ทำไมซานเชซเข้าสไตล์'มูรินโญ่'มากกว่า'เป๊ป'
ทำไมอเล็กซิส ซานเชซ ถึงเข้าสไตล์ โชเซ่ มูรินโญ่ มากกว่าเป๊ป กวาร์ดิโอล่า
เขียนโดย Ewan Roberts
ถ่ายทอดโดย Mr. Le Chiffre
เป็นที่คาดการณ์มาก่อนหน้านี้ว่าอเล็กซิส ซานเชซ ดาวดังชาวชิลีของ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล จะย้ายไปยังถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยสมัยที่อเล็กซิส และเป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยทำงานร่วมกันที่บาร์เซโลน่า แต่ไปด้วยกันได้ไม่ค่อยดีนัก ซานเชซเองก็ได้เป็นแค่หนึ่งในฟันเฟืองของทีมเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่คัมป์นู ก่อนที่จะย้ายมาปลดล็อคตัวเองที่พรีเมียร์ลีก จนกลายเป็นแข้งที่ได้ชื่อว่ามีประสิทธิภาพและอันตรายมากที่สุดคนนึงในยุโรป
โดยทางกวาร์ดิโอล่าได้ออกมายอมรับทีหลังว่า สมัยอยู่บาร์ซ่าเขาใช้ซานเชซผิด (misuse) และอยากจะได้ตัวดาวเตะรายนี้ที่กำลังมีปัญหากับอาร์เซน่อล กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง "ผมคิดว่าตำแหน่งที่อาร์เซน่อลใช้เขาเป็นศูนย์หน้า เหมาะสมกับเขามาก" ยอดกุนซือชาวกาตาลันกล่าวไว้เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว "ที่บาร์เซโลน่า บางทีผมไม่ได้ช่วยเขามากเท่าที่ควร เพราะเขาเล่นในพื้นที่ด้านกว้าง แต่เขาสามารถทำได้ดีกว่านั้น หากได้เล่นในพื้นที่ระหว่างกองหลัง ใกล้ๆ ประตูฝั่งตรงข้าม"
ซานเชซไม่เคยรู้สึกว่าเขาเหมาะกับระบบกวาร์ดิโอล่าที่แมนเชสเตอร์ซิตี้
แต่ก็จะดูไร้เดียงสาเกินไป หากคิดว่าการเปลี่ยนซานเชซจากเล่นปีกมาเป็นศูนย์หน้า จะเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมทั้งต่อนักเตะและกุนซือ ความอัจฉริยะในฟุตบอลของกวาร์ดิโอล่า ได้ฝังทั้งโครงสร้างและรูปแบบการเล่นลงในตัวนักเตะ โดยนักเตะบาเยิร์น มิวนิค บางคน เคยออกมาบอกว่ารู้สึกเหมือนพวกเขาเป็นหุ่นยนต์ ที่โดนกวาร์ดิโอล่าฝังปรัชญาลงไป ขณะที่ยอดดาวเตะอย่างฟร้องค์ ริเบรี่ เป็นนักเตะที่บ่นที่สุดในเรื่องนี้ หลังออกมาให้สัมภาษณ์ว่าได้รับอิสระในการเล่นมากขึ้นในยุคของคาร์โล อันเชลอตติ
ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับซานเชซที่บาร์ซ่า ที่เขาเป็นได้แค่ทาสของระบบ และบ่อยครั้งที่เป็นได้แค่ตัวสำรองของเปโดร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมใหญ่ๆ "อเล็กซิสต้องการอิสระ และที่บาร์เซโลน่า เขาต้องคอยคุมพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดเลย" ฮอร์เก้ ซามเปาลี อดีตนายเก่าทีมชาติชิลีกล่าวไว้เมื่อหลายปีก่อน "เขาต้องมาเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญา ที่ไม่เหมาะกับเขาเอาเสียเลย"
