"จีฉ่อย" ร้านของชำเล็กๆหนึ่งตำนานที่อยู่คู่จุฬาฯ
ในฐานะที่จุฬาฯครบรอบ 100 ปี ดิฉันมีเรื่องราวตำนานที่อยู่คู่จุฬาฯมาเม้ามอย แน่นอนว่าเด็กจุฬาฯ(เกือบ)ทุกคนจะต้องรู้จักร้าน"จีฉ่อย" ร้านของชำเล็กๆที่อัดแน่นไปด้วยของสารพัดสิ่งกองสูงเป็นภูเขาเลากา จีฉ่อยเปิดทำการมาหลายสิบปีโดยใช้ตั้งชื่อตามหญิงชราชาวจีนฟันทองเจ้าของร้าน
คนเล่ากันปากต่อปากว่า จีฉ่อยสามารถหาของได้ทุกอย่างไม่ใช่แค่ของจุกจิก แต่จีฉ่อยหาได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบทำให้เด็กจุฬาฯชอบไปท้าพิสูจน์อยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะไปสั่งข้าวหมูกรอบ บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง จีฉ่อยก็หาได้ ไปสั่งชุดครุย วันถัดมาจีฉ่อยนัดวัดตัวที่ร้านทันที ตัดออกมาดูดีถูกต้องตามระเบียบเป๊ะ จนกระทั่งมีคนกำเริบเสิบสานไปซื้อรถเบนซ์จากจีฉ่อย คุณป้าก็เดินไปควักแคตตาล๊อคออกมาให้เลือกจากหลังร้าน แถมจีฉ่อยยังบริการ 24 ชั่วโมง ทำงานดึกดื่นแค่ไหน เดินไปเคาะร้านแกแกลงมาบริการตลอด แล้วไม่รู้ว่าที่จีฉ่อยขายอยู่ทุกวันนี้ได้กำไรบ้างหรือไม่ เพราะทันทีที่เด็กเข้าไปสั่งของที่ร้าน ป้าแกจะบอกว่า "หนูนั่งก่อนๆ หาของแปปนึง หนูเปิดตู้เย็นหยิบน้ำกินเลยลูก" ฟรี!!! แล้วกว่าป้าแกจะหาเจอก็นาน พอๆกับ The mask singer ตอนเปิดหน้ากากทุเรียเพราะในร้านกองพะเนินไปด้วยของตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา ถมๆกันจนสูงเกือบถึงเพดาน ทางนี่ไม่มีให้เดินเลยคุณเอ๊ยยยย การตลาดแบบจีฉ่อยนี่น่าให้อ.เอกก์ แห่งบัญชี จุฬาฯ มาเก็บข้อมูลเป็นเคสศึกษาซักหน่อย
หลังจากเกริ่นมานานขอเข้าเรื่องนะคะ ดิฉันไม่เคยใช้บริการจีฉ่อยมาก่อนเลยค่ะ อยากได้อะไรก็เดินไปซื้อพารากอน จนกระทั่งหลายเดือนก่อน บริษัทที่ดิฉันทำอยู่จัดงานเปิดตัวโรงงานใหม่ซึ่งลูกค้าเข้าเยี่ยมชมประมาณ 500 คน โรงงานอยู่คลอง 14 ที่เกือบทะลุไปนครนายก (ความห่างไกลเทียบเท่า กรุงเทพฯ - ดาวอังคาร) ดิฉันก็เตรียมงานจนดึกดื่น จนกระทั่งทุ่มครึ่งงานทุกอย่างเรียบร้อย หัวหน้าก็พูดขึ้นมาว่า"บูม พรุ่งนี้งานเริ่ม 9 โมงเช้า แต่เราลืมเตรียมโทรโข่ง พี่ขอมอบหมายให้บูมไปตามหาโทรโข่งราคาถูกที่สุดจำนวน 4 ตัวให้ได้ก่อนพรุ่งนี้ 8 โมงเช้านะจ๊ะ (ฮิฮิ)" ร้อนถึงดิฉันต้องขับรถเข้าเมืองโดยเร็ว (เป็นชั่วโมงค่ะคุณ โรงงานกันดารมาก)
