จริงๆจะเขียนตั้งแต่เมื่อวานละแต่ไม่มีเวลา ผมเห็นด้วย 100% ที่ควรจะส่ง U-23 ไป และถึงจะมีการคิดคะแนนฟีฟ่าผมก็เฉยๆ จริงๆคะแนนฟีฟ่าปัญญาอ่อนด้วยซ้ำสำหรับผมนะ ยกตัวอย่างปีนี้เราเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายเอเชียคัดบอลโลก แล้วไปแพ้ทีมใหญ่ๆในเอเชียคะแนนลด ส่วนไอ้พวกที่ไม่ได้เข้าไปอุ่นเครื่องทีมแถวๆนี้ เกรดเดียวกันคะแนนขึ้นเฉย ผมคนนึงที่พูดนานแล้วว่าจะไประดับเอเชียให้ลืมไปได้แล้วบอลอาเซียน มีประโยชน์อะไรไปชนะเวียดนาม 5-0 แล้ว ไปแพ้ ซาอุ ญี่ปุ่น โดนเค้าตบกลับมาแบบสู้ไม่ได้
เหตุผลเดียวกับที่ซิโก้โดนปลด คือเป็นราชาที่อาเซียนซึ่งบังเอิญว่าในระดับเอเชียแล้ว
แทบจะไม่มีความสำคัญทางคุณภาพฟุตบอลอะไรเลย นอกได้ศักดิ์ศรีแข่งกันเองคริ้นเครง สะใจ ในวันที่คิดว่าตัวเองเป็นบาร์ซาอาเซียน ยึดติดศักดิ์ศรี ยึดติดความเป็นพี่ใหญ่แถบนี้ แต่พอไปเจอระดับเอเชียจริงๆในบอลทัวร์นาเมนท์ของจริงที่แข่งกันเพื่อโควต้าฟุตบอลโลก ปรากฎว่าเราสู้ไม่ได้เลย ยิ่งไปเล่นเกมส์รุกยิ่งโดนสวนกลับมา เจอเค้ายำ โดนตบกลับมา แล้วคือถามผม ผมอายอะเอาจริงๆนะ พูดกันตรงๆ จะให้ยึดติดต้องเป็นแชมป์อาซียน ในวันที่ฟุตบอลบ้านเราดีกว่าทุกประเทศในแถบนี้ทั้งบอลลีกทั้งทีมชาติ ถามว่าเอามาทำไม มีประโยชน์อะไรกับไอ้ความเป็นราชาอาเซียน ฟุตบอลในย่านนี้ถ้าเทียบเป็นเกรดสมมุติให้บอลโลกเป็น A class ซูซูกิคัพนี่ก็แทบจะ D class เพราะขนาดแชมป์(ไทย)ที่ชนะทีมอื่นๆขาดลอยก็ยังแทบจะเป็นบ๊วยในรอบ 12 ทีมสุดท้ายเอเชีย
ผมคนนึงนะที่รู้สึกดีมากๆที่เราก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งอาเซียนได้ เล่นแบบสวยงาม เอาจริงๆผมอินนะดีใจเหมือนแฟนบอลคนอื่นๆตอนเราแชมป์แล้วประเทศเพื่อนบ้านพากันยกย่อง ต่อบอลติ๊กต๊อกใส่เวียดนาม มาเลย์ เรื่องในอาเซียนอันนั้นก็ต้องให้เครดิตซิโก้ ... แต่ปัญหาคือพอก้าวออกมาจากอาเซียนไปเจอเอเชียปุ๊ป ไปเจอความจริง จากที่เคยครองบอล ต่อบอลสวยๆตอนเจอทีมอาเซียนไปเจอเพรสซิ่งของจริงระดับเอเชียไปไม่ได้ แล้วต้องให้ไปเจอทีมระดับญี่ปุ่น เจอตะวันออกกลาง ถึงจะรู้เกมส์รับจริงแล้วแมร่งยุ่ยเป็นกระดาษทิชชู่ จากที่เคยไล่ยำทีมอ่อนกว่าพอเจอของจริง ทั้งโค๊ช ทั้งนักเตะ จัดการอะไรไม่ได้เลย จะยืนตำแหน่งกันแบบไหน จะเล่นแท็คติกส์ เล่นเกมส์รับอะไรยังไง ทำไม่ได้เลย ทำได้อย่างเดียวคือวิ่งไล่บอลแล้วก็ภาวนาให้ฝั่งตรงข้ามเค้าไม่คมแค่นั้น ทำได้แค่นั้น
