ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 24 Jul 2009
ตอบ: 7341
ที่อยู่: ก็ที่นั่นไง
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 2:44 pm
สิ่งที่ควรรู้ตอนเริ่มทำธุรกิจ - การตั้งราคา


ในช่วงเริ่มต้นการวางแผนขายสินค้าหรือบริการนั้นโจทย์นึงที่ยากคือเรื่องการตั้งราคา โดยปกติฐานการคิดมันจะอยู่ที่ว่าควรถูกไว้ก่อนเพราะถ้าแพงไปคนไม่ซื้อ

มันเป็นแบบนั้นตลอดจริง ๆ หรือ??

คำตอบคือไม่เสมอไปครับ แน่นอนว่าถ้าคุณทำธุรกิจแบบรับมาขายไปการตั้งราคาให้สูงกว่าคู่แข่งจะเป็นเรื่องลำบากแต่ในช่วงหลังผมจะเสนอทางแก้ให้ลองไปคิดดู สำหรับช่วงนี้เราจะว่าถึงธุรกิจในฐานะที่คุณเป็นเจ้าของสินค้าจริง ๆ ก่อน

โดยมาตรฐานการตั้งราคาสินค้าหรือบริการจะเป็นประมาณนี้

- ตั้งแบบต้นทุน 30% - ต้นทุน 30% / ค่าใช้จ่าย 30% / กำไร 40%

ตัวเลขบวกลบ 5 ซึ่งเป็นการตั้งราคาที่คนนิยมใช้มากสุดเพราะคิดง่าย ตัวอย่างเช่นคุณจะขขายข้าวแกงจานละ 45 บาท ต้นทุนวัตถุดิบรวมทั้งหมดไม่ควรเกิน 15 บาท เป็นต้น

การตั้งราคาแแบบนี้จะเหมาะกับสินค้าทั่วไปในช่วงเริ่มต้นมากที่สุดเพราะคำนวณได้ง่ายและราคาปลายทางมักเป็นที่่ยอมรับได้ของลูกค้า

- ตั้งแบบเผื่อราคาขายส่ง เช่น ขายปลีกชิ้นละ 100 บาท / ถ้าสั่ง 10 ชิ้นขึ้นไปขายชิ้นละ 95 บาท / สั่ง 100 ชิ้นขายชิ้นละ 90 บาท / ฯลฯ

ทั้งตัวเลขและจำนวนสามารถปรับเปลี่ยนได้ เราจะเห็นโปรประมาณนี้บ่อยสุดคือตามร้านขายส่งเสื้อผ้าโดยเฉพาะแพลตตินัมประตูน้ำรวมถึงของกิน

การตั้งราคาแบบนี้เหมาะสำหรับสินค้าที่มีการผลิตเป็นล็อตจากโรงงานมาแล้วเยอะ ๆ ซึ่งมีต้นทุนที่เหมาะสมคุมได้ เพราะคนรับไปขายต่อก็ต้องการช่องว่างที่ทำกำไรได้ - ราคาที่ลูกค้าปลายทางยอมรับได้ ดังนั้นถ้าต้นทุนการผลิตต้นทางไม่ต่ำพอการตั้งราคาแบบนี้จะทำได้ยาก เป็นต้น

- ตั้งแบบตามคุณค่า การตั้งแบบนี้ไม่เกี่ยวกับต้นทุนเท่าไหร่และบวกกำไรเท่าไหร่แต่เป็นเรื่องของความพอใจล้วน ๆ ซึ่งเป็นการตั้งราคาที่เจ้าของสินค้าฝันใฝ่มากสุดแต่ทำได้ยากมากที่สุด ตัวอย่างเช่น iPhone ซึ่งเคยโดนแกะสเป็กออกมาแล้วว่าราคาต้นทุนวัตถุดิบรวม ๆ ไม่่เกิน 6,000 บาทแต่ราคาขายปลีกมากกว่านั้นไปหลายเท่า นั่นเป็นเพราะเค้าขายนวัตกรรมของเค้า ขายรูปแบบเฉพาะของเค้าที่คุณไม่สามารถหาซื้อจากที่อื่นได้

