ย้อนไปก่อนหน้านี้สัก 1 หรือ 2 ฤดูกาล ใครกันเล่าจะไปคิดว่านักเตะกระโดกกระเดกอย่าง เจสซี่ ลินการ์ด จะกลายมาเป็นหนึ่งในอาวุธหลักของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในขณะเดียวกันดาวรุ่งที่น่าจับตามองอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด กลับมีชะตาที่สวนทางกัน

จนถึงตอนนี้ ลินการ์ด ซัดไปแล้ว 13 ประตูในทุกรายการ โดยเกมล่าสุดเพิ่งจะลุกออกมาจากม้านั่งสำรอง โหม่งทำประตูชัยช่วยให้ทีมบดเอาชนะ เชลซี ไปได้ 2-1 พร้อม 3 คะแนนล้ำค่าสุดๆ

แม้ยังต้องนั่งสำรองอยู่บ้างไม่ต่างกันกับ แรชฟอร์ด แต่ โจเซ่ มูริญโญ่ กุนซือหน้าเครียดของทีมมักที่จะเลือกใช้งานเขาก่อนใครเพื่อนเสมอ ในยามที่ต้องปรับแก้เกมและมองหาประตู

ว่าแต่ แล้วอะไรล่ะที่ มูริญโญ่ ส่องเห็นในตัวของ ลินการ์ด ?

เหนือสิ่งอื่นใด ทาง มูริญโญ่ ออกมายอมรับว่า เขาชื่นชอบความมุ่งมั่นตั้งใจและความพร้อมที่จะเล่นตามแท็คติกที่วางไว้ให้ทุกกระเบียดนิ้วของเจ้าตัว

นอกจากนั้น เขายังเป็นเหมือนตัว ‘โจ๊กเกอร์’ ที่มักจะทำประตูสำคัญได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในเกมเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ กับ คริสตัล พาเลซ เมื่อปี 2016 ก่อนจะทำประตูได้อีกในเกมนัดชิงชนะเลิศ อีเอฟแอล คัพ กับทาง เซาแธมป์ตัน เมื่อซีซั่นก่อน ไหนจะบวก 2 ลูกพาทีมคว่ำ อาร์เซนอล เมื่อเดือนพฤศจิกายนและล่าสุดก็อย่างที่บอกไปในเกมกับ เชลซี วันอาทิตย์ที่ผ่านมา

แล้ว แมนฯยูไนเต็ด เพิ่งจะมาเห็นความสำคัญของเขารึเปล่า ?

เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันอดีตกุนซือระดับตำนานของทีมได้เชิญ ลินการ์ด และพ่อของเขาให้ไปนั่งคุยกันที่ออฟฟิศส่วนตัว ณ สนามซ้อมของ “ปีศาจแดง” ก่อนจะบอกว่า ไอ้หมอนี่มีสิทธิ์จะกลายเป็น ฌองน์ ตีกาน่า คนต่อไป(อดีตดาวดังของทีมชาติฝรั่งเศส)

หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ต้องพเนจรไปเรื่อย โดยถูกปล่อยยืมให้กับ เบอร์มิงแฮม, เลสเตอร์ ซิตี้, ไบรจ์ตัน และ ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ ตามลำดับ ดูไม่เหมือนเลยว่าจะกลายมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่สามารถชี้ขาดชัยชนะของทีมได้อย่างทุกวันนี้

ถึงอย่างนั้น เฟอร์กี้ ก็เคยพูดเอาไว้เมื่อตอน ลินการ์ด อายุได้ 19 ปี ว่า “เจสซี่จะก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะที่พิเศษได้ ตีกาน่า เองก็ไม่เคยเป็นที่พูดถึงใน ฝรั่งเศส เลยจนกระทั่งเขาอายุราวๆ 24 ปี และผมคิดว่ามันน่าจะเกิดขึ้นกับ ลินการ์ด เช่นเดียวกัน เขาจะกลายเป็นยอดนักเตะเต็มตัวสักอายุ 22 หรือมากกว่านั้นนิดหน่อย”

ดูเหมือนสิ่งที่อดีตกุนซือชาสก็อตต์แลนด์พูดไว้จะเป็นจริงดังว่า เพราะเจ้าตัวเดบิวต์ให้กับทีมชุดใหญ่ก่อนอายุเต็ม 22 ปี และตอนนี้ในวัย 25 ปี เขาก็กำลังเล่นในฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเอง

ความสัมพันธ์ระหว่าง ลินการ์ด กับ มูริญโญ่ ?

