20 September 2017 08:44 PM by Zaine_R
สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”
หมายใจจะเขียนถึงเกมนี้เอาไว้ตั้งแต่เช้าวันรุ่งขึ้นหลังแข่งเสร็จ แต่ด้วยสารพัดภารกิจรัดตัวเลยทำให้ต้องยกยอดมาจนถึงวันนี้ แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นเกมที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ในฐานะสาวกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคนหนึ่ง

แน่นอนว่าหนึ่งในไคลแม็กซ์สำคัญที่อยากจะพูดถึงของเกมนี้ ก่อนที่จะว่ากันเรื่องฟอร์มการเล่นก็คือการกลับมาเหยียบผืนหญ้าสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดอีกครั้งของเวย์น รูนี่ย์ยอดดาวยิงตลอดกาลของสโมสรที่เพิ่งจะย้ายกลับไปเล่นให้กับทีมเอฟเวอร์ตัน หลังจากอยู่ค้าแข้งกับทีม “ปีศาจแดง” มานานถึง 13 ปีด้วยกัน

แน่นอนว่านับตั้งแต่การวอร์มอัพที่ข้างสนาม ตลอดจนถึงนาทีที่ 82 ซึ่ง รูนี่ย์ ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม บรรดา “เร้ด อาร์มี่” ก็ให้การต้อนรับอดีตกัปตันทีมของพวกเขาเป็นอย่างดี แลดูอบอุ่นยิ่งหนัก

จริงๆเกมนี้ผมเชื่อว่า รูนี่ย์ เองก็คงอยากจะพิสูจน์ตัวเองให้แฟนๆได้เห็นเช่นเดียวกันว่าเขายัง “มีของ” อยู่ สังเกตได้จากสีหน้าที่มุ่งมั่นตั้งแต่ก่อนลงสนาม รวมถึงจังหวะการพยายามมีส่วนร่วมกับเกมอยู่ตลอด แต่จากฟอร์มโดยรวมแล้ว ผมก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า ถูกต้องแล้วที่ แมนฯยูไนเต็ด ปล่อยตัวเขาออกไป

เอาจริงๆคือผมว่าแกมาเยอะแล้วในช่วงท้ายกับทีม ฉะนั้นแล้วขอละไว้ตรงนี้ แค่นี้ก็แล้วกัน ฮา

ขอวกกลับมาที่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกันบ้าง สกอร์นัดนี้จบลงที่ 4-0 เหมือนลูกทีมของโจเซ่ มูริญโญ่จะเดินหน้า ฆ่าไม่เลี้ยงถึงได้รัวขนาดนี้ แต่ที่ไหนได้ หากใครได้ดูเกมนี้ก็จะรู้ทันทีว่า มันไม่ใช่แบบนั้นเลย

แม้ว่าจะเริ่มต้นเกมได้อย่างใจ หลังจากอันโตนิโอ วาเลนเซียซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้งจากนอกกรอบเขตโทษแบบสุดสวยเข้าไปตั้งแต่นาทีที่ 4 ของเกม จนทำให้เจ้าบ้านเล่นกันอย่างมั่นใจ ก่อนที่จะครองเกมเอาไว้ในได้ร่วมๆ 20 นาที แต่เหมือนเครื่องดับ เพราะบอลมักจะไปตายเอาจังหวะสุดท้าย (แน่นอนว่าที่มาร์คัส แรชฟอร์ดซะมาก) จนทางเอฟเวอร์ตันเริ่มตั้งสติ ก่อนที่จะเริ่มแย่งบอลไปเล่นได้ จากนั้นเกมก็ผลัดกันรุกกันรับ จนถึงขั้นที่ “ปีศาจแดง” ร่ำๆจะเสียประตูอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะช่วงต้นครึ่งหลัง แต่ได้ความเหนียวเคี้ยวไม่ลงของดาบิด เด เกอาที่เซฟช่วยไว้

เกมจริงๆมาขาดเอาในช่วง 10 นาทีสุดท้ายที่เจ้าบ้านได้ 3 ประตูรวดจากเฮนริค มคิทาร์ยาน, โรเมลู ลูกากูและปิดท้ายด้วยจุดโทษจากตัวสำรองอย่างอ็องโตนี่ มาร์กซิยาลในช่วงทดเจ็บ

ระยะห่างในช่วงเวลาที่ทำประตูแรกและประตูที่สองได้นั้น มีแค่บางช่วงบางจังหวะเองที่ผมมองว่า แมนฯยูไนเต็ด ทำได้ดี ที่เหลือบอกได้เลยว่า เป็นเกมที่ดูแล้วติดๆขัดๆที่สุดเกมหนึ่งนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมาเลยก็ว่าได้

อย่างที่เกริ่นไปในตอนต้นแล้วว่า บอลของ “ปีศาจแดง” ไปตายเอาในจังหวะสุดท้ายแถมจะทุกครั้ง โดยเฉพาะทางฝั่งของ แรชฟอร์ด ที่มีปัญหาเหลือเกินในเรื่องของการตัดสินใจ เหมือนเจ้าตัวจะยังประเมินไม่ออกว่า จังหวะไหนกันแน่ที่ควรเลี้ยงและตอนไหนควรจ่าย อารมณ์เหมือนคิดไม่ออก งั้นกูขอเลี้ยงไปก่อนละกัน สุดท้ายก็ไปไม่สุด ไม่โดนตัดได้ ก็เปิดติด เปิดทิ้งขว้าง เพราะภาพในหัวไม่มี

ส่วน ลูกากู นั้นยังคงไม่