02 October 2017 02:37 PM by เบน ฟรีคิก
เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน


ความทรมานของการดู”หงส์แดง” ณ ช่วงเวลานี้ บอกตามตรงว่ามาถึงจุดที่ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้วครับ

เพราะการที่ต้องมารับชะตากรรมว่าทีมรักต้องเสียประตูให้คู่แข่งอย่างน้อย 1 เม็ดในแต่ละเกมมันทำให้ความมั่นใจ ความสบายใจในการดูมันไม่เหมือนเก่า

ยุคการมาหน 2 ของเคนนี่ ดัลกลิช จะยิงแต่ละประตูยากเย็นแสนเข็ญมากแต่ยังมีบาลานซ์เมื่อเกมรับแน่นปึ๊กมาก

ยุคเบรนแดน ร็อดเจอร์ส หลังรั่วเกินห้ามใจ แต่แนวรุกมักยิงมากกว่าเสีย ปัญหาดังกล่าวจึงถูกมองข้ามไป ลงเล่นเกมไหนเดอะ ค็อปมั่นใจว่าวันนี้ต้องได้เฮมากกว่าเสีย

แต่มาถึงยุคเยอร์เก้น คล็อปป์ จากที่เกมรับถูกพูดถึงจากบุคคลทุกสาขามาเป็นเดือน ตอนนี้สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาคือการจบสกอร์(ทั้งๆที่ปัญหาเก่ายังไม่มีวี่แววว่าจะมีการแก้ไขได้เลย)

จากที่เคยบุกแล้วยิงได้เป็นกอบเป็นกำ ก็เริ่มใช้โอกาสเปลือง กลายเป็นเข้ากรอบน้อยลง เป็นประตูน้อยลง และลงท้ายด้วยการทำแต้มหล่นหายเป็นพฤติกรรมสะสมที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นกับทีมฟุตบอลในระดับแบบนี้ได้

ขนาดอาร์เซนอลที่ว่าโอกาสเยอะ ยิงนกตกปลา แต่ก็จะมีนัดที่ปล่อยของ ยิงได้เรื่อยๆเก็บชัยมาฝากแฟนบอลสลับกับเสียงด่าในเกมต่อไป

ผมมองว่าอยู่ดีๆเกมรุกจบสกอร์เข้าขั้นทรพี ส่วนนึงมาจากการไม่มั่นใจในเกมรับ การถูกกรอกเข้าหูจากโค้ชเรื่องให้เน้นการจบสกอร์ทุกๆก่อนการซ้อมประจำวัน หรือ รับข่าวสารจากสื่อทั่วทุกแขนงมันมีผลทางด้านจิตวิทยาไปเต็มๆ

จากที่เมื่อก่อนจะยิงก็ยิงตามธรรมชาติ ตอนนี้มีแต่ความเกร็ง คิดแล้วคิดอีก กลัวยิงไม่เข้าแล้วแนวรับจะสร้างงาน เกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน มันจึงออกมาในรูปของผลลัพท์

ผมคิดอย่างนั้นนะ

เกมเสมอเซบีญ่า 2-2,เสมอเบิร์นลีย์ 1-1,แพ้เลสเตอร์(คาราบาว คัพ) 2-0 ,เสมอ สปาร์ตัก มอสโกว์ 1-1 และล่าสุดเสมอ นิวคาสเซิ่ล 1-1

ทั้งหมดคือเกมที่ผมดูแล้วมันชนะเห็นๆครับ คุมเกม ครองบอลได้หมด มีโอกาสนับร้อยนับพันครั้ง มีโอกาสที่จะตอกห่าง 2 ลูกทั้งสิ้น แบบว่านั่งดูคิดในใจว่าไม่ชนะก็ไม่รู้จะว่าไง แต่มันเป็นไปแล้ว และ เป็นไปได้ยังไง แบบงงๆ

เกมล่าสุดกับ”สาลิกา” ประตูที่เสียตอกย้ำถึงความหละหลวมและพร้อมจะเสียประตูทุกเมื่อของลิเวอร์พูลอย่างแท้จริงครับ คู่ต่อสู้รู้กันหมดแล้วว่าคิดอะไรไม่ออกเปิดบอมบ์เข้าเขตโทษเดี๋ยวมันต้องมีอะไร

การเสียประตูลูกนั้น มาจากการเสียบอลของดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และกลางอย่างไวจ์นัลดุมไม่ปรี่เข้าประชิดเชลวีย์ ซึ่งการที่เซนเตอร์ดันสูงมาถึงครึ่งสนามเพื่อเช็กออฟ หรือมาร์คกองหน้าเป้าไม่ให้รับบอลหรือพลิกบอลเมื่อโดนโต้กลับ จึงกลายเป็นวางระเบิดตัวเองครับ

