน ก็จะตามเชียร์จนวันตาย YNWA
เข้าร่วม: 28 Dec 2017
ตอบ: 682
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:36 pm
สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง
หัวไหม้แล้วจารย์ อัดอั้นรัยขนาดนั้น

ปล.เม้นบนๆอ่ะ
1
0
เข้าร่วม: 01 Sep 2017
ตอบ: 2207
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:43 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
บางคนพูดอย่างกับเเฟนทีมตัวเองมีเเต่ดีๆ
0
0
เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 26714
ที่อยู่: CRINGE
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:48 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
ที่อังกฤษมันเป็นแบบนั้นแหละนะ มันไม่ใช่แค่ตอนนี้ หรือพึ่งเริ่ม

ส่วนตัวผม ชอบลิ้วเพราะโอเว่น แล้วก็เชียร์มาเรื่อยๆ
แมนยูไม่ได้เกลียด ชอบดูด้วย ชอบโด้-เดฟ-รูน โหดจัด


ขอให้สนุกนะทุกคน




0
0
เข้าร่วม: 15 Oct 2013
ตอบ: 48638
ที่อยู่: Barca | Bayern | City
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:53 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
ผมเคยเกลียดแมนยู และ ตอนนี้ก็ยังเกลียดอยู่ครับ
เข้าร่วม: 13 Jun 2009
ตอบ: 40792
ที่อยู่: Capital of Country Music
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 8:59 pm
สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง
ระบายมันออกมา
0
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 9449
ที่อยู่: with patchanan
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 9:05 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
โห อ่านเมนต์ของคนดีคนเดิมบางคนนี่นึกว่ากองเชียร์หงส์แดง เอ้ย ต้องเรียกนกแดงสิ โทษๆ มีแต่แย่ๆ แล้วของอีกทีมนี่โดนกระทำมาตลอดเลยนะเนี่ย
จะด่าว่าเอาดีเข้าตัว เอาชั่วเข้าคนอื่น นี่ก็กลัวจะแรงไป เดี๋ยวโดนร้องเรียนกับขุดเรื่องส่วนตัว

แต่ก็เข้าใจได้ เค้าคงรับสารได้แค่นั้น ข้อมูลอะไรที่เกินปัญญาไม่น่าเข้าถึง

สู้ๆ ครับ ใช้เวลาในนี้ให้เยอะๆ จะได้คุ้มกับค่าไอดีที่สมัครไป

เข้าใจว่าโลกข้างนอกคงโหดร้ายเกินไป กับคนอย่างพวกคุณ

0
0
เข้าร่วม: 16 Jan 2014
ตอบ: 132
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 9:07 pm
สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง
ก้อยังสงสัยคำว่า dna จนวันนี้

ทีมไหนๆก็อยากได้แชมป์ เชลซี อาเซ แมนซิ หรือ สเปอร์ส

ผมไม่เห็นทีมไหนเปิดฤดูกาลมาบอกว่าปีนี้ทีมข้าจะเอากลางตารางให้ได้

หรือพอผ่านเข้ารอบหรือฟอร์มดี ทีมไหนบ้างบอกว่า โอ้ย มันแค่ภาพลวงตา รอบหน้าทีมผมจะตกรอบให้ดู

หรือนักเตะฟอร์มดีคนไหนบอกว่า นัดหน้าผมจะเล่นเป็นตัวสำรองแน่ๆ ผมยิงอีกไม่ได้หรอก

บางทีอาจจะเพราะคนใช้คำนี้คงมีความหลังฝังใจ อึดอัด อัดอั้นตันใจก้อเป็นได้ ขอให้ทุกท่านผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากในการใช้ชีวิตนะครับ จะได้ไม่เป็นภาระคีย์บอร์ดครับ
0
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 5227
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 9:08 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
สงสัยครับ
0
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 5523
ที่อยู่: Soccersuck
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 9:09 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
อาจารย์หมอกฤษณ์ พิมพ์ว่า:
ไล่ไทม์ไลน์

- ขี้โม้ตั้งแต่แชมป์ลีก ดิวิชั่น1 พระเจ้าเหา 18 สมัย ข่มแมนยูบอกแซงเมื่อไรค่อยมาโม้ พอแมนยูแซง เงียบกริ๊บ