เมื่อฤดูกาลก่อน มูริญโญ่ อยากที่จะให้ ลินการ์ด พัฒนาฝีเท้าตัวเองขึ้นมา หาความสม่ำเสมอในการเล่นของตัวเองให้เจอ พูดง่ายๆว่า ลินการ์ด สามารถที่จะเล่นได้แบบน่าทึ่งนัดหนึ่ง แต่นัดต่อไปกับทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันซะงั้น ผิดกับตอนนี้ที่ฟอร์มของเขานั้นไม่ได้หล่นต่ำไปกว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้เลย

“มูริญโญ่เป็นเหมือนแรงผลักดัน ยิ่งกับการซ้อมด้วยแล้ว ทุกคนอยากที่จะคว้าชัยชนะ แค่แพ้ในการซ้อม คุณจะรู้สึกแย่ไปทั้งวัน” ลินการ์ด เผย

“ทุกๆเกมนั้นเหมือนกันหมด ไม่มีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นการแข่งแบบไหน เราจะลงเล่นด้วยจิตใจที่ต้องการเอาชนะเท่านั้น”

พูดถึง ลินการ์ด มามากแล้ว ขอขยับไปที่ แรชฟอร์ด บ้างว่าทำไมฟอร์มของเขาถึงไม่กระเตื้องไปไหนเลย ?

ก่อนอื่นคือต้องบอกว่า แรชฟอร์ด เริ่มต้นฤดูกาลนี้ได้แบบสวยสด ยิงไป 5 ประตูในช่วงเดือนกันยายน แถมยังยิงให้ ทีมชาติอังกฤษ ชนะ สโลวาเกีย อีกด้วย

อย่างไรก็ตามแต่ นับตั้งแต่เกมพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม แข้งวัย 20 ปี มีโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงแค่ 5 เกมเท่านั้น แถม 3 จาก 5 เกมที่ว่ายังเป็นการลงเล่นในบอลถ้วยที่เจอกับทีมที่มีชื่อชั้นด้อยกว่าอย่าง บริสตอล ซิตี้, ดาร์บี้ เค้าท์ตี้ และ เยโอวิล ซะอีก

แล้วทำไมสถานการณ์ของ แรชฟอร์ด ถึงน่าห่วง?

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงหลายเดือนก่อน ดูเหมือน แรชฟอร์ด จะเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีอนาคตสดใสรออยู่ทั้งกับสโมสรและทีมชาติ

แต่หลังจากนั้นฟอร์มของเขาก็เริ่มดร็อปลง มีแต่ความไม่แน่นอนเต็มไปหมด ถึงอย่างนั้น แกรี่ เนวิลล์ อดีตแบ็คขวาระดับตำนานของ แมนฯยูไนเต็ด ก็ยังคงเชื่อมั่นว่า ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษจะกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกที่ควรได้อีกครั้ง

“เขาได้ลงสนามค่อนข้างเยอะนะในซีซ่นนี้ ได้อยู่ในสนามนานและก็มีส่วนร่วมกับหลายๆเกม แน่ล่ะ เมื่อคุณเป็นเด็กดาวรุ่งที่ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่ กว่าลงเล่นทุกเกมไปตลอดมันคงจะไม่ใช่” เขากล่าวกับ Sky Sport

“โอเค ไรอัน กิ๊กส์ อาจจะเคยทำแบบนั้นมาได้ แต่อันนี้ต้องยกเว้นเขาไว้ คือตอนที่ผมกับเดวิด เบ็คแฮมขึ้นไปเล่นทีมชุดใหญ่ มันก็มีนะตอนที่เราเล่นกันได้อย่างสุดยอดติดๆกันเป็น 10 นัด แต่ฟอร์มก็ร่วงไปดื้อๆ ถึงอย่างนั้นเราก็กลับมากันได้”

ปัญหาคือแล้วเมื่อไหร่ล่ะที่ แรชฟอร์ด จะกลับมาได้?

ต้องอย่าลืมไปนะครับว่า แรชฟอร์ด ถือว่าเป็นดาวรุ่งมากประสบการณ์คนหนึง เพราะเขาลงเล่นหลายต่อหลายเกมตลอดช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา

เขาได้เป็นตัวจริงในเกม เอฟเอ คัพ และ ยูโรป้า ลีก รอบชิงชนะเลิศ แถมยังแบกความหวังในแนวรุกของทัพ “สิงโตคำราม” ในช่วง รอบคัดเลือก อีกด้วย หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่เจ้าตัวเพิ่งจะอายุ 20 ปี เท่านั้น และ ยังคงเป็นหนึ่งในสุดยอดดาวรุ่งบนผืนหญ้าสีเหลี่ยมอยู่