เล่นแบบนี้กลางต้องจมูกไว เข้าบอลเร็ว อย่าให้คนได้บอลฝ่ายตรงข้ามมีเวลา หรือได้เหลือบมอง ไม่งั้นเซ็นเตอร์ฉิบหายครับเนื่องจากพื้นที่จากกลางไปยังประตูมันเยอะมากพอที่จะวางข้ามหัวได้(สังเกมเวลาทีมที่เก่งกว่าขึงและบดตอนรุก คู่แข่งจะหันหน้าออกมาไม่ว่าจะรับหรือรุกแต่บรรดากลางและรุกจะต้องหันหลังให้ประตูตัวเองเท่านั้น จึงโต้กลับยากถ้าเอาตัวรอดไม่เก่งจริงๆเพราะจะโดนเข้าเร็ว ไม่สามารถพลิกบอลหันหน้าได้ บังเอิญเชลวีย์เก็บตกหันหน้ามองเห็นทุกอย่างใสแจ๋ว)

ผมคงไม่พูดถึงประเด็นล้ำหน้าของ โฆเซลู เพราะมันนิดเดียวจริงๆแต่ขนาดโจเอล มาติปวิ่งไม่เร็วยังควบทันไปสไลด์แต่เพราะคนมันจะซวยไงครับ ตอนเสียประตูนี่ผมก่ายหน้าผากเลย โดนยิงง่ายๆแบบนี้อีกแล้วเหรอ บั่นทอนจิตใจทั้งคนเล่น คนดูสุดๆ (แฟนนิวยังแซวว่าปล่อยให้ยิงอาจติดเซฟ หรือไม่ก็อาจจะออกด้วยซ้ำ ฮา)

ประเด็นฟีร์เมียโน่ และ หริด มีดีคนละอย่าง คนแรกเก็บบอลเก่ง เสียบอลน้อยกว่า(ไม่นับฟอร์มล่าสุดกับสปาร์ตักนะ) ส่วนฝ่ายหลังมีสัญชาตญาณจบสกอร์ดีกว่าเพราะเป็น ST แต่ฟีโน่เป็น FW หรือออกไปแนว AMC มันจึงได้อย่างเสียอย่าง

แต่โดยส่วนตัวผมชอบฟีโน่มากกว่าเพราะการเล่น 4-3-3 ในยามที่ไม่มีตัวรับธรรมชาติ หรือ แนวรับที่ไว้ใจ การเสียบอลโดนโต้กลับจึงอันตรายเป็นอย่างมาก

หริด แกเสียบอลง่ายแบบนี้มาตั้งแต่สัย BR แล้วครับ และโดนโต้กลับเสียประตูหลายลูกเหมือนกัน ผมเลยคิดว่าสไตล์ JK เหมาะกับฟีโน่มากกว่าเพียงแต่เห็นด้วยว่าเกมกับ”สาลิกา” ควรเป็นโอกาสของหริดเนื่องจากแข้งบราซิลเล่นกากมากในเกมแชมเปี้ยนส์ลีก

ผมว่าทั้ง JK+สต๊าฟ รวมถึงนักเตะ อาจจะงงอยู่หน่อยๆในการเยือนเซนต์ เจมส์ พาร์คหนนี้ เพราะผมค่อนข้างเชื่อว่าลิเวอร์พูลคาดหวังจะสวนกลับนิวคาสเซิ่ลที่เล็งบุกเพื่อ 3 แต้มต่อหน้าแฟนบอล

แต่กลายเป็นว่ามันคล้ายๆเล่นที่แอนฟิลด์ เพราะหลังเล่นไปไม่นานพอเจอลูกยิงผีจับยัดของคูตินโญ่ และ โฆเซลู ตีเสมอได้ ฝั่ง”สาลิกา” รู้แล้วครับว่าเล่นรับลึกไปเลยดีกว่า แฟนโห่ช่างมันและไปลุ้นตอนบุกขำๆเผื่อแผงหลัง”หงส์แดง”มอบโชค

นี่นึกภาพไม่ออกครับที่ลูกยิงทดเจ็บของดิยาเม่ไม่ติด ลอฟเรน จะช็อกกันขนาดไหน หรือ เสียจุดโทษ คงต้องบอกว่าฉิบหายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

การที่คู่แข่งรับลึกแล้วมีมิดฟิลด์ไม่คล่องอย่างเฮนโด้,ไวจ์นัลดุม มันเลยไม่สามารถเล่นแบบกินตัวได้ หรือเล่นแบบเคาะแล้วออกตัววิ่งเพื่อกินพื้นที่(เหมือนลูกที่คูตี้ยิงสปาร์ตัก ปราก อันนั้นใช้ความคล่องและเซ้นส์ทำชิ่ง 1-2 ) การให้เซนเตอร์ตั้งบอลแล้วจ่ายขวางจึงไม่เกิดประโยนช์ครับ

และบอลอุดแบบนี้ แมนฯซิตี้(หรือจะรวมบาร์ซ่าไปด้วย) เค้าจะมีวิธีครับเพราะนักเตะคล่องเยอะ(แม้กระทั่งตัวตัดบอล) การตักบอลข้ามหัวให้แบ็คหรือปีกตัดหลังตัวประกบแล้วปาดมาที่จุดนัดพบคือการเล่นที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพียงแต่”หงส์แดง”ไม่มีศักยภาพพอ นักเตะไม่เอื้อ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการได้ประตูขึ้นนำ 1-0 และรักษามันไว้ไม่ได้ก็ต้องทำใจกับการที่คู่ต่อสู้ฟื้นและเปลี่ยนวิธีการเล่นแทนที่จะล่อให้เค้าบุกเพื่อเปิดพื้นที่สวนกลับกลายเป็นพวกมาเน่,ซาล่า เล่นไม่ออก แน่นไปหมด โดยเฉพาะคนแรกจับบอลแรกห่วยมาก กระเด้งกระดอนทำให้นึกถึงเดิร์ก เคาท์เป็นที่สุด