ซานเชซต้องอยู่ใต้ร่มเงาของลิโอเนล เมสซี่ที่บาร์ซ่า ขณะที่เควิน เดอ บรอยน์ เป็นกำลังสำคัญของซิตี้
แม้ต่อให้กวาร์ดิโอล่า จะให้เขาเล่นตรงกลางมากขึ้นที่ซิตี้ แต่ความรู้สึกที่ว่าซานเชซเป็นหมาป่าเดียวดายที่ไม่อาจอยู่ในกรง ก็ยังคงอยู่ ที่อาร์เซน่อล ที่ที่เขาเป็นนักเตะที่สำคัญที่สุดในทีม แต่บ่อยครั้งที่เขารู้สึกแปลกแยกจากเพื่อนร่วมทีมที่เหลือ เขาคอยไล่บอลอย่างไม่ลดละ เพื่อให้ได้บอลมา หลายครั้งที่เขาเป็นผู้ทำประตูชัยให้กับทีม แล้วก็เป็นเขาที่ครองบอลได้มากกว่านักเตะคนอื่นในสนาม
ประเด็นสุดท้ายที่สำคัญที่ซิตี้ก็คือ เรื่องการควบคุมบอลที่ถือเป็นหัวใจสำคัญ พวกเขามีค่าเฉลี่ยการครอบครองบอลและค่าความแม่นยำในการผ่านบอลที่มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยถ้าเอาจริงๆ แล้ว ใน 5 ลีกดังของยุโรป มีเพียงปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมเดียว ที่มีค่าเฉลี่ยนี้ดีกว่า แต่ว่าซานเชซ โดยสัญชาตญาณและโดยเนื้อแท้ ก็เป็นนักเตะที่เล่นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว โดยมีโชเซ่ โฮเลบาส ของวัตฟอร์ด เพียงคนเดียว ที่เสียบอลมากกว่าปกติในฤดูกาลนี้ ส่วนเควิน เดอ บรอยน์ ก็ใกล้เคียงกัน ที่เสียการครอบครองบอลมากถึง 501 ครั้ง
ถ้าหากย้ายมาร่วมงานกับกวาร์ดิโอล่า ซานเชซก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับปรัชญานี้ และเขี้ยวเล็บก็จะหายไปอีกครั้ง แต่หากเป็นที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชเซ่ มูรินโญ่ ก็จะให้เขาได้เล่นเป็นตัวฟรี และได้ลงเล่นสม่ำเสมอตามที่เจ้าตัวต้องการ ที่ซิตี้เขาอาจโดนโรเตชั่น แต่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาจะได้ลงเล่นจนต้องร้องขอชีวิต ซึ่งดูแล้วก็เป็นเรื่องที่เจ้าตัวเองก็ปรารถนา
มันอาจดูแปลกถ้าจะบอกว่ามูรินโญ่ ที่ขึ้นชื่อเรื่องอุดเน้นผล เป็นกุนซือที่เหมาะกับผู้เล่นแนวรุกมากกว่ากวาร์ดิโอล่า แต่ชื่อเสียงของกุนซือชาวโปรตุเกสรายนี้ในเรื่อง "เน้นปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี" บ่อยครั้งที่ถูกหาว่าชอบโอ้อวด กุนซือ
สเปเชียล วัน รายนี้อาจเน้นในสนามฝึกซ้อมหลายชั่วโมง ไปกับการฝึกเกมรับ แต่เขาก็มักจะทิ้งแนวรุกหนึ่งคนเอาไว้ให้เล่นได้อย่างอิสระเสมอ
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เคยเป็นหนึ่งในตัวอันตรายในเกมโต้กลับเร็วของมูรินโญ่สมัยยังอยู่เรอัล มาดริด