หรืออีกตัวอย่างนึงก็อาหารที่อร่่อยมาก ๆ ตามโรงแรมภัตตาคารที่ค่าวัตถุดิบรวมกันอาจเป็นแค่ 10% ของราคาขายปลีักแต่เค้าไม่ได้ขายอาหาร เค้าขาย "ความอร่่อยในแบบเฉพาะของเค้า" ที่คุณหาจากที่่อื่นไม่ได้ เป็นต้น



อันนี้เป็นกราฟที่แสดงถึงภาวะตลาดกับสินค้าของคุณ Simon Sinek ที่เห็นว่าอธิบายได้ชัดเจนดีเลยขอเอามาลงนะครับ

จากภาพจะเห็นว่าถ้าธุรกิจจะโตได้จะต้องผ่านช่วง 15% แรกให้ได้ก่อน ซึ่งก็จะประกอบด้วย

- ผู้ที่ชอบลองของแปลก (Innovators) กลุ่มนี้มี 2.5% แต่เป็นกลุ่มที่สำคัญสุดเพราะถ้าสินค้าโดนใจพวกเค้าจะชักนำอีกกลุ่มนึงเข้ามานั่นคือ

- กลุ่มผู้ใช้งานเริ่มแรก (Early Adopters) กลุ่มนี้คือ 13.5% เป็นกลุ่มคนที่กล้าลองใช้สินค้าของคุณโดยได้รับคำบอกเล่าที่ดีจากคนกลุ่มบน

ซึ่งเมื่อถึง 15% นี้ไปแล้วจะเป็นช่วงที่สำคัญสุดและโตสุดคือการเข้าถึงกลุ่มคนใช้รุ่นแรกที่เป็นกลุ่มใหญ่ (Early Majority) อีก 34% - ตรงนี้คือจุดชีวัดความเป็นตายของทุกธุรกิจครับ ธุรกิจที่ไปไม่ถึงฝั่งคือไม่ผ่าน 15% แแรกจนมาเข้าถึง 34% หลังนี่ได้มากพอ ว่ากันตามตรงคือแม้สินค้าหรือบริการของคุณจะดีแค่ไหนแต่คนส่วนใหญ่จะไม่ใช้จนกว่าจะมีคนยอมเป็นหนูทดลองใช้ก่อน

รวมกันแล้วสามกลุ่มแรกนี่คือ 50% โดยประมาณของตลาดทั้งหมดและถ้าผ่านจุดนี้ได้ก็จะโตมากขึ้นไปอีกเมื่อเข้าถึงอีก 34% หลัง ส่วนจะอยู่ได้นานแค่ไหนก็อยู่ที่คุณจะออกสินค้าใหม่เพื่อสร้างวงจรใหม่ได้ดีแค่่่ไหน

ที่เอาเรื่องนี้มาพูดในการตั้งราคาเพราะ

- ในช่วงแรกคุณจำเป็นที่จะต้องประคองให้มีกำไรพออยู่ได้แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการให้คน 2 กลุ่มแรกสุดกล้าทดลองใช้และเกิดความประทับใจจนนำไปสู่ 34% แรกให้ได้

- ดังนั้นการบริหารต้นทุนและสร้างความพอใจไปด้วยเป็นเรื่องที่ยาก ยากตรงคุณต้องอดทนทั้งจิตใจและการเงิน ช่วงนี้การมีเงินสดหมุนให้พอจึงเป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อประคองให้รอดให้ได้

- ดังนั้นการตั้งราคาแบบที่สามแม้จะเป็นปลายทางที่คุณควรไปแต่ยังไม่ควรใช้จนกว่าคุณจะผ่าน 50% แรกไปแล้ว การตั้งราคาแพงมหาศาลโดยคนยังไม่รู้จักสินค้านั้นต่อให้มีงบโฆษณาก็รอดยากเพราะการลองใช้งานยังไม่เกิด เป็นต้น

ปล. จากประสบการณ์ - การตั้งราคา 50 และ 49 บาทให้ผลที่แตกต่างชัดเจนครับ ใครค้าขายอยู่ลองประยุกต์ใช้ดูได้ครับแล้วคุณจะประหลาดใจ

"ผู้ชายทุกคนอยากได้ภรรยาที่ดีพร้อมแต่น้อยคนที่ทำตัวให้ดีพอที่จะได้จริง ๆ" - นิรนาม

"ความยิ่งใหญ่ของเราไม่ได้เกิดจากการไม่เคยล้มเลยหากแต่เกิดจากการลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม" ขงจื๊อ