ตามหาทั้งร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า โฮมโปร Officemate และโทรหาน้องๆที่สนิท กระจายกำลังหาทั้งที่พารากอน มาบุญครองเดอะมอลล์ ไม่มีเล๊ยยย โทรโข่งที่ว่าราคาไม่กี่ร้อย จนกระทั่งสองทุ่มครึ่งค่ะ ดิฉันหมดหนทาง ลองโทรหาน้องศิษย์เก่านิติ จุฬาฯ เผื่อน้องมีไอเดีย
น้อง : ทำไมพี่บูม ไม่โทรสั่งที่จีฉ่อย
ดิฉัน : มันจะไปมีได้ไงแก๊
น้อง : พี่คณะผมยังเคยซื้อแกรนด์เปียโนจากจีฉ่อยเลย ทำไมจะไม่มี อ่ะ เอาเบอร์จีฉ่อยไป
เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!! งานแกรนด์เปียโนก็มา!!!!เอาวะ!! ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลองดู!!! ตรู๊ดดดด ตรู๊ดดด
จฉ. : ฮัลโหลล จ้าาาาา (เสียงยายๆหน่อย)
ดิฉัน : นั่นร้านจีฉ่อยรึเปล่าคะ
จฉ. : ใช่จ้าา ซื้ออะไรดีน้อง
ดิฉัน : หนูต้องการโทรโข่ง 4 ตัว ราคาตัวละไม่เกิน 500 บาท ยายมีมั้ยคะ
จฉ : ได้!!!! มี!!!! เดี๋ยวหาของก่อน อีก 5 นาทีพี่โทรกลับ!!!
เจ็ทตะแม่ หาทั่วไทย ไม่มี จีฉ่อยมี!!! ดิฉันรู้สึกเหมือนคำว่า "มีมั้ยคะ"ไปปลุกไฟในตัวของยายแกน่ะค่ะ 5 นาทีผ่านไป ยายโทรกลับมาค่ะ
จฉ. : น้อง!!! พรุ่งนี้เช้าของมาส่ง มาเอาได้เลย!!!
ดิฉัน : หนูลืมบอกไปค่ะ หนูต้องใช้พรุ่งนี้ 8 โมงเช้า แสดงว่าหนูต้องได้ของภายใน 7 โมงค่ะ
จฉ. : อ้าว งั้นไม่ทัน เค้าจะเอาของมาส่งให้ตอนสาย ไม่เป็นไร!!! ยังไงต้องได้! เดี๋ยวพี่โทรมาใหม่!
5 นาทีผ่านไป
จฉ. : (สุ้มเสียงแห่งชัยชนะ)หนู ของมาแล้ว มาเอาได้เลย ตอนนี้!!
ดิฉัน : (เอามือทาบอกเบาๆ) เดี๋ยวหนูขึ้นทางด่วนไป ครึ่งชั่วโมงถึงนะคะยาย
จฉ : ได้ๆ แต่อย่าเรียกชั้นว่ายายได้มะ? ให้เรียกพี่ แล้วถ้าเธอมาถึงนะ ชั้นอาจจะปิดร้าน เธอโทรมาได้เลย แล้วใช้ Password ว่า 'โทรโข่ง' นะ แล้วชั้นจะไปเปิดรับ เธอเข้าใจภาษาอังกฤษใช่มั้ย สมัยนี้มันเปิด AEC ชั้นต้องSpeak English น่ะนะ โอวเคร๊ กู๊ดบาย ซียาห์!!
…
..
.