ปัญหาหลักในการที่เขามีโอกาสจำกัดจำเขี่ยนั้น เพราะการมาของ โรเมลู ลูกากู ที่แทบจะจับจองตัวจริงอยู่เสมอ หากไม่บาดเจ็บ แถมยังมี อเล็กซิส ซานเชซ อีกคน เขาจึงต้องแย่งชิงตำแหน่งกับ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ ฆวน มาต้า ที่ 3 วันดี 4 วันไข้ไม่ต่างเช่นกัน

ฉะนั้นทั้งหมดทั้งมวลแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเองว่าจะรีดฟอร์มเก่งออกมาได้หรือไม่เท่านั้นเอง




--------------------------------------------------------------------------------------




ปล.ผมแปลมาจาก Daily Mail นะครับ เข้ากับสถานการณ์พอดี หวังว่าทุกท่านจะชอบ ขอบคุณครับ

นะครับผมครับ

แรชเก่งแน่

ลินการด กับ ป้อก มันทับกัน ถ้าป้อกคิดจะเอาดี ตรงนี้ อ่ะนะ

ชอบมากครับผม

ปัญหาคือ แมนยูมีผู้เล่นพร้อมใช้งานเยอะ ทำให้นักเตะดาวรุ่งไม่สามารถลงสนามอย่างสม่ำเสมอได้ หากเป็นทีมเล็ก ที่มีโอกาสได้ลงกันบ่อยๆ ฝีเท้าอาจพัฒนาเร็วขึ้น และคงเส้นคงวามากกว่านี้

เข้ามา+ ให้กำลังใจคนเขียนครับ

ในความคิดผม คิดว่า ลินการ์ดเมื่อลงสนาม เขาพยายามเล่นร่วมกับคนอื่นให้เข้าขา ให้เป็นส่วนหนึ่งของเกม
เล่นร่วมกับป็อกบา หรือเล่นร่วมกับลูกกากู เช่นการเล่นชิ่งกันไปมา พออเล็กซิดมา ลินการ์ด ก็พยายามเล่นให้เข้าขากับอเล็กซิด คล้ายๆ เหมือนกับรู้ว่า ถ้าเล่นนักเตะดังๆ ได้ เขาก็จะได้ทั้งทักษะ และชื่อเสียงตามไปด้วย แต่กับแรชฟอร์ด ผมว่าเขามุ่งมั่นที่เอาชนะตัวเองมากไป ทำให้ไม่ค่อยได้เล่นร่วมกับคนอื่น เหมือนที่ลินการ์ดทำ..ผมว่าถ้าแรชฟอร์ด เล่นร่วมกับคนอื่นได้นะ จะน่ากลัวมากกว่านี้อีก..ไม่จำเป็นต้องยิงเอง แค่รู้จักเงยหน้ามองเพื่อนที่ว่างๆ บ้างก็คงดีกว่านี้ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวผมนะ

แรซฟอร์ดมีส่วนคล้ายโด้ตอนมาแรกๆ

ถามว่าพรสวรรค์ ความเก่ง ใครมีมากกว่า ผมตอบได้เลยว่า แรชฟอร์ด

แต่ในเมื่อฟุตบอลมันเล่นกัน 11 คน มีเพื่อนร่วมทีม มีระบบการเล่นที่ต้องเล่นตามที่วางกันไว้ แสดงให้เห็นถึงวินัยในความรับผิดชอบ ตรงนี้ ลินการ์ด ตอบโจทย์ได้มากกว่า

ทุกคนรู้แหละครับว่าใครเก่งกว่า แต่ในการลงสนามผู้จัดการทีมทุกคน ก็คงอยากได้คนที่ทำประโยชน์ให้กับทีมได้มากกว่าลงนะ

หวังว่าแรชฟอร์ดมันจะกลับมาคิดได้และพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

แรชเพิ่ง 20 ต้องปรับวิสัยทัศน์การเล่นให้มากกว่านี้ ถ้าปรับได้ก็ถือว่าโอเค แกเก่งอยู่แล้ว

เรามาถึงจุดนี้ได้ไง จุดที่ไม่อยากให้ลินการ์ดเจ็บ

แรชมันเพิ่งจะ 20 วัยกำลังห้าว เด็กมันอยู่ในช่วงอยากโชว์ของ แล้วเล่นตำแหน่งตัวรุกด้วย แต่ทีมดันไม่ได้การแบบนั้นสิ ทีมต้องการความเป็นทีมมากกว่า ต้องรออายุมันเพิ่มอีกสัก 2-3 ปี เผื่อมุมมองมันจะเปลี่ยนไปบ้าง

หรืออาจจะตามรอยมาเคด้า

ตอนนี้ให้ได้ลงก่อน