มิโน ไรโอล่า มาเฟียฟุตบอล
"ชื่อของเขามิโน ไรโอล่า"
มีคนเกลียด "ตาอ้วน" นี่ไม่น้อยแน่ๆ
หากถ้าเอาคำถามเดียวกันนี้ไปถามใครอีกบางคนหรือหลายคนก็คงจะได้คำตอบที่ต่างออกไป
.....
ย้อนไปภายในล็อบบี้โรงแรมระดับสี่ดาวซึ่งมีคลองวางขนาบข้างกลางนครอัมสเตอร์ดัม วันนั้นอาจถือว่าเปลี่ยนชีวิตของชายผู้หยิ่งทะนงคนหนึ่งก็ว่าได้ ชายคนนั้นก็คือซลาตัน อิบราฮิโมวิชผู้เคยขนานนามตัวเองว่า"พระเจ้า"
หากใครจะเชื่อว่าการเผชิญหน้ากับผู้ชายอีกคนซึ่งแต่งตัวดูชาวบ้านมากๆ ใส่เสื้อกับกางเกงวอร์ม รูปร่างก็อ้วนท้วมกลับทำให้เขาเจริญเติบโตบนเส้นทางค้าสตั๊ดถึงทุกวันนี้
"นี่นะหรือเอเยนต์" ประโยคแรกเลยที่หลุดมาจากปากซลาตัน
"ใช่ เขานี่แหละ ขอให้เชื่อผมแล้วคุณจะดีเอง" เพื่อนสนิทนักข่าวชาวดัตช์จัดแจงแนะนำ ทั้งสองเขย่ามือตามธรรมเนียมตะวันตก
"เขาเป็นสมาชิกของแก๊งค์มาเฟียด้วยนะ"
"มาเฟียนะหรือ ดูเท่ดีไม่หยอก" อิบราดูเริ่มอยากรู้จักเอเยนต์คนกล่าวมากขึ้น
ทันใดนั้นก็มีใบกระดาษที่จดบันทึกสถิติของ คริสเตียน วิเอรี่ กับ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ถูกหยิบยื่นมาให้ก่อนที่จะมีคำพูดตามมา "หากคุณมาอยู่กับผม คุณจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ได้ทันที ขอให้เชื่อในตัวผม"
ขณะเดียวกันบางพารากราฟในหนังสือ "I am Zlatan" ยังได้บอกเล่าต่อว่า "แค่คุยกันไม่กี่ประโยคก็ประทับใจทันที เขาดูเป็นตัวของตัวเองมาก สำคัญคือเขาดูจองหองเหมือนผมดี ชื่อของเขาคือมิโน ไรโอล่า"
ประวัติโดยย่อของซูเปอร์เอเยนต์น้ำหนักทะลุร้อยคนนี้มาก่อน เกิดทางตอนใต้ของอิตาลีแต่ไปโตที่เมืองฮาร์เลมของฮอลแลนด์ ชีวิตวัยเด็กก็ถือว่ายากจนตามประสา ต้องทำงานรับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟทว่าคนที่จะประสบความสำเร็จสายใดสายหนึ่งได้ต้องมีความมุมานะ นั่นเอง ไรโอล่า ก็คงไม่ทิ้งการเรียน เข้าถึงระดับมหาวิทยาลัย สาขากฎหมาย
แล้วอะไรต้องเป็นจุดเด่นสำหรับใครก็ตามที่อยากมาทำอาชีพเดียวกันนี้??
ไรโอล่ายักไหล่ "ผมพูดได้ 7 ภาษา อิตาเลี่ยน, เยอรมัน, สแปนิช, ฝรั่งเศส, โปรตุกีส, ดัตช์และอังกฤษ"
ก่อนหน้านี้ข่าวที่ทำให้ฟีฟ่าเต้นผาง รีบมาตรวจสอบว่าการย้ายสังกัดจากยูเวนตุสสู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของพอล ป็อกบาไม่โปร่งใสเนื่องจากมีการเปิดเผยว่าลำพังไรโอล่าก็รับทรัพย์เหนาะๆถึง 41 ล้านปอนด์ด้วยกัน
มาล่าสุดก็เป็น"คียแมน"ที่ทำให้การเจรจาสลับตัวระหว่างอเล็กซิส ซานเชซกับเฮนริค มคิทาร์ยานลุล่วงสำเร็จ แม้อาจจะยืดเยื้อเนื่องจากหน้าที่ของเอเยนต์คือทำให้เกิดประโยชน์ที่สุดสำหรับนักเตะในสังกัดตัวเองกับแน่นอนตัวเขาเอง
"มันมีหนึ่งหรือสองเอเยนต์ฟุตบอลที่ผมไม่ชอบซึ่งหนึ่งในนั้นก็มิโน ไรโอล่า ผมไม่เคยเชื่อตัวเขาเลยนับแต่เจอกันหนแรก"เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเคยจาบจ้วงเอาไว้อย่างเดือดดาล
ก็ต้องย้อนไปปี 2012 ซึ่งตอนนั้นทางปีศาจแดงกำลังเจรจาเพื่อต่อสัญญาพอล ป็อกบาออกไป ถึงกระนั้นด้วยความที่ไรโอล่าเจ็บแค้นเฟอร์กี้มาก่อนจึงพยายามเตะถ่วง ไม่ยอมให้"ลูกบ้าน"ในสังกัดตัวเองจรดปากกาจนกระทั่งความอดทนของทางอดีตยอดผู้จัดการทีมสิ้นสุด