- ต่อมา แชมป์ UCL 5 สมัย จ้าวยุโรป อันนี้ยังไม่เงียบแต่เล่นไม่ได้ เพราะร้างมานาน (ขุดขาวได้ 10 กว่าสมัยไม่ยักอุปโลกน์ตัวเองเป็นเจ้ายุโรป)

- แมนยูอันดับดีกว่า เอาแชมป์ เหย้า-เยือนคัพมาโม้

- ล่าสุดพอแมนยูอันดับดีกว่า เหย้าเยือนคัพก็ไม่ได้ เอาสไตล์บอลมาข่ม (ทีมข้าเน้นเกมรุก ส่วนทีมเอ็งป๊อดว่ะ)

ตอนนี้อยู่อันดับ 3 แต่สกิลปากมาเป็นอันดับ 1 (นี่ถ้าไม่ดูตารางคะแนน อ่านแต่เม้นเด็กนกแดง นี่คิดว่าอยู่ที่ 1 นะเนี่ย)  


กระทู้ดีๆ ยังมีพวกกระจอกๆเเบบเอ็งหลงฝูงเข้ามาอีก จะกดเรื้อนให้เกาะเเม่มบางกันไปข้าง

0
0
เข้าร่วม: 26 May 2011
ตอบ: 2573
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 9:13 pm
สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง
บางยูสก็เหมือนถ่มน้ำลายรดฟ้า ไม่แคล้วหล่นมาโดนหน้าตัวเอง ปากบอกไม่ชอบที่คนอื่นทำ แต่ดันลืมไปว่าตัวเองก็ทำอยู่

ปล. ที่พูดมาผมก็ทำนะ แซะได้ก็แซะ บลัฟได้ก็บลัฟ แต่ไม่เคยทำตัวป่วนบอร์ด
0
0
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 2935
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 9:23 pm
[RE]สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ อ่านง่าย ชอบๆ
0
0
เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 89
ที่อยู่: ในหนองน้ำ
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 9:39 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
0
0
เข้าร่วม: 15 Feb 2009
ตอบ: 528
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 9:42 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]


ผมชอบอันนี้อ่ะ ปี 1993 แฟนLiverpool ทำป้ายเย้ยเรื่องจำนวนแชมป์
ปี 2010 แฟนแมนยูทำป้ายตอบกลับ ตอนได้ 18 ครั้งเท่ากัน
0
0



เข้าร่วม: 13 Mar 2018
ตอบ: 333
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 9:46 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
Plz พิมพ์ว่า:
ผมเคยเกลียดแมนยู และ ตอนนี้ก็ยังเกลียดอยู่ครับ  


0
0
เข้าร่วม: 13 Oct 2009
ตอบ: 155
ที่อยู่: .........
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 9:56 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
ไล่ไทม์ไลน์

- ขี้โม้ตั้งแต่เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกเพราะเป็นชื่อลีกใหม่ยังไงก็ไม่มีลิเวอร์พูล และดูทรงละลิเวอร์พูลไม่น่าจะยังกลับมาเพราะอยู่ในช่วงตกต่ำ อันนี้ยอมรับก็โม้ไป

- ต่อมา แชมป์ UCL 5 สมัย จ้าวยุโรป อันนี้ยังไม่เงียบไม่ใช่เล่นไม่ได้เพราะถึงเปลี่ยนชื่อเป็นแชมเปี้ยนลีกยูฟ่าเค้าก็ยังนับแชมป์ต่อให้ (ขุดขาวได้ 10 กว่าสมัยไม่เกี่ยวเพราะถ้าจะสังเกตจริงๆพวกเราโม้ใส่แต่กับผีแดงเท่านั้นเพราะเป็นคู่แข่งโดยตรงในลีก เหมือนยันต์ป้องกันตัวเอง555)

- แมนยูอันดับดีกว่า เอาแชมป์ เหย้า-เยือนคัพมาโม้ อันนี้ก็ยอมรับอีกจะให้นั่งทนให้ล้อหรือไงล่ะ55