เกมรับนอกจากเซนเตอร์แล้ว ผมว่าแบ็คสองข้างก็มีส่วนทำให้ทุกอย่างได้รับผลกระทบด้วย ไม่เขี้ยวพอ อย่างโกเมสก็ทราบๆกันดีหลุดง่าย ส่วนโมเรโน่ก็มั่นใจในความเร็วไม่ค่อยยืนชิดกับปีก ชอบแบบเปิดให้เค้าได้บอลก่อนแล้วค่อยใช้ความเร็ววิ่งไปหา(ประมาณโชว์เก๋าว่ากูเร็วกูอ่านเกมเก่ง) แต่ถ้าเจอพวกเจนจัดดึงจังหวะเก่งนี่หลุดยาวนะครับ

ลองนึกดูครับ มาติปที่ว่านิ่งๆไว้ใจได้เริ่มติดเชื้อเพื่อนร่วมทีมแล้ว มันส่งผลทุกอย่างครับ ความไว้ใจ การเล่นแบบไม่ระแวงมันมีผลมากในเกมฟุตบอล(รวมถึงกีฬาประเภทอื่น)

จุดที่เป็นภัยแฝงเงียบอีกอย่างที่ เดอะ ค็อป ต้องมองให้ดีๆนะครับคือขุมกำลังสำรอง ที่ปีนี้มองแล้วดูดีกว่าซีซั่นก่อน มีทั้งอ็อกซ์เลด เชมเบอร์เลน,สเตอร์ริดจ์,โซลันเก้,วู้ดเบิร์น

แต่....เป็นแค่ชื่อครับเพราะในเมื่อไม่สามารถปิดเกมตั้งแต่เนิ่นๆ ต้องลุ้นจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายมาทุกนัด มันก็เลยเปลี่ยนตัวไม่ได้ มาเปลี่ยนเอาก่อนหมดเวลา 5-6 นาทีมันก็ไม่ช่วยอะไร และกลายเป็นตัวสำรองเล่นยากครับเพราะพื้นที่มีน้อย

ดังนั้น”กรอบ” กำลังจะถามหา JK ไม่ไว้ใจตัวสำรอง ใช้หน้าเดิมๆวนกับตัวอื่นแค่คนสองคนอันนี้น่าสนใจครับ เพราะปีนี้มีบอลยุโรปด้วย

ผมมองว่ากระแสไล่คล็อปป์ที่มาแรงอาจจะเพราะมาจากความเบื่อหน่าย ส่วนผมยังคิดว่าเร็วไปครับ ปัจจัยที่ทำให้ทีมอยู่ในสภาพนี้ส่วนนึงมาจากนักเตะเองด้วย ลูกที่ควรเข้าแน่ๆ หลุดเดี่ยวหริดยังยิงติดเซฟ ไวจ์นัลดุมยิงชนคาน เพื่อนซ้ำ 5 หลายังไม่เข้า เรื่องพวกนี้มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของโค้ชนะครับ เปลี่ยนตัวผู้นำบ่อยๆมันจะทำให้ทีมเสียเงินในการสร้างทีมใหม่ นักเตะต้องมารับแท็คติกส์ใหม่ เดินใหม่กันอีก ดังนั้นควรต้องทำใจปล่อยวาง เข้าใจว่าก่อนฤดูกาลเริ่มหลายคนมองถึงการลุ้นแชมป์กันนู่นเลย

ไม่น่าเชื่อครับ 7 นัดหลังนับตั้งแต่ชนะอาร์เซนอล 4-0 ลิเวอร์พูลชนะแค่เกมเดียว เกมเดียวจริงๆครับและเกือบไม่ชนะ 7 นัดรวดหากเจมี่ วาร์ดี้ยิงจุดโทษเข้า

เดอะ ค็อปแบกรับความรู้สึกแย่ๆมาตลอดทั้งเดือนกันยายนรวมถึงต้องทนดูความฉิบหายที่เรียงกันมาอีก(เพราะดูแล้วปัญหาไม่น่าจะแก้ได้ในเร็วๆนี้)

โปรแกรมนัดต่อไปคือเล่นในบ้านเจอแมนฯยูไนเต็ด บอกเลยครับชั่วโมงนี้ขอแค่เสมอก็ดีใจแล้วเพราะ”ปีศาจแดง” ณ เวลานี้โคตรโหด ทรงบอลเขี้ยวมาก กลางอย่างมาติช เฟลไลนี่อย่างปึ๊ก