ถ้าอีกห้าปี ให้เลือกธีมการพัฒนาระบบการเล่น ระหว่างพัฒนาเกมส์รุกเอาให้สวยงานสุดๆให้ชนะเวียดนาม 10-0 กับพัฒนาเกมส์รับให้ไปยันเสมอยุเออีนอกบ้านให้ได้ 0-0 ผมเลือกอันหลังดีกว่า อันแรกไม่มีประโยชน์ เพราะจะไปบอลโลกยังไงก็ต้องถีบตัวเองไประดับญี่ปุ่น เกาหลี หรือตะวันออกกลางอยู่แล้ว บอลอาเซียนระดับการเล่นต่ำกว่าเรานอกจากจะไม่ช่วยพัฒนาตัวเองแล้วยังไปเพิ่มอีโก้ ไปปลุกฝังความคิดนักเตะให้หลงตัวเองว่าเก่งกว่าชาวบ้านเค้าอีก
สรุปคือไม่มีประโยชน์ครับ บอลอาเซียนหลังจากนี้จะถ้วยไหนก็ช่างผมว่าส่งชุดเล็กไปเป็นหลัก เน้น U23 นี่แหละเอาไปแข่งกับชุดใหญ่ได้กระดุกเพิ่มอีก ไทยลีกพัฒนห่างจากเพื่อนบ้านไปเยอะนะ เด็กพวกนี้ เทคนิค แท็คติกส์ วินัยการเล่น ผมว่าดีกว่าเวียดนาม อินโด มาเลย์ เหลือแค่ประสบการณ์ ซึ่งจะได้ก็ต้องไปเอากับทัวร์นาเม้นท์แบบนี้แหละ และถึงจะแพ้กลับมาไม่ได้แชมป์ ผมก็ไม่แคร์ เพราะเด็กไปแข่งกับผู้ใหญ่ถ้าแชมป์คือสุดยอดแพ้กลับมาก็เสมอตัว แถมยังไงก็ได้กระดุกได้ประสบการณ์มาเต็มๆต่างจากเวลาไปแข่งกับรุ่นเดียวกัน
แล้วความจริงเราน่าจะคิดได้นานแล้วกับเรื่องแบบนี้อาจจะเพราะแต่ก่อนฟุตบอลบ้านเราไม่ได้ดีกว่าเพื่อนบ้านแบบมีช่องว่างขนาดนี้แต่ตอนนี้เราก้าวพ้นอาเซียนไปแล้ว เป้าหมายต้องไกลกว่าเดิมได้แล้วคือจะทำยังไงถึงจะมีโอกาศไปฟุตบอลโลก ทีมชาติชุดใหญ่ควรจะมองไปข้างหน้า ตอนนี้คุณภาพเรามาในจุดกึ่งกลางแล้วคือดีกว่าอาเซียนแต่ยังไปไม่ถึงระดับเอเชีย อะไรที่ไม่สามารถช่วยพัฒนาทีมชุดใหญ่เราได้ หรือเซฟความฟิต การที่ต้องจัดเต็ม ต้องไปเสียแรง เสียกำลัง เสี่ยงกับอาการบาดเจ็บ เพื่องแลกกับศักดิ์ศรีที่ไม่ได้มีผลกับการพัฒนาคุณภาพที่แท้จริง ผมไม่สนใจนะ จะชนะน๊อคเวียดนามสิบยกก็ไม่มีประโยชน์ สู้เอาเวลาไปหาทางไล่ต่อย ญี่ปุ่น เกาหลี ให้โดนซักสองสามหมัดยังดีกว่าผมคิดแบบนี้ และคนที่สนัลสนุนแนวคิดนี้มาตลอดคือโค๊ชเฮง เพราะถ้าถามว่า ถ้าสมมุติผมมีตำแหน่ง มีอำนาจที่จะจัดการเรื่องนี้ได้ผมก็ไม่กล้าทำ เพราะถึงจะเป็นเรื่องที่ถุกต้องต่อการพัฒนาในระยะยาว แต่ส่งเด็กไปหากตกรอบมามีคนด่าเต็มบ้านเต็มเมืองแน่นอน เอาใครมาก็ไม่กล้าทำหรอก ต้องเป็นคนแบบโค๊ชเฮงเท่านั้นถึงจะทำเรื่องอะไรแบบนี้ได้ อันนี้พูดกันตามตรง
ปล. อุ๊ยมีเรื้อนด้วย หรือว่าไปสะกิดติ่งใครอะไรยังไงรึเปล่า