หลังจากทีมแพ้หรือเสมอก็ตาม มักจะมีคอมเม้นต์ประมาณว่า
ถ้ายังดื้อไม่ซื้อใครมา ก็ได้เท่านี้แหละ , ต้องยอมทุ่มแล้ว เอาคนนั้นคนนี้มาแทน

ด้วยความเคารพ..

ผมเป็นแฟนบอลเสียงส่วนน้อยละมั้งที่คิดว่า การที่ทีมเอาเงินไปทุ่มในตลาดหน้าหนาว
มันมีความเสี่ยงสูงมาก และอย่าลืมว่าระบบทีมเรา ต้องใช้เวลาเตรียมตัวนานขนาดไหน
ตัวที่ซื้อมาในฤดูกาลก่อนๆ ต้องใช้เวลาเป็นเดือนในการเร่งความฟิตทั้งนั้น

และถ้าย้ายมาแล้วเล่นได้ไม่เต็มที่กับระบบของทีม ก็ต้องเสียเวลาปรับจูนกันอีก
แล้วก็เหลือเวลาอีกแค่ครึ่งฤดูกาล แน่นอน ถ้าเกิดตัวใหม่ที่ว่านั้นปรับตัวไม่ทันใช้ขึ้นมา
คนที่รับเต็มๆก็คงไม่พ้นตาแว่นอยู่ดี

ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้มีอะไรรับประกันได้ 100% ว่าถ้ามีตัวใหม่แล้วมันจะปรับตัวไม่ทัน
บางทีได้มามันอาจจะดีก็ได้ อาจจะคลิกเป๊ะกับทีมเลย แต่อยากให้มองแง่ความเสี่ยงบ้าง
ไม่ใช่เอะอะก็บอกว่า เป็นเพราะไม่ยอมซื้อตัวนั้นตัวนี้ แบบนี้ผมว่ามันก็คิดง่ายเกินไป

เห็นด้วยครับ สำหรับตลาดหน้าหนาวควรซื้อหรือยืมตัว พวกที่เก๋า สามารถปรับตัวได้ง่าย มีประสบการณ์ในลีค มาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น

ส่วนถ้าลงทุนครั้งใหญ่ (40 ลป up) ควรเป็นช่วง summer เพื่อให้นักเตะได้มีโอกาสและเวลาในการปรับตัวเข้ากับ Tactic และเพื่อนร่วมทีม

ไอที่ไม่เข้าจริง ๆ และยังคาใจถึงทุกวันนี้คือ

JK สมัยเป็นนักเตะ เขาก็เป็นเซนเตอร์ฮาร์ฟมาก่อน

ทำไมตอนมาเป็นโค้ช ถึงทำเกมรับเละเทะแบบนี้ ไม่เอาความรู้สมัยเป็นนักเตะมาประยุกต์ใช้บ้าง

เห็นด้วยครับ ไม่ต้องซื้อหรอก

ขุมกำลังที่มีอยู่ก็พอแล้วนะผมว่า ซื้อมาให้เสี่ยงว่าจะดีขึ้นหรือแค่เท่าเดิมทำไม

คือที่หงุดหงิดคือให้โอกาสตัวเดิมๆ ที่มันยังคงพลาดโง่ๆเหมือนเดิมแบบไม่พัฒนา

ตัวอื่นที่นั่งตาละห้อย รอโอกาส ไม่มีทางได้ลงเลย

ยังดีวันนี้ส่ง ings ลงบ้าง

ส่วนเรื่องซื้อตัว ขอให้ซื้อให้เหมาะสม แก้ไขให้ถูกจุดก็ดีใจแล้ว

แต่การซื้อมันมักจะช้าไปทุกทีเลย ทำให้ต้องทนเห็นพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตอนนี้ไม่มีผลอะไรแล้วได้ตัวใหม่มาจะัมาปรับตัวเล่นจนส่งผลต่อทีมยาก ถ้าซื้อโกลใหม่อะ ผมเห็นด้วย อาจจะได้แต้มเพิ่ม

ลุ้นกันยาวๆ เมือวานก็เกือบเสมอแล้วเอาจริงทรงบอลไม่แย่มาก

จริงๆผมก็เข้าข้างเหตุผล จขม.นะคับ..แต่อยากอธิบายนิดนึงดังนี้..

ฟุตบอลสมัยนี้หลักๆแบ่งสว่นสำคัญเป็น 2 ส่วน คือผลงานในสนาม และผลทางการเงิน..

ทุกๆการซื้อขาย เกิดผลลัพธ์ได้ 3 อย่างคือ เท่าเดิม (0), ดีขึ้น (+) และ แย่ลง (-)

ตามที่ จขม.อธิบายมา นั่นถูกต้องแน่นอนในเรื่องผลการเงินคับ..

คือ"เสี่ยง"ซื้อตัวใหม่เข้ามา..ถ้าเล่นไม่เข้าระบบ = ผลงานในสนามไม่พัฒนา (0) แถมผลทางการเงินสอบตก(-)..