"อยู่ห่างจากคนคิดลบไว้ เพราะสำหรับเค้าทุกทางแก้ล้วนมีแต่ปัญหา" อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
เข้าร่วม: 24 Jul 2009
ตอบ: 7341
ที่อยู่: ก็ที่นั่นไง
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 2:51 pm
[RE: สิ่งที่ควรรู้ตอนเริ่มทำธุรกิจ - การตั้งราคา]
อ่อ ลืมไปเลยสำหรับคนที่ทำธุรกิจแบบรับมาขายไปขายสินค้าเหมือนกับอีกเจ้านึง หากไม่ต้องการแข่งขันด้านราคาลองพิจารณาตัวเลือกเหล่านี้ดูครับ เช่น

- ลดความปวดหัว : ถ้าคุณขายชั้นแขวนทีวีหรือเก้าอี้ที่แยกประกอบ ขายสินค้าเหมือนกัน ร้านนึงให้ลูกค้าไปติดตั้งเองอีกร้านส่งคนไปช่วยติดตั้ง / ประกอบให้ แบบหลังแม้จะขายแพงกว่าคนก็อาจจะยินดีซื้อมากกว่าเพราะมันสบายกว่าเยอะ

- เพิ่มความน่ารัก : เราหลายคนคงเป็นเหมือนกันคือหลายครั้งเราซื้อสินค้าหรือบริการเจ้านึงแทนอีกเจ้านึงทั้งที่สินค้าเหมือนกันไม่ใช่เพราะราคาแต่เพราะมารยาทของพนักงานขาย / เจ้าของร้าน ร้านนึงปฏิบัติกับคุณเหมือนไปขอฟรีกับอีกร้านสุภาพเคารพคุณตั้งแต่เข้ามาเยือนยันออกไป ขายแพงกว่ายังไงก็มีคนซื้อครับ

- ใส่ใจในการจัดส่ง : เป็นเรื่องที่หลายคนมองข้าม สองร้านขายสินค้าเหมือนกัน ร้านนึงแพ็กแบบส่่ง ๆ ไปทีไม่ใส่ใจ อีกร้านห่อกันกระแทกอย่างดี เมื่อปลายทางได้รับขอความรู้สึกจะต่างกันมหาศาล และวัตถุดิบเพื่อกันกระแทกนี่ไม่ได้แพงด้วยครับถ้าซืื้่อเยอะมากพอ เพิ่มต้นทุนนิดนึงแต่ได้ใจลูกค้าระยะยาว

- คูปองสะสมแต้ม : อีกไม้ตายที่จะดึงลูกค้าระยะยาวได้ ยิ่งถ้าบวกกับแต้มแลกของรางวัลที่ล่อตาล่อใจได้บอกเลยเด็ดครับ



ลองไปปรับใช้ดูครับ
"ผู้ชายทุกคนอยากได้ภรรยาที่ดีพร้อมแต่น้อยคนที่ทำตัวให้ดีพอที่จะได้จริง ๆ" - นิรนาม

"ความยิ่งใหญ่ของเราไม่ได้เกิดจากการไม่เคยล้มเลยหากแต่เกิดจากการลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม" ขงจื๊อ

"อยู่ห่างจากคนคิดลบไว้ เพราะสำหรับเค้าทุกทางแก้ล้วนมีแต่ปัญหา" อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
เข้าร่วม: 23 Sep 2010
ตอบ: 4512
ที่อยู่: Emirates Stadium
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 3:13 pm
[RE: สิ่งที่ควรรู้ตอนเริ่มทำธุรกิจ - การตั้งราคา]
ถามหน่อยครับ


เอาบทความมาลง หรือ ว่าเขียนเองจากประกสบารณ์ตรงครับ
0
0
เข้าร่วม: 24 Jul 2009
ตอบ: 7341
ที่อยู่: ก็ที่นั่นไง
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 3:16 pm
[RE: สิ่งที่ควรรู้ตอนเริ่มทำธุรกิจ - การตั้งราคา]
Jetboy พิมพ์ว่า:
ถามหน่อยครับ


เอาบทความมาลง หรือ ว่าเขียนเองจากประกสบารณ์ตรงครับ  


เขียนจากประสบการณ์ตรงครับ อันไหนที่ผมเอามาจากชาวบ้านก็จะบอกเลยครับว่าเอามา เช่นของคุณ Simon Sinek เป็นต้นครับ
1
0
"ผู้ชายทุกคนอยากได้ภรรยาที่ดีพร้อมแต่น้อยคนที่ทำตัวให้ดีพอที่จะได้จริง ๆ" - นิรนาม