ในยุคเชลซียุคแรก มูรินโญ่ มีอาร์เยน ร็อบเบน เป็นนักเตะคู่บุญ ยุคต่อมาก็เป็นเอแดน อาซาร์ ขณะที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำในยุคของมูรินโญ่ (60 ประตู) หากพูดถึงอิทธิพลของบ็อบบี้ ร็อบสัน ในเรื่องเกมรุกของเขา มูรินโญ่ได้อธิบายไว้ว่า "ในเรื่องของเกมรุก ผมชอบแนวทางของบ็อบบี้ ที่มักจะให้อิสระกับนักเตะบางคนให้ได้เล่นตามที่เจ้าตัวต้องการ ไม่ต้องตามระบบทีม นักเตะ 2-3 รายที่สามารถหากินได้ด้วยตัวเองและสร้างความแตกต่างได้"
และนั่นก็เห็นได้ชัดเจนว่าทำไมยูไนเต็ด ถึงยังตะกุกตะกักอยู่บางเกมในฤดูกาลนี้ เกมรุกของมูรินโญ่ จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อได้นักเตะตามที่เขาต้องการ ลูกทีมมูรินโญ่จะเล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ต่อเมื่อมีแนวรุกที่เก่งเพียงพอ เขาจะให้ลูกทีมเล่นกันตามสัญชาตญาณและพาบอลขึ้นหน้าตามแต่สถานการณ์ ความฉลาด และให้เป็นไปตามธรรมชาติ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม พอมีนักเตะที่ฟอร์มตก จึงทำให้แนวรุกยูไนเต็ดดูจะเล่นกันแบบสะเปะสะปะและไม่เฉียบคม เพราะไม่มีตัวช่วยใดๆ
แผนการทำเกมรุกของมูรินโญ่จะพึ่งความเก่งและความสามารถของนักเตะ ซึ่งมีนักเตะไม่กี่คนที่เป็นเช่นนั้น หนึ่งในนั้นคือซานเชซ
แต่ก็ถือเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างยิ่งของนักเตะอย่างซานเชซ การรับมือเมื่อต้องเล่นเกมใหญ่ๆ ของมูรินโญ่ ที่มีอีกหลายเกมที่ต้องเจอในแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งสามารถส่งชื่อซานเชซลงเล่นได้ ที่กุนซือรายนี้มักทำทีมแบบรอบคอบเน้นผลจนเกินไป แต่ก็ไม่ถือว่าในเกมนั้นจะไม่มีโอกาสเลย และอย่างยิ่งถ้าหากได้นักเตะที่เฉียบคมเล่นเกมสวนกลับได้ดี
เกมรุกของยูไนเต็ด ในยุคโชเซ่ มูรินโญ่ เหมือนจะขาดส่วนผสมสำคัญส่วนนึง ซึ่งนั่นก็คือนักเตะแนวรุกในระดับท็อปคลาส ก่อนหน้านี้พวกเขาเล็งไปที่แกเร็ธ เบล และอองตวน กรีซมันน์ แต่ด้วยความที่อยู่ๆ ก็จะได้ซานเชซมาร่วมทีม ที่ถึงแม้ฤดูกาลนี้ดาวเตะชิลีรายนี้จะไม่เปรี้ยงปร้างซักเท่าไหร่ แต่ปีที่แล้วมีเพียงแฮร์รี่ เคน ที่ทำประตูหรือแอสซิสต์ (36 ลูก) ได้มากกว่าดาวเตะวัย 29 ปีรายนี้ อีกทั้งเขายังเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างแท้จริง และมูรินโญ่จะเป็นผู้ที่ทำให้เขาเฉิดฉายอย่างที่อาร์เซน่อลทำให้เขาไม่ได้ หรืออย่างที่ไปไม่รุ่งกับปรัชญาของกวาร์ดิโอล่า ทีนี้ก็เริ่มจุดพลุได้แล้ว
http://metro.co.uk/2018/01/17/why-jose-mourinho-not-pep-guardiola-is-the-perfect-manager-for-alexis-sanchez-2-7230987/