แล้วเซนเตอร์หงส์แดงจะเอาอะไรไปยันสู้เวลาลูกากูพิงครับ ตายกันยกเข่งแน่ๆ

นี่ยังไม่รวมโจเซ่ มูรินโญ่ ที่แกช่ำชองเหลือเกินกับเกมใหญ่ เกมที่ใช้แท็คติกส์เข้าสู้ ผมเชื่อเหลือเกินว่าลูกตั้งเตะทั้งหลาย ฟรีคิก เตะมุม มีแน่ๆครับ เฟลไลนี่สระผมรอไว้ล่วงหน้าแล้ว

ยิ่งเป็นบอลหลังทีมชาติด้วยแล้ว สถิติ”หงส์แดง” ดูไม่จืดเอาซะเลย

ปี 2014 ผมไปดู ลิเวอร์พูล แพ้ เชลซี คาแอนฟิลด์ 2-0 จนหัวร้อนกลับมาเป็นเรื่อง

ปี 2017 กำลังจะได้ไปเยือนแอนฟิลด์อีกครั้ง แต่ไปพร้อมกับความรู้สึกที่รู้ว่าจะต้องเสียประตูให้คู่ต่อสู้ และ แนวรุก จะใช้โอกาสเปลืองที่ไม่รู้จะมีประตูให้ได้เฮต่อหน้าซักครั้งในชีวิตหรือเปล่า

แต่บอกไว้ก่อนครับว่าคราวนี้ทำใจไว้แล้ว และจะไม่หัวร้อน ยอมรับสภาพกับผลที่ออกมา
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2958
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 2:48 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
อ้างอิงจาก:
เฟลไลนี่สระผมรอไว้ล่วงหน้าแล้ว  

55555 สำลักกาแฟตอนบ่ายเลยครับ



เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 1224
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 2:49 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
ปีนี้ไปดูนัดไหนครับ คุณเบน จะได้หาจากถ่ายทอดสด
0
0
เข้าร่วม: 16 Feb 2005
ตอบ: 3796
ที่อยู่: เซิร์ฟเวอร์ซอคเกอร์ซัค
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 2:54 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
taefowler พิมพ์ว่า:
ปีนี้ไปดูนัดไหนครับ คุณเบน จะได้หาจากถ่ายทอดสด  


แดงเดือด
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 5032
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 2:57 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
ตัวเล่นลูกโด่งดีๆทั้งนั้น รอบนี้แมนยูมาแบบบดใส่แน่นอน
0
0
เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 1224
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 3:01 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
เบน ฟรีคิก พิมพ์ว่า:
taefowler พิมพ์ว่า:
ปีนี้ไปดูนัดไหนครับ คุณเบน จะได้หาจากถ่ายทอดสด  


แดงเดือด  


แม้จะไม่ค่อยมั่นใจ แต่ผมฟันธงว่าไม่แพ้ครับ ศักดิ์ศรีค้ำคออยู่
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1688
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 3:04 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
ใครลงแบ็คขวานี่ไม่เคี่ยวจริงนี่มีเสียคนอ่ะไม่ว่าจะเจอแรชหรือหมากก็ตาม
0
0
เข้าร่วม: 22 Jun 2007
ตอบ: 17782
ที่อยู่: ดินแดนอันไกลโพ้น.....
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 3:12 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
นานแล้วเหมือนกันนะ ที่ไม่ได้อ่านบทคอลัมน์จากท่านนายก

ปล.ไปดูสดถึงขอบสนามคราวนี้หวังว่าพี่เป็นตัวนำโชคให้ลิเวอร์กลับมามีชัยชนะในรอบหลายนัดนะครับ ไม่งั้นกลับมานี่โดนแฟนคลับเอามายำนานสองนานอีกเป็นแน่แท้


ปล. ฝากพี่หิ้วยอดหญ้าในแอนฟิลมาฝากผมด้วยซักกำมือนะ นะครับ



0
0
จะเพื่อนกิน..หรือเพื่อนตาย..ก็เพื่อนเรา..แล้วเราจะไม่เดินเดียวดาย....


เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 619
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 3:19 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
ยังไงก้อตาม แดงเดือดไม่เคยง่ายสำหรับทั้งสองทีม
เป็นแบบนี้มาตั้งนานนม ที่ไม่ว่าทีมไหนจะฟอร์มแย่ขนาดไหน แดงเดือดกลับมาวิ่งเป็นม้ากัน

ความเป็นอริในกีฬาฟุตบอล อาจจะมีกระทบกระทั่งกันตามสมควร แต่ไม่มีแตกแยกกันแน่นอน

นี่ละที่ทำให้ฟุตบอลเป็นกีฬาที่สนุกและมีเสน่ห์มากที่สุด

ปล. ระวังฟูทีมผมให้ดี ห้ามบอกว่าไม่ใช่ฟุตบอลอีกนะ

(เกเก้นคร็อป เฮลตี้ เมทัลฟุตบอล เตะบอลเพื่อสุขภาพ)



เข้าร่วม: 24 Jul 2008
ตอบ: 1181
ที่อยู่: Into The Pit Magazine
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 3:21 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
เขียนเองไม่ได้แบบนี้ แต่เห็นด้วยหมดอ่ะครับ โดยเฉพาะที่มันเหนือการควบคุมของโค้ชจริงๆ เรื่องสากเนี่ย มีแต่ต้องเปลี่ยนนักเตะที่ไว้ใจได้จริงๆ