แต่ถ้าการเสี่ยงมันได้ผล = ผลงานในสนามดีขึ้น (+) แล้วทำอันดับได้ดี หรือ คว้าแชมป์ มันส่งผลให้ผลทางการเงินดีขึ้น(+) ด้วยฮะ..

นั่นแปลว่าผลลัพธ์อย่างแย่ที่สุด ก็แค่เรื่องทางการเงิน คือเราขาดทุนกับความเสี่ยง...แต่ผลงานในสนามไม่แย่ลงกว่าไม่เสี่ยงฮะ

ต้องไม่ลืมว่าทีมอื่นๆพัฒนาขึ้นในทุกๆตลาดซื้อขายอ่ะคับ...และเค้าก็จะได้ผลลัพธ์จากการซื้อเหมือนข้างบนเช่นกัน..

นั่นแปลว่าผลงานคู่แข่งเราในสนาม ก็มีโอกาสจะดีขึ้น,แกร่งขึ้นเช่นกัน..(หรืออย่างแย่สุดก็คือเท่าเดิม)

ถ้าเค้าดีขึ้น แต่เราเท่าเดิม...นั่นก็เหมือนเราถอยหลัง (ติดลบ) ละฮะ..

และท้ายที่สุด ผลงานความแตกต่างในสนามแค่อันดับเดียว (จาก 4 เป็น 5)

นั่นก็ทำให้เราขาดทุนผลงานทางการเงินหลัก 10 ล้านได้ละฮะ..(เงินจากการได้ไป UCL หรือเข้ารอบลึกๆมันมหาศาลเลยฮะ)


ความคิดคลอปป์ (ไม่ซื้อเมื่อไม่เจอตัวที่ใช่หรือราคาไม่เหมาะสม) นั้นถูกครับ...แต่ล้าหลังเกินไปกับการแข่งขันในยุคแบบนี้ฮะ..

คหสต.นะ จะเอากองหลังคนไหนมาเล่นผมว่าก็สภาพไม่ดีไปกว่านี้เท่าไหร่หรอกคิดว่าเป็นปัญหาที่แทคติคมากกว่า

คือจุดอ่อนของลิเวอร์มันเกิดจากแทคติคล้วนๆเลยในเกมรับ เสียลูกแทงทะลุ, ลูกกลางอากาศ ส่วนใหญ่เกิดจากการยืนตำแหน่ง คุมโซนกันไม่โอเคมากกว่ามันทำให้โอกาสเกิดความผิดพลาดส่วนบุคคลสูง เอาใครมาก็มีโอกาสพลาดกันได้ทั้งนั้นแค่ต่อเกมของลิเวอร์กองหลังจะโดนตัดเกรดบ่อยหน่อย

แต่เกมบุกดี, ครองบอล, เล่นสั้น นี่ไม่ได้ด้อยกว่าแมนซิเลยนะเหลือแค่ปรับเกมรับให้ดุดัน, เด็ดขาด กับการยืนตำแหน่ง มันก็น่าแก้ปัญหาจุดอ่อนลิเวอร์ได้แต่มากลางฤดูกาลขนาดนี้แล้วคงไม่เห็นผลอะไรที่ชัดเจนล่ะมั้งครับ

มีเล่นดีและไม่ดีสลับกันไปนั่นแหล่ะ ธรรมดา

ซื้อเยอะไปก็เท่านั้น คหสต ครับ

เกมรุกนัดนี้ก็แค่ไม่ใช่วันของหงส์แค่นั้นเองครับ ตัวความหวังนัดกันตีนบอดกันหมด

ลูกที่โดนก็คุมพื้นที่กันไม่ดี อู๊ดห่วยจริงแต่นัดนี้ไม่ผิดนะครับ แต่แบคขวาเปลี่ยนได้ก็อยากให้เปลี่ยน

บางคนอาจจะลืมว่าปีนี้เต็มที่ก็ได้ลุ้นแค่ Top4

มองสูงเกินตัว มันก็โมโหหนักเป็นธรรมดา

เอาจริงๆแพ้นัดนี้ไม่เห็นรู้สึกเซงอะไรเลย

คนเรามันผิดฟอร์มกันได้ คะแนนก็ยังเกาะกันอยู่

อันดับ 2-6 ยังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ผมขอเสริมของท่านอีกนิดนึงละกันครับ เพราะในความเป็นจริงคงไม่มีแค่ 2 ปัจจัยที่สำคัญ มันมีอีกหลายๆปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กัน เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันไปหมดจนไม่รู้ว่าควรที่จะเอาปัญหาจากปัจจัยไหนมาแก้ก่อน ก็น่าเห็นใจพี่แว่นเขาอยู่หรอก ผมว่านะ