- อันนี้อันดับไม่เกี่ยวแต่สไตล์การเล่นมันไม่ใช่แมนยูที่เราเกรงขามเหมือนเมื่อก่อน(มันดูป๊อดๆจิงๆง่ะ - -")

ตอนนี้มีกี่ถ้วยไม่รู้ แต่สกิลปากมาเป็นอันดับ 1 (นี่ถ้าไม่ดูโปรแกรมแข่ง อ่านแต่เม้นเด็กผีแดง นี่คิดว่าได้แชมป์โลกไปแล้ว)

เปลี่ยนนิดนึงก็ใช้ได้ละพอๆกันอ่ะ
0
0


เข้าร่วม: 13 Jun 2007
ตอบ: 23462
ที่อยู่: บ้านนอก
โพสเมื่อ: Tue Mar 20, 2018 12:19 am
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
อาจารย์หมอกฤษณ์ พิมพ์ว่า:
ไล่ไทม์ไลน์

- ขี้โม้ตั้งแต่แชมป์ลีก ดิวิชั่น1 พระเจ้าเหา 18 สมัย ข่มแมนยูบอกแซงเมื่อไรค่อยมาโม้ พอแมนยูแซง เงียบกริ๊บ

- ต่อมา แชมป์ UCL 5 สมัย จ้าวยุโรป อันนี้ยังไม่เงียบแต่เล่นไม่ได้ เพราะร้างมานาน (ขุดขาวได้ 10 กว่าสมัยไม่ยักอุปโลกน์ตัวเองเป็นเจ้ายุโรป)

- แมนยูอันดับดีกว่า เอาแชมป์ เหย้า-เยือนคัพมาโม้

- ล่าสุดพอแมนยูอันดับดีกว่า เหย้าเยือนคัพก็ไม่ได้ เอาสไตล์บอลมาข่ม (ทีมข้าเน้นเกมรุก ส่วนทีมเอ็งป๊อดว่ะ)

ตอนนี้อยู่อันดับ 3 แต่สกิลปากมาเป็นอันดับ 1 (นี่ถ้าไม่ดูตารางคะแนน อ่านแต่เม้นเด็กนกแดง นี่คิดว่าอยู่ที่ 1 นะเนี่ย)  


เอาจริงๆผมว่าสกิลพิมพ์บอร์ดของท่านก็ไม่แพ้กันหรอก ระบบเหมารวมมันดีตรงนี้เนอะด่ากราดได้หมดเลยโดยไม่ต้องคิดอะไร
0
0

เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 705
ที่อยู่: BKK
โพสเมื่อ: Tue Mar 20, 2018 3:13 am
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
ผมชอบลิเวอร์พูลเพราะแมนยูได้แชมป์เยอะเกินไป

ชอบดูบอลรองว่าง่ายๆ แล้วก็ชอบฟาวเลอร์ กองหน้าพลาสเตอร์ยา 555

คือเอาจริงๆตอนผมเริ่มดูบอล แมนยูก็เก่งแล้วนะ ประมาณปี 97-98

กวาดแชมป์กระจาย พี่เบ็คนี่ดังสุดๆ โคลก็ยิงกระจาย

คือพึ่งมารู้ทีหลังว่าหงส์เมื่อก่อนเก่ง ได้แชมป์เยอะ

พูดกันตามตรงก็คือเด็กรุ่นๆผมบวกลบ 3-4ปี การเริ่มต้นเป็นแฟนผีนี่ไม่น่าแปลก

เพราะพื้นที่สื่อสมัยนั้นก็ประโคมผีกันหนักหน่วงอยู่แล้ว

ชอบเพราะทีมนี้ดูเก่งดีมีแชมป์เยอะ ผมว่าน่าจะเป็นอะไรทำนองนี้นะสำหรับเด็กๆยุคนั้น

แต่การเป็นแฟนหงส์ในตอนนั้นนี่แปลกมาก เรียกได้ว่าตกต่ำสุดๆ

ยังจำได้ว่าต้องไปหาข้อมูลทีมนี้้เพิ่ม

โดยการเดินไปขลุกตัวเองอยู่ในสตาร์ซอคเก้อร์ (บ้านอยู่ใกล้)