ส่วนตัวผมไม่ไล่คลอปป์ เพราะรู้สึกว่าความกากมันหนักไปทางนักเตะมากกว่าโค้ชนะ ตอนนี้เอาเป๊ปมาคุมก็ลำบากเหมือนกัน
0
0
เข้าร่วม: 07 Aug 2008
ตอบ: 7185
ที่อยู่: Tower Records Shibuya
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 3:23 pm
[RE]เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน
เมื่อเฟลไนี่ลงสนามมันก็ไม่ใช่ฟุตบอลอีกต่อไป

มีอย่างที่ไหน สระผมรอละ
0
0
silent siren: フジヤマディスコ
เข้าร่วม: 06 Apr 2017
ตอบ: 3928
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 3:26 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
เจอแมนยูที่ไม่มีป็อกผมว่าหงส์ไม่แพ้นะ ดีไม่ดีอาจชนะด้วย แต่คิดว่าน่าจะจบเสมอ
0
0

เข้าร่วม: 16 Sep 2008
ตอบ: 1041
ที่อยู่: LOL
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:19 pm
[RE]เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน
จุด peak หรือ จุด weak ครับ พี่เบน

ปล. เจอ อ๊อกซ์ เลียบด่วน เข้าไป ถึงกับแทบจะไปไม่เป็นเลยหงส์

ปล2. ผมเชียร์หงส์รองมาจากปืนนะ
0
0
เข้าร่วม: 03 Nov 2014
ตอบ: 2601
ที่อยู่: ลำปาง
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:22 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
taefowler พิมพ์ว่า:
เบน ฟรีคิก พิมพ์ว่า:
taefowler พิมพ์ว่า:
ปีนี้ไปดูนัดไหนครับ คุณเบน จะได้หาจากถ่ายทอดสด  


แดงเดือด  


แม้จะไม่ค่อยมั่นใจ แต่ผมฟันธงว่าไม่แพ้ครับ ศักดิ์ศรีค้ำคออยู่  


ขอแค็ปเม้นนี้ครับ จะได้มีเรื่องไว้ล้อหลังเกม หรือไม่ก็รอโดนล้อ โดยมีนายกเป็นพยาน

เข้าร่วม: 11 Feb 2017
ตอบ: 1224
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:24 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
BECKHAM1983 พิมพ์ว่า:
taefowler พิมพ์ว่า:
เบน ฟรีคิก พิมพ์ว่า:
taefowler พิมพ์ว่า:
ปีนี้ไปดูนัดไหนครับ คุณเบน จะได้หาจากถ่ายทอดสด  


แดงเดือด  


แม้จะไม่ค่อยมั่นใจ แต่ผมฟันธงว่าไม่แพ้ครับ ศักดิ์ศรีค้ำคออยู่  


ขอแค็ปเม้นนี้ครับ จะได้มีเรื่องไว้ล้อหลังเกม หรือไม่ก็รอโดนล้อ โดยมีนายกเป็นพยาน

 


ไม่กลัว เพราะเราไม่มีอะไรให้อายไปมากกว่านี้แล้ว
เข้าร่วม: 04 Nov 2008
ตอบ: 1422
ที่อยู่: V4r
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:25 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
เห็นด้วยครับ ไล่คงไม่ไล่คงแค่บ่นๆกันไป แต่คล๊อปมีเวลา เตรียมทีม มีเวลาซื้อตัวลองนั้นลองนี่

เข้าฤดูการที่3ละ มันควรจะดีกว่านี้ นี่แทบจะไม่ได้พัฒนาอะไรขึ้นเลย

มูริญโญ่จากแมนยูตอนนั้น แล้วดูแมนยูตอนนี้ ปัญหาต่างๆแทบจะแก้ได้หมดภายใน2ฤดูกาล

คล๊อปใครว่าใครติงอะไรไม่เคยฟัง

เชื่อมั่นในนักเตะกากๆบางคนที่ตัวเองมี แล้วตอนนี้เป็นไง ทนกันต่อไปหวังว่าจะลดอีโก้ลงได้ ก่อนจะถึงตอนที่สายไปเสียแล้วนะ
Liverpool
เข้าร่วม: 19 Feb 2011
ตอบ: 5047
ที่อยู่: Ashburton Grove
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:27 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
รูปแบบการเล่นนัดเจอปืนหายไปไหนหมด หรือพวกจำทางได้หมดแล้ว
0
0
เข้าร่วม: 25 Nov 2014
ตอบ: 5780
ที่อยู่: 13.999890, 100.685606
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:36 pm
[RE]เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน
ระบายมันออกมา ท่านนายก

0
0
ปีศาจที่น่ากลัวที่สุดคือปีศาจร้ายที่เรียกตัวเองว่า "คนดี"

---#################################---

คนเรา..ตายเป็นตาย..ขอทำในสิ่งดี !