"ความยิ่งใหญ่ของเราไม่ได้เกิดจากการไม่เคยล้มเลยหากแต่เกิดจากการลุกขึ้นทุกครั้งที่ล้ม" ขงจื๊อ

"อยู่ห่างจากคนคิดลบไว้ เพราะสำหรับเค้าทุกทางแก้ล้วนมีแต่ปัญหา" อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
เข้าร่วม: 07 Sep 2013
ตอบ: 5991
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 3:20 pm
[RE: สิ่งที่ควรรู้ตอนเริ่มทำธุรกิจ - การตั้งราคา]
ตั้งราคานี้เรื่องจริง

ขายเสื้อตัวละ 100 ไม่มีใครเอา แต่พอตั้ง 99 เท่านั้นล่ะ หยิบกันใหญ่
1
0
Keep " The Blue " Flag Flying High !!

เข้าร่วม: 30 Dec 2013
ตอบ: 6377
ที่อยู่: มอดอว์
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 3:28 pm
[RE: สิ่งที่ควรรู้ตอนเริ่มทำธุรกิจ - การตั้งราคา]
ขอบคุณครับ
1
0
เข้าร่วม: 23 Sep 2010
ตอบ: 4512
ที่อยู่: Emirates Stadium
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 3:31 pm
[RE: สิ่งที่ควรรู้ตอนเริ่มทำธุรกิจ - การตั้งราคา]
MyLiver พิมพ์ว่า:
Jetboy พิมพ์ว่า:
ถามหน่อยครับ


เอาบทความมาลง หรือ ว่าเขียนเองจากประกสบารณ์ตรงครับ  


เขียนจากประสบการณ์ตรงครับ อันไหนที่ผมเอามาจากชาวบ้านก็จะบอกเลยครับว่าเอามา เช่นของคุณ Simon Sinek เป็นต้นครับ  



ขอบคุณครับ สำหรับประสบการณ์ ผมก็กำลังวางแผนทำธุรกิจอยู่เหมือนกันครับ อ่านแนวคิดแล้วเพลินดี เหมือนว่าเป็นประสบการณ์ตรงที่ได้สัมผัสมาครับ



ขอบคุณครับ สำหรับบทความ
1
0
เข้าร่วม: 26 Sep 2007
ตอบ: 20664
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 19, 2018 6:12 pm
[RE: สิ่งที่ควรรู้ตอนเริ่มทำธุรกิจ - การตั้งราคา]
ห้างขายอุปกรณ์ก่อสร้างเดี๋ยวนี้เอาใจใส่ลูกค้ามาก
เดินตามต้อย ๆ เลย สุภาพจนตกใจ
วันนั้นเสียไปเป็นหมื่นชุดทาสี ฝักบัวชาวเวอร์เรน แล้วก็ไมโครเวฟ
ทั้ง ๆ ที่แค่จะไปดูเฉย

กลับกัน ห้างทั่วไป ให้เดินดูเอง อ่านเอง สงสัยเดินไปถาม
เดินทั้งวันไม่ได้อะไรปวดขาเปล่า ทั้ง ๆ ที่เล็งจะซื้อแล้วนะ
แต่ไม่เอาซะงั้น
1
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 1233
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Mar 20, 2018 10:39 pm
[RE: สิ่งที่ควรรู้ตอนเริ่มทำธุรกิจ - การตั้งราคา]
กราฟที่ จขกท ยกมา ผมเคยเรียนครับในวิชา marketing เปนอะไรที่สนุกและได้คิดตามอีก

อีกอันที่น่าสนใจก็ BCG matrix ที่ไว้จัดประเภทสินค้า

ที่ผมเรียนมาแค่เบื้องต้นครับ อยากเรียนลึกๆกว่านี้ แล้วก็อยากลองปฏิบัติจริงครับ

#เกือบลืมไปแล้วว่าเคยเรียน
1
0
เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 8552
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sun Mar 25, 2018 11:10 am
[RE: สิ่งที่ควรรู้ตอนเริ่มทำธุรกิจ - การตั้งราคา]
ขอบคุณครับ
1
0