(แดกจุดค่ะ)
ก่อนขับรถถึงร้าน คุุณยายร้านจีฉ่อยก็โทรมาตลอดทางค่ะ บอกว่าไม่ต้องรีบนะเธอปลอดภัยไว้ก่อนเดี๋ยวอันตราย พอมาถึงร้านที่สามย่านค่ะ ดิฉันก็เดินกล้าๆกลัวๆเข้าไปเคาะประตูหน้าร้าน สภาพร้านแน่นขนัดไปด้วยสิ่งของสมคำร่ำลือจนไม่เหลือทางจะให้เดิน แว่บแรกดิฉันไม่เห็นใครค่ะ สักพักมองลงไปด้านล่าง เจอหญิงชราสองคน คนนึงแก่ ฟันทอง ชื่อจีฉ่อย เป็นพี่สาว อายุอานามก็น่าจะเกือบ 80 แล้ว อีกคนเป็นน้องสาวชื่อพี่กั๊น (ไม่ยอมให้เรียกยาย)สรุปว่าคนที่คุยโทรศัพท์กับดิฉันคือพี่กั๊นค่ะ ดิฉันเข้าไปประมาณเกือบสี่ทุ่ม ได้ออกจากร้านมา 5 ทุ่มกว่าเพราะพี่กั๊นชวนเม้ามอยเป็นชั่วโมง ดิฉันก็ไม่ค่อยได้พูดหรอกค่ะ เพราะพออ้าปากจะพูด พี่กั๊นก็โพล่งขึ้นมาว่า “เอ๊ะ เธอ อย่าเพิ่งสิ ให้ชั้นพูดก่อน” ส่วนพี่สาวนาง คือคุณยายจีฉ่อย พี่กั๊นก็จะหันไปตะคอกเป็นภาษาจีน น่าจะใจความเดียวกันประมาณว่า 'หุบปาก!!'
พี่กั๊นสาธยายประวัติชีวิตตัวเองให้ฟังตั้งแต่แรก ว่าจบบัญชีม.เกษตร ได้ทุนไปเรียนต่อโทที่ออสเตรเลีย พอเรียนจบก็ได้ทุนต่อโทอีกใบที่ประเทศจีน แล้วก็กลับมารับราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จนกระทั่งเกษียณ เลยทำให้พี่กั๊นพูดได้ทั้งไทย จีน อังกฤษ ทุกวันนี้ก็รับงานแปลเอกสารจากทั้งนิสิตและอาจารย์จุฬาฯ
“ชั้นจะพูดภาษาอังกฤษกับเธอหมดก็กระไรอยู่”
“นี่เธอฟังเสียงนาฬิการ้านชั้นสิ มันexcellent perfect ขนาดไหน”
“ทำไมสี่ทุ่มแล้ว เธอยังขับรถทำงานอยู่ บริษัทไม่ให้OTหรอ ไม่ได้นะ มา ชั้นจะให้ค่าคอมเธอ” (ว่าแล้วก็เขียนบิลเกินมา 184 บาท ถือซะว่าให้ค่าคอม)
“เธอจะมาเซลฟี่กับชั้นไม่ได้นะ เพราะวันนี้ชั้นไม่สวย อย่ามาแกล้งทำเป็นยกมือถือขึ้นมาแอบถ่าย ชั้นรู้นะ ชั้นHitech”
หลังจากเม้ามอยกับดิฉันนานเป็นชั่วโมง พี่กั๊นยังคะยั้นคะยอจะเดินถือของไปส่งดิฉันที่รถแล้วก็หยุดยืนเม้ากับดิฉันอีก 15 นาที หน้าปากซอยตรงนั้นแหละค่ะ ลากันด้วยประโยคว่า “นี่ ชั้นรู้สึกถูกชะตา ว่างๆเธอโทรมาหาชั้นหน่อยสิ เบอร์นั้นแหละ โทรมาเม้ามอยกัน โน๊ะ” และรูปภาพพี่กั๊น จากร้านจีฉ่อย
“ถ้าเธอจะเอาชั้นไปเผยแพร่ในโซเชียล เธอต้องเอารูปที่ชั้นดูดี ถ่ายไปเลยที่ติดข้างฝาอยู่นั่นน่ะ”
สุดท้ายนี้ใครหาซื้ออะไรไม่เจอ ดิฉันเรียนเชิญนะคะ ร้านจีฉ่อย มีทุกอย่างบนโลก ยกเว้นผัว
รวดเร็ว ฉับไว ใส่ใจดุจญาติมิตร
ว่างๆก็ไปเม้ามอยกับแกได้นะคะ แกเหงา
ที่มา
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1688280117859464&set=a.529342090419945.119106.100000324764356