เข้าร่วม: 12 Aug 2009
ตอบ: 2534
ที่อยู่: ที่สอนคน
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:41 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
มือดีพระนคร พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
เฟลไลนี่สระผมรอไว้ล่วงหน้าแล้ว  

55555 สำลักกาแฟตอนบ่ายเลยครับ  


เห็นด้วยครับ มุกนี้ฮาจริง
ปล.ท่านนายก เดินทางปลอดภัย ครับ
0
0
my name is PG
P=passion
G= gentle
เข้าร่วม: 12 Aug 2009
ตอบ: 2534
ที่อยู่: ที่สอนคน
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:43 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
แอบมายิง พิมพ์ว่า:
ใครลงแบ็คขวานี่ไม่เคี่ยวจริงนี่มีเสียคนอ่ะไม่ว่าจะเจอแรชหรือหมากก็ตาม  


เห็นด้วยเลย นึกถึงภาพ แรช หรือ หมากพาทัวร์ แล้วหนาวเลย แต่ถ้าสองคนนี้เล่นไม่ออกก็จบ ปึ้ง
0
0
my name is PG
P=passion
G= gentle
เข้าร่วม: 21 Oct 2005
ตอบ: 6518
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:48 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
ทุกครั้งที่เราฟอร์มดี แล้วแมนยูมาเยือน ผลตกเป็นทางฝั่งแมนยูมากกว่าที่จะชนะ อย่างดีเราก็เสมอได้ แต่งานนี้ ปีนี้ ฟอร์มเราเหมือนจะมีแค่แพ้มากแพ้น้อย น่าจะไม่ต่ำกว่า 3 ลูกนะครับท่านนายก ผมได้แต่หวังว่าเราจะแค่ฟอร์มแย่ในช่วง 10 นักแรกแล้วหลังจากนั้นเหมือนกดติดอัลติไปยาวจนจบฤดู เชลซีทำได้มาปีที่แล้ว หวังว่าปีนี้จะเป็นของเราบ้าง ( ฝันยิ่งกว่าฝันกลางวันเลย)
0
0




เข้าร่วม: 18 Dec 2007
ตอบ: 36720
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:51 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
ยังจำได้นะ
You can't blame gravity for falling in love.


เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1688
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 4:52 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
pg-yuki พิมพ์ว่า:
แอบมายิง พิมพ์ว่า:
ใครลงแบ็คขวานี่ไม่เคี่ยวจริงนี่มีเสียคนอ่ะไม่ว่าจะเจอแรชหรือหมากก็ตาม  


เห็นด้วยเลย นึกถึงภาพ แรช หรือ หมากพาทัวร์ แล้วหนาวเลย แต่ถ้าสองคนนี้เล่นไม่ออกก็จบ ปึ้ง  


ผมว่าช่วงหลังๆถ้าคนนึงฟอร์มไม่ดีอีกคนนี่ฟอร์มจะโครตดีเลย คนที่จะได้ลงก่อนนัดนี้ผมว่าจะเป็นหมากก่อนเพราะคงจะฟิตมากกว่าแรช
0
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2009
ตอบ: 2534
ที่อยู่: ที่สอนคน
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 5:21 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
แอบมายิง พิมพ์ว่า:
pg-yuki พิมพ์ว่า:
แอบมายิง พิมพ์ว่า:
ใครลงแบ็คขวานี่ไม่เคี่ยวจริงนี่มีเสียคนอ่ะไม่ว่าจะเจอแรชหรือหมากก็ตาม  


เห็นด้วยเลย นึกถึงภาพ แรช หรือ หมากพาทัวร์ แล้วหนาวเลย แต่ถ้าสองคนนี้เล่นไม่ออกก็จบ ปึ้ง  


ผมว่าช่วงหลังๆถ้าคนนึงฟอร์มไม่ดีอีกคนนี่ฟอร์มจะโครตดีเลย คนที่จะได้ลงก่อนนัดนี้ผมว่าจะเป็นหมากก่อนเพราะคงจะฟิตมากกว่าแรช  


ผมคิดกลับกันนะ มองว่า น้องแรช น่าจะได้ลงไป "เผาขา" ตัดกำลังก่อน แล้วส่งน้องหมากไปปิดเกม ตามสเต็ปเดิม
0
0
my name is PG
P=passion
G= gentle
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 33693
ที่อยู่: O_o
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 5:36 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
Vincent Sephiroth พิมพ์ว่า:
เจอแมนยูที่ไม่มีป็อกผมว่าหงส์ไม่แพ้นะ ดีไม่ดีอาจชนะด้วย แต่คิดว่าน่าจะจบเสมอ  
แต่มีฟู และลูกากูนะครับ

มาร์เที่ยว แรชฟอร์ด ที่พร้อมจะเผาโกเมซ (ไม่ก็อาร์โนลด์)

0
0

เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 622
ที่อยู่: ณ แห่งหนใดเล่า
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 6:10 pm
เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน
เจอ พณะ ท่าน อาจารย์ยังเปิดโคร้งๆ มีเสียวสันหลังกัน วาบ วาบ วาบ


ฮ่าๆๆ นึกแล้วบันเทิง

เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1688
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 6:19 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
Megalomania พิมพ์ว่า:
Vincent Sephiroth พิมพ์ว่า:
เจอแมนยูที่ไม่มีป็อกผมว่าหงส์ไม่แพ้นะ ดีไม่ดีอาจชนะด้วย แต่คิดว่าน่าจะจบเสมอ  
แต่มีฟู และลูกากูนะครับ

มาร์เที่ยว แรชฟอร์ด ที่พร้อมจะเผาโกเมซ (ไม่ก็อาร์โนลด์)

 


ลืมเอเรร่าผู้พาอาซากลับบ้านด้วยแล้วเหรอครับ ณ.ตอนนี้ผมว่ามูแกเตรียมแผนและดูเทปของหงส์แล้วล่ะครับว่าใครคือจุดแข็งและใครเป็นจุดอ่อน จะเผาใครก่อนและจะเก็บใครใส่กระเป๋ากลับบ้านด้วย
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 43497
ที่อยู่: Anfield ที่รัก ... :3
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 6:24 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
ใจโครตได้ ไปดูตอนแดงเดือดด้วย
เรื่องบางเรื่อง ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด เพียงแต่สิ่งที่เราคิดมันต่างกัน
My Liverpool, the Kop will always rule
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 31849
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 6:55 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
เละแน่ๆ ไม่เป็นไรหรอกภูมิคุ้มกันแข็งแรง เต็มที่แค่หัวร้อนนิดหน่อย

เห็นด้วยหลายๆอย่างนักเตะพลาดแบบ WTF มาก แต่คล๊อปเองก็นั่นแหละฮะ ตามสไตล์คนให้โอกาสความเชื่อมั่น แต่นานๆไปผลมันย้อนเข้าตัวนั่นสิ
เข้าร่วม: 02 Jan 2007
ตอบ: 6350
ที่อยู่: Girls' Generation,소녀시대,SNSD,MANU
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 7:04 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
เข้ามาอ่านไม่ทันดูชื่อคนเขียนบทความ เจอประโยคนี้เข้าไปมีช็อคเล็กน้อย "ผมมองว่าอยู่ดีๆเกมรุกจบสกอร์เข้าขั้นทรพี " ซักพักในใจคิดเลยว่าคุณเบนออกโรงเองแน่ พอดูอีกครั้งก็ใช่จริงๆ ตอนอ่านยังคิดว่าถ้าไม่ใช่คุณเบนเขียนนี่คงโดนแฟน ๆ บางท่านเหน็บเรื่องคำที่ใช้ไม่มากก็น้อยแน่ๆ เพราะตรงและแรงมาเต็ม
เข้าร่วม: 25 May 2011
ตอบ: 288
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 7:28 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
โถ่ คุณเบน กระแสไล่โค้ชบ้าบอมาก

ลองเอากองหน้าระดับโลกมาสิ บินสูงแน่ๆ

ทั้งทีม ยิงกันได้ขี้กากมาก

ขนาดนัดเจอซิตี้เล่นโต้กลับจังหวะลุ้นกว่าเจ้าบ้านอีก ขนาดโดนยิงนำ ยังไม่คิดว่าจะแพ้เลย

ที่น่าห่วงตอนนี้ ผมห่วงมาติปมาก ดูเหมือนเริ่มรกๆตามเพื่อนร่วมทีมละ

เหมือนจะซึมซับสิ่งแวดล้อม(ความไม่นิ่งของเพื่อนๆ)ครอบงำ

โบราณว่า เราจะมีนิสัยเหมือนคนสนิท 5 คน มาติปนี่รับเชื้อไปเต็มๆ

# P.S. have a good journey bro


pass and move
เข้าร่วม: 20 Dec 2007
ตอบ: 11032
ที่อยู่: Anfield & BayArena
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 7:48 pm
เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน
จบไม่คมนั่นแหล่ะปัญหาที่เพิ่มมา
เป็นมาหลายเกมแล้ว
เกมล่าสุดยิง17 เข้ากรอบแค่2
ซึ่งตรงนี้จะโทษคล๊อปแบบเต็มๆก็คงไม่ได้
ถ้าลงไปยิงเองได้ แกน่าจะอยากลงไปยิงเองแล้ว
0
0


เข้าร่วม: 03 Oct 2010
ตอบ: 20823
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 8:27 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
แอบมายิง พิมพ์ว่า:
ใครลงแบ็คขวานี่ไม่เคี่ยวจริงนี่มีเสียคนอ่ะไม่ว่าจะเจอแรชหรือหมากก็ตาม  


กลับกันต่างหาก ถ้าแบ็คขวาที่ลงวันนั้นเป็นโกเมสหรืออาโนล ไม่ว่าแมนฯยูจะเอาใครยืนปีกซ้ายก็เผาได้อยู่ดี
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 156
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Oct 02, 2017 10:47 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
หงส์ขาดกองหน้าแบบ "ซัวเรซ"