สรุปคือการเป็นแฟนหงส์ของผมไม่ได้ยึดโยงกับความสำเร็จในอดีตเลยแม้แต่น้อย
0
0
เข้าร่วม: 14 May 2006
ตอบ: 1577
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 20, 2018 8:37 am
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
อ้างอิงจาก:
ปัญหารุนแรงเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 เมื่อเศรษฐกิจของอังกฤษอยู่ในภาวะฝืดเคือง ขณะที่รัฐบาลเองก็ไม่ยื่นมือมาช่วยเหลืออะไรเมืองลิเวอร์พูล ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมต้องปิดตัวหลายแห่ง ผู้คนพากันตกงาน อดอยากหิวโหย  

มันเป็นเรื่องของการเมือง ด้วยครับ ที่รัฐบาลอังกฤษในยุคนั้นไม่ยื่นมือเข้ามาเรื่องของแรงงานในเมืองลิเวอร์พูลเท่าไหร่ ก็เนื่องจาก สมัยนั้น รัฐบาลอังกฤษยังเผชิญ กลุ่มชาวสก๊อตกับชาวไอริชพยายามแบ่งแยกปกครองตนเองออกจากราชอาณาจักร โดยเฉพาะชาวไอริช ที่มีกลุ่ม IRA เป็นแกนหลัก แล้วแรงงานในเมืองลิเวอร์พูลส่วนใหญ่มาจากสองประเทศนี้หรือเป็นคนอังกฤษเชื้อสายนี้ เวลาได้ค่าจ้างแรงงานที่ทำมา แอบมีการรวมรวบเงินแอบไปสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยก รัฐบาลอังกฤษในยุคนั้นเลยไม่ได้คิดจะแก้ไขตรงนี้จริงจังเพื่อตัดเงินสนับสนุนกองกำลังแบ่งแยกอีกทาง นายกรัฐมนตรีอังกฤษในยุคนั้นมาจากพรรคอนุรักษ์โดยเฉพาะช่วงมาการแร๊ท เธ็ตเชอร์ มันสมองในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ธรรมดา
พิสูจน์จากการแก้ปัญหาสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมาแล้ว แต่กลับปล่อยปละละเลยไม่แก้ไขปัญหาอย่างจริงในเรื่องอุตสาหกรรมงานต่างๆในเมืองนี้ เพราะยังงัยคนอังกฤษแท้ๆต่อให้ตกงานก็ยังมีสวัสดิการรัฐ พยุงอยู่ นี่คือสาเหตุที่หลายคนสงสัยว่าทำไมยุครุ่งเรื่องลิเวอร์พูลเงินไม่ได้มีมากมาย จากการการเก็บค่าตั๋ว(รายได้หลักในยุคนั้น ไม่เหมือนยุคหลังๆที่มีเรืองพวกสปอนเซอร์พาร์ทเนอร์มามากมาย) เพราะบอร์ดของทีมเห็นสภาวะเศรษฐกิจในเมืองยุคนั้นแล้ว ตัดใจเพิ่มค่าตั๋วทีมในขณะที่ผลงานดีๆไม่ลง ตอบแทนน้ำใจแฟนในเมืองที่ตอนทีมอยู่ดิวิชั่น2 ยังคงเข้าสนามล้นหลามยอมเสียค่าตั๋วให้กำลังใจทีมทั้งๆที่ผลงานไม่ค่อยดี
0
0
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 7882
ที่อยู่: บ้าน
โพสเมื่อ: Tue Mar 20, 2018 9:03 am
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
อ่านแต่กระทู้นี้คงคิดว่าเด็กผีมีแต่นิสัยดีๆนะเนี่ย

0
0
เข้าร่วม: 25 Jun 2008
ตอบ: 6299
ที่อยู่: สุพรรณบุรี
โพสเมื่อ: Tue Mar 20, 2018 10:30 am
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
ทางนู้นเค้ามีสตอรี่

ส่วนทางนี้เค้าเรียกสงครามประสาท
0
0
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 435
ที่อยู่: สโมสร พรน้ำมนต์
โพสเมื่อ: Tue Mar 20, 2018 2:51 pm
[RE: สาเหตุของความเกลียดชัง 2 ทีมสีแดง]
นึกถึงสโลแกนของเนวิลล์ผู้พี่เลย He is a red. He hate scouser
0
0