"ทำไมพอล (ป็อกบา) ต้องต่อ ข้อเสนอที่ทางแมนฯยูไนเต็ดให้มาเหมาะกับสุนัขของผมเท่านั้น ผมเลี้ยงสุนัขเอาไว้ 2 ตัวแล้ว" ซูเปอร์เอเยนต์วัย 50 เคยกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าสโมสรที่ยิ่งใหญ่สุดของอังกฤษเอาไว้
ฉะนั้นแล้วการที่มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสหวนสู่รังเก่าพร้อมกับค่าหัวที่เป็นสถิตินั้นก็มีแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากไรโอล่าล้วนๆ นอกจากส่วนแบ่งรายได้มหาศาลที่ใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด ก็ยังเชื่อกันว่าเจ้าตัวปรารถนาที่อยากล้างแค้น....ล้างแค้นเซอร์ อเล็กซ์
ก็เพราะความเชื่อส่วนตัวของป๋าที่มักอยู่ตรงข้ามการใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แน่นอนเฟอร์กี้ย่อมตาโตพอทราบข่าวว่าสโมสรของตัวเองต้องจ่ายเงิน "89 ล้านปอนด์" เพื่อนักเตะที่เคยเป็นเยาวชนของตัวเอง
อีกนั่นแหละถ้าปราศจากข้อดีเลย ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมี"ลูกบ้าน"นับสิบแถมแต่ละรายก็ล้วนบิ๊กเนมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะป็อกบา, มคิทาร์ยาน, เอเตียน กาปูล, แบลส มาตุยดี้, เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล, มาเร็ค ฮัมซิค, มาริโอ บาโลเตลลี่, โรเมลู ลูกากู, จานลุยจิ ดอนนารุมม่า จนถึงในอดีตอย่าง พาเวล เนดเวด
"เขาไม่ได้กระทำให้พวกเรารู้สึกเป็นแค่ลูกทีมหรือทีมงานแต่เขาทำให้เรารู้สึกว่าเป็นคนหนึ่งในครอบครัวดังนั้นทุกการเจรจาของเขาก็จะคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของครอบครัว" บาโลเตลลี่ เคยชมไว้ภายหลังที่กองหน้าจอมยียวนผ่านมรสุมต่างๆ มาได้จากการโอบอุ้มของเอเยนต์ผู้นี้
ว่ากันว่าด้วยพื้นฐานที่โตจากชนชั้นล่าง นั่นเองจึงทำให้ ไรโอล่า แทบทะลวงไปถึงอกข้างซ้ายผู้เล่นที่อยู่ในครอบครองทั้งหมด อย่าง บาโลเตลลี่ซึ่งเป็นเด็กผิวสีที่ตอนเด็กๆเคยวาดรูปส่งอาจารย์ด้วยการจินตนาการตัวเองว่าเกิดมาผิวขาวหรือว่าอิบราฮิโมวิชก็ตามผู้มีชีวิตวัยเยาว์ที่ไม่สมบูรณ์
นอกจากนั้น ไรโอล่า ยังไม่ใช่แค่เอเยนต์ทั่วไป เขาเองยังมีความรู้เรื่องฟุตบอลที่ดีเยี่ยม ตอนที่หลุยส์ ฟาน กัลคว้าตัวอองโตนี่ มาร์กซิยาลกับเมมฟิส เดปายมาด้วยราคารวมกัน 67 ล้านปอนด์ปี 2015 ก็เป็นเขาที่เสนอแนะไปว่าแค่นั้นไม่เพียงพอหรอกที่จะทำให้แมนฯยูไนเต็ดได้ลุ้นแชมป์
"พวกคุณต้องเอา อิบราฮิโมวิช ไป เขาจะเพิ่มความหลากหลายให้ทีมได้ ฟังอาจดูยโสว่าอาชีพเอเยนต์มาเกี่ยวไรด้วยแต่ผมเห็นมาเยอะแล้ว"ไรโอล่าโทรไปหาเอ็ด วู๊ดเวิร์ดแต่ได้รับการปฎิเสธมา
อีกมุมที่สำคัญซึ่งทำให้พวกนักเตะชื่นชอบก็มาจากนิสัยจริงๆของเขาเป็นคนติดดิน เรียบง่ายและไม่ชอบพิธีรีตองเพราะการเจรจาครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของเขา เหตุการณ์นั้นเล่าผ่านอิบราฮิโมวิชในอัตชีวประวัติตัวเองจนเห็นภาพดังนี้
"ตอนนั้นปี 2004 ผมเองกำลังจะรอย้ายจากอาแจ็กซ์ไปยูเวนตุส ผมจำได้ว่าเขา (ไรโอล่า) มาพบ ม็อจจี้(ผู้บริหารยูเว่) ที่ห้องรับรองในสนามบินของโมนาโก ทันทีที่เข้ามาผมก็แอบขำในใจไม่ได้เพราะเขาใส่เสื้อยืด, กางเกงขาสั้นสไตล์ไปอาบแดดที่ฮาวายพร้อมรองเท้าผ้าใบมา...."
เครดิต :