ผมแอบคิดว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดนะ ที่มีเหตุให้เสียประตูตลอด แต่มองกันแบบคนนอก ผมว่าทีมที่เน้นเกมรุกเต็มรูปแบบ เวลาโดน "สวน" มันก็จะมีโอกาสที่โดนนะ หงส์ของคล็อป ไม่ใช่ทีมที่เน้นสมดุล รุก-รับ แบบ แมนยู,เชลซี,สเปอร์ มีสปีดเกมรุกเร็วกว่าแมนซิที่เป็นบอลคอนโทรล มันมีโอกาสที่จะโดนสวนเร็ว และสปีดเกมโดยเฉลี่ยของบอลอังกฤษมันเร็วกว่าลีกอื่น ๆ นะ ทีมที่เล่นบอลไดเร็คก็ไม่น้อย
เพียงแต่ลิเวอร์พูลเดินในแนวทางนี้ เน้นรุกหนัก มันก็มีเสียประตูบ้าง แต่เกมสนุกเร้าใจ ถ้าอยากได้เกมสมดุลก็ควรเลือกผู้จัดการทีมอื่นหรือเปล่า ถ้าอยากได้เกมรับดีขึ้น การสร้างสรรค์เกมอาจไม่ดีอย่างที่เห็น ดังนั้นผมเห็นว่ารูปแบบเกมแบบนี้ต้องยอมรับการเสียประตูมากกว่าปกตินะ เพียงแต่ว่าต้องจบให้คม ลิเวอร์พูลสร้างโอกาสได้ดีแต่จบไม่คม ตัวทำสกอร์ปัจจุบันมีกองหน้าธรรมชาติกี่คน? สเตอริดจ์เจ็บบ่อย ฟอร์มไม่สม่ำเสมอจนรู้สึกเหมือนไม่ใช่ส่วนหนึ่งของทีมชุดนี้ไปแล้ว
หากองหน้าธรรมชาติมา โดยเฉพาะตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าหรือตัวกลาง เอาที่ไม่ใช่มาเน่,เฟอร์มิโน่,ซาลา พวกนั้นเป็นกองกลางหรือเป็นหน้ากึ่งปีก แม้จะยิงได้ดีก็ไม่ใช่กองหน้าธรรมชาติ! ไม่งั้นก็ได้แต่สร้างสรรค์โอกาสมหาศาลแต่เปอร์เซนต์ที่ได้ประตูจากโอกาสน้อยนิด
0
0
เข้าร่วม: 07 Aug 2010
ตอบ: 5718
ที่อยู่: With Yukino
โพสเมื่อ: Tue Oct 03, 2017 1:25 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
เจอโค้ชอย่างมูรินโญ่ ที่ศึกษาและทำการบ้านคู่แข่งมาดีแบบนั้น ผมคิดเหมือนพี่เบนเลย ว่าบอมยาวแน่นอน เพราะรู้ว่าจุดอ่อนคืออะไร แล้วกองกลางสูงๆมีเยอะด้วย

ถ้าป๊อกบาหายเจ็บกลับมาทันไม่อยากจะคิด บอลยาวจากกลางสนามมีประสิทธิภาพแน่นอน
0
0
เข้าร่วม: 30 May 2010
ตอบ: 33126
ที่อยู่: ...
โพสเมื่อ: Tue Oct 03, 2017 1:54 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
พี่เบนดูปลงสุดๆ
0
0
Eric 'The King' Canto
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 4009
ที่อยู่: Anfield
โพสเมื่อ: Tue Oct 03, 2017 8:55 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
นึกว่าจะไม่มีคนคิดแบบนี้ซะแล้วอย่างน้อยก็มีท่านนายกที่คิดคล้ายกับผม
0
0
เข้าร่วม: 11 Jan 2011
ตอบ: 12463
ที่อยู่: สิ่ง เหล้ าห นี
โพสเมื่อ: Wed Oct 04, 2017 9:36 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
กัปตันทีมกระจอก ๆ แบบนี้ เด็กลิ้วพรูนอย่าหวังความฮึกเหิมอะไรเลยครับ
เอาจริง ๆ แว่นมันมีปัญหาเรื่องการปิดเกมนานแล้ว ชิงยูฟ่านำ 2-0 น่าจะบ่งบอกอนาคตหลังจากนั้นได้ดี

แล้วแม่งก็ไม่ผิดจากนั้นเลย
0
0


ได้
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 10507
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Oct 05, 2017 8:28 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
นัดแดงเดือด ถึงยังไงผีก็จะประมาทหงส์ไม่ได้อยู่ดี เวลาเจอกันอะไรมันก็เกิดขึ้นได้หมด
เชื่อว่าในบ้านหงส์ใส่หมดแม๊กแน่นอน และความเร็วของมาเน่ กับลูกยิงแถวสอง
ของคูตินโย่ ยังไงก็น่ากลัวเสมอ นัดนี้ขอแค่ไม่แพ้กลับออกมาก็พอใจละผม

ปล.นัดนี้แหล่ะจะได้รู้ว่าผีเรามีดีจริงๆหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมายังไม่เจอทีมใหญ่เลย
0
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 7749
ที่อยู่: New World
โพสเมื่อ: Fri Oct 06, 2017 2:55 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
มูขอเอาคืนคลอปบ้างเหอะ
0
0
เข้าร่วม: 04 Nov 2013
ตอบ: 1504
ที่อยู่: Manchester United Kingdom
โพสเมื่อ: Wed Oct 11, 2017 3:11 pm
[RE: เมื่อรับ และรุก ของลิเวอร์พูลมาถึงจุด peak พร้อมกัน]
เมื่อเค้าเปลี่ยนตัวฟูไลนี่ลงมา มันก็ไม่ใช่ฟุตบอลอีกต่อไป
0
0