ปัญหาหลักมันอยู่ที่tactic ส่วนความสามารถนักเตะก็เป็นอีกปัญหานึง
อย่าลืมว่าทีมที่ลิเวอร์ทำแต้มหล่นๆน่ะ จะบอกว่าตัวผู้เล่นเค้าดีกว่าลิเวอร์ทั้งหมดก็ไม่ได้นะ

ทีมงานโค้ชต้องรับผิดชอบหนักๆเลย

คือไม่ซื้อใครเพิ่มไม่ว่า ถ้าในเดือนนี้ไม่เสียใคร
แต่นี่คือเสียคูตินโญ่ไปแล้ว ดันไม่เอาใครมาเพิ่ม เท่ากับตัวรุกหายไปตัวหนึ่ง
ก็จะยอมให้เป็นแบบนั้นจนจบฤดูกาลเหรอครับ ทีมอื่นๆ ขนาดไม่เสียใครเค้ายังหามาเพิ่มเลย

ไม่ยอมลงทุนตอนนี้ ถึงเวลาจบอันดับไม่ถึงอันดับ 4 ตัวที่มัวแต่รอจะซื้อตอนซัมเมอร์ก็ไม่มีใครมาหรอกครับ
มีโอกาสให้เสริมทีมแล้วไม่เสริมเอง ก็โทษใครไม่ได้นะครับ

ยังงงๆว่ามันจะเสี่ยงยังไง ไม่ใช่แค่กับลิเวอร์พูลนะ กับทุกทีมเลย

สมมุติผู้เล่นคนนึง ใช้เวลาปรับตัว 2 เดือน ซื้อมกรา > พร้อมตอนมีนา
ไปซื้อตลาดอีกรอบ ซื้อกรกฏา/สิงหา > พร้อมตอนกันยา/ตุลา

กลับกัน ถ้าซื้อมาเลย แล้วเริ่มคุ้นเคยกับระบบตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาลนี้
พอเริ่มฤดูกาลหน้าก็ออกตัวยาวๆ ไม่ต้องปรับตัวแล้ว แบบนี้ก็ฟังดูเข้าท่า

หรือถ้าจะบอกว่า ซื้อมาตอนนี้ แล้วไม่เข้ากับระบบ มันก็เป็นปัญหาที่จบฤดูกาลนี้ ตอนปิดฤดูกาลก็ยังแก้ไขทัน ว่าจะทำยังไง
ถ้าไปซื้อฤดูกาลหน้า กว่าจะรู้ว่าไม่เข้ากับระบบก็ผ่านไปครึ่งฤดูกาลแล้ว คงเสียหายไปพอสมควร
ถ้าไม่เข้ากับระบบยังไงก็เสียหายทั้งคู่นั่นแหละ ต่างกันตรงที่ถ้าซื้อในหน้าหนาว ในตลาดรอบหน้ายังมีเวลาเตรียมตัว เตรียมใจ แต่เนิ่นๆ ว่าจะเอายังไง



แล้วถ้าดูเทรนด์ตอนนี้ ตลาดผู้เล่น มันมีแนวโน้มไปในทางที่ว่า เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย + เงื้อง่าราคาแพง จ่ายแพงๆไปแต่แรกก็จบ ทำแบบแมนซิตี้ คือ เพอร์เฟค ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนเงิน แต่เป็นการที่พวกเขาเด็ดเดี่ยวในการคว้าผู้เล่น

แมนยูพลาดเปริซิส ก็ต้องกลับมาจัดอเล็กซิส / เชลซีไม่ได้หน้าเป้า ก็เป็นข่าวกับเขาไปทั่ว พยายามมาก / บาร์เซโลน่า ก็พลาดเป้าหมายในตลาดรอบก่อน ก็กลับมาจัดรอบนี้
หรือเอาตลาดหน้าหนาวปีก่อน พอแมนซิตี้ได้เฮซุส ทีมดูน่ากลัวขึ้นมาก เล่นดี ปรับตัวได้ แต่อาการบาดเจ็บมายุติเรื่องนี้


ความเสี่ยงของการซื้อในตลาดหน้าหนาว สำหรับทีมที่เป็นฝ่ายซื้อมีแค่อย่างเดียว
คือ โค้ชคนนั้นๆ จะอยู่คุมทีมต่อในปีหน้าด้วยหรือเปล่า แค่นั้นจริงๆ

ของ จขกท จะมีปัจจัยเรื่องตลาดหน้าหนาวมาเกี่ยวด้วย
อันนี้เม้นไว้ด้านบนพอดี ยังงงๆว่ามันจะเสี่ยงกว่าปกติยังไง

ดูแมนยูสิทีมดีอยู่แล้วยังเสริมโหด แล้วมาดูเราเสียตัวหลักยังไม่ซื้อ
ความทะเยอทะยานมันต่างกัน

อันนี้ผมว่า มันขึ้นอยู่กับนิสัยของ ผจก ทีมนะ

ส่วนตัวผมว่าผู้บริหารทีมนั้น สนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว