23 October 2017 01:58 PM by jedi
บทสรุปลีกพระรอง “ไทยลีก 2”


ฟุตบอลลีกไทยปิดฉากกันเกือบหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงลีกสูงสุด “ไทยลีก 1” ที่ยังมีโปรแกรมเตะอยู่ ส่วน “ไทยลีก 3” จบฤดูกาลไปก่อนใคร ขณะที่ “ไทยลีก 2” และ “ไทยลีก 4” รวมถึง “ไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก” เพิ่งจบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ว่ากันถึงบทสรุปลีกรองอย่าง “ที 2” กันหน่อยครับ ฤดูกาลนี้หวิดวุ่นวายเมื่อ “บีบีซียู” ทำตัวเหมือน “เด็กเล่นขายของ” ถอนทีมดื้อๆจนโปรแกรมการแข่งขันปั่นป่วน แถมยังเป็นทำลายภาพลักษณ์วงการฟุตบอลไทยให้เสียหายทั้งระบบอีก

เมื่อ “บีบีซียู” ถอนทีมกลางคันจึงทำให้ “ที 2” ต้องเหลือเตะแค่ 17 ทีมเท่านั้น แต่ละสัปดาห์จึงมีทีมลงแข่งไม่ครบ แต่สุดท้ายก็เตะกันได้จนจบฤดูกาลแบบลุ้นกันสนุก ไม่ว่าจะเป็นหัวตารางหรือท้ายตารางคะแนนขับเคี่ยวกันแบบมีรสชาติน่าดู

ที่สุดแล้วเป็น “นกใหญ่” ชัยนาท ฮอร์นบิล ที่คว้าแชมป์ไปครองด้วยการเก็บไป 67 คะแนน ทำสถิติไม่แพ้ใครในลีกติดต่อกันยาวนานถึง 18 นัดในระหว่างฤดูกาลนี้ ตีตั๋วกลับสู่ “ที 1” ได้อีกครั้งหลังจากเพิ่งตกชั้นมาในฤดูกาลเดียว

ปรบมือชื่นชมผู้บริหารที่ยังสู้ไม่ถอย ไม่ว่าจะเป็น “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ประธานสโมสรฯที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของทีมมาตลอด รวมถึง “เฮียรุท” อนุรุทธิ์ นาคาศัย รองประธานสโมสรฯและผู้จัดการทีมที่คอยดูแลทีมอย่างใกล้ชิดเสมอมา

แน่นอนว่า เดนนิส อมาโต กุนซือชาวเยอรมันต้องเป็นคนที่ได้เครดิตที่สุดด้วย ผู้อำนวยการกีฬาสโมสรบาเยิร์น มิวนิค อคาเดมี รายนี้เข้ามาทำทีมตั้งแต่นัดที่ 9 ต่อจาก ยียอร์น คลีม ที่โดนปลด หลังจากนั้น “นกใหญ่” ติดเครื่องจนบินกลับสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จ

ที่ลืมไม่ได้คือขุมกำลังพลนักเตะของ ชัยนาท ฮอร์นบิล ที่รวมพลังกันจนซิวแชมป์ จุดเด่นของทีมคือนักเตะต่างชาติที่ถือว่าเด็ด ไม่ว่าจะเป็น ฟลลรอง ซิเนมา ปงโกล, มุสตาฟา อาซัดซอย, ดิโอโก ซิลวา, กอร์กา อุลด้า และ ปาร์ค จอง โอ

ส่วนนักเตะไทยมีการผสมผสานกันอย่างลงตัวนำโดย อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์ และกำลังสำคัญอาทิ ธานัท จันทะยา, ปริญญา อู่ตะเภา, ฉัตรชัย คุ้มพญา, จีระ เจริญสุข รวมถึงที่ดาวยิงที่มาฮอตในช่วงท้ายฤดูกาลอย่าง ภูฟ้า ชื่นกรมรักษ์

เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ ตั้งแต่การเอาใจใส่ของผู้บริหาร เงินทุน คุณภาพโค้ชและนักเตะ ด้วยเหตุผลต่างๆเหล่านี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ ชัยนาท ฮอร์นบิล จะได้กลับมาสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง

ขณะที่รองแชมป์ของ “ที 2” ฤดูกาลนี้ตกเป็นของ “ทัพฟ้า” แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล ทีมลูกหนังที่เก่าแก่ของเมืองไทยตั้งแต่สมัยอดีตในชื่อของ “ทหารอากาศ” ที่ปีนี้เก็บไป 62 คะแนนได้กลับคืนสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง

ตัวผู้เล่นของ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล ไม่ถือว่าระบือลือนามเลย แต่ทีมนี้มีทีเด็ดที่ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ กุนซือคนโตตัวเล็กที่พาทีมทำผลงานได้ระเบิดเถิดเทิง ระหว่างฤดูกาลนี้เคยเก็บชัยชนะได้ติดต่อกันยาวนานถึง 11 นัด

“โค้ชเตี้ย” ปั้นนักเตะที่คนไม่ค่อยมีใครรู้จักอย่าง นพพล ผลคำ ไปติดทีมซีเกมส์ ส่วนอีกหลายคนทั้ง สันติภาพ จันทร์หง่อม, วันชัย จารุนงคราญ, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, กิตติไกร จันทะรักษา เริ่มมีชื่อเสียงและกลายเป็นที่ต้องการของทีมยักษ์ใหญ่

ส่วนผู้เล่นตัวเก๋ากลับมามีไฟและทำผลงานได้ดี ที่เด่นๆเลยคือ ธนา ศรีพันดร กับ แซมมวล ป.คันนิ่งแฮม ขณะที่ตัวต่างชาติก็ถือว่าลงตัวทั้ง เคนท์ วินเซนต์, บรูโน่ คอเรียอา, วัลโด้ ซัวเรซ, อเลกซานเดอร์ คาปิโซด้า และ คาซูมิชิ ทากากิ

น่าดีใจสำหรับแฟนๆ “ทัพฟ้า” เมื่อล่าสุดได้ข่าวว่า “โค้ชเตี้ย” ตัดสินใจทำทีมต่อ แต่บอกได้เลยว่าฤดูกาลที่รออยู่ข้างหน้าไม่ง่ายแน่ แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เคย “คัมแบ็ก” แล้ว แต่ก็อยู่ไม่รอด ดังนั้นหากจะอยู่รอดในลีกสูงสุดต้องทำอะไรอีกเยอะทีเดียว

สำหรับทีมอันดับ 3 ที่ได้เลื่อนชั้นสู่ “ที 1” ฤดูกาลหน้าขอปรบมือดังๆให้ “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ ที่สร้างประวัติศาสตร์ก้าวขึ้นสู่ลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรก ทีมของ “โค้ชวัง” ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เก็บไปทั้งหมด 59 คะแนน

ฤดูกาลนี้การชิงตั๋วใบที่ 3 ถือว่าลุ้นกันเข้มข้นมาก ทั้ง พีที ประจวบ อ่างทอง พีทีที ระยอง ลำปาง ทำแต้มเกาะกลุ่มกันมาตลอด ก่อนที่สุดท้ายจะเป็น “ต่อพิฆาต” ที่คว้าตั๋วใบสุดท้ายได้สำเร็จ

ประจวบเป็นทีมที่ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนอย่างดีและไม่แทรกแซงการทำงานโค้ช “โค้ชวัง” เรียกขุนพลคู่ใจและอดีตดาวดังหลายคนมาร่วมงานกับนักเตะชุดเก่าจนได้ตัวหลักอย่าง อดุลย์ หมื่นสมาน, สมภพ นิลวงศ์, อมร ธรรมนาม, ภานุวัฒน์ จินตะ, ซีเกต หมาดปูเต๊ะ

ทีเด็ดของ “ต่อพิฆาต” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านักเตะต่างชาติมีส่วนมาก โดยเฉพาะ เลอซีโอ โกเมซ ที่ยิงไป 10 ประตูและการเปิดบอลด้วยเท้าซ้ายหวังผลได้ฉมัง รวมถึง วิลเลน โมโต ที่ยิงไปถึง 17 ประตูในฤดูกาลนี้

การขึ้นชั้นว่ายากแล้ว แต่การจะอยู่ให้รอดในลีกสูงสุดยากกว่าแน่ เชื่อว่า “โค้ชวัง” น่าจะรู้ดีและคงต้องมีการเตรียมทีมกันแบบเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม “สามอ่าว สเตเดี้ยม” จะเป็นอีก 1 สนามที่แฟนบอลหลายทีมต้องการไปเยี่ยมเยือนแน่นอน

ถึงตรงนี้คงต้องยินดีอีกครั้งกับ 3 ทีมที่เลื่อนชั้นทั้ง ชัยนาท ฮอร์นบิล แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล และ พีที ประจวบ ส่วนทีมที่ต้องแสดงความเสียใจหนีไม่พ้นทีมที่ตกชั้นไปอย่าง “กระทิงเหล็ก” บางกอก ทีมบ๊วยที่มีแค่ 29 คะแนน

ส่วนอีกทีมคือ “วัวชนแดนใต้” สงขลา ยูไนเต็ด ทีมรองบ๊วยที่มี 34 แต้มเท่ากับ “ช้างขาวจ้าวเกาะ” ตราด ทีมอันดับ 15 ที่ถูกตัด 3 แต้มจากคำสั่งลงโทษของ “ฟีฟ่า” ทั้ง 2 ทีมมีแต้มเท่ากัน แต่ “เฮดทูเฮด” ของ ตราด ดีกว่าจึงทำให้ สงขลา ตกชั้นเป็นทีมสุดท้าย

นอกเหนือจาก บางกอก และ สงขลา ที่ตกชั้นไปตามระบบแล้ว “เสือป่าราชา” นครปฐม กับ “ปลาทูคะนอง” สมุทรสงคราม จะถูกปรับตกชั้นไป “ที 4” ในฤดูกาลหน้าด้วยเนื่องจากไม่ได้รับใบอนุญาตหรือ “คลับ ไลเซนซิง”

การปรับ นครปฐม และ สมุทรสงคราม ตกไป “ที 4” ทำให้ “ที 2” ฤดูกาล 2018 เหลือเพียงแค่ 16 ทีมเท่านั้น โดย 3 ทีมนอกใหม่ที่ขึ้นชั้นจาก “ที 3” ประกอบด้วย “สำเภาผยอง” สมุทรสาคร “เดอะทีเรกซ์” ขอนแก่น และ “ยักษ์แสด” อุดรธานี

ปิดท้ายที่ดาวซัลโว “ที 2” ตกเป็นของ โจนาธาน รีส กองหน้าชาวบราซิลของ “นาคามรกต” เกษตรศาตร์ ที่ยิงไป 28 ประตูช่วยทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ ขณะที่ สุพจน์ จดจำ ศูนย์หน้ากระบี่เป็นนักเตะไทยที่ยิงเยอะสุด 23 ประตูได้รองดาวซัลโวร่วม

นี่คือบทสรุปของลีกพระรอง “ไทยลีก 2” ที่ถือเป็นอีก 1 ฤดูกาลที่เข้มข้นไม่น้อย ส่วนฤดูกาล 2018 จะกลับมาเตะกันใหม่ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. 2561 นะครับพี่น้อง

“บับเบิ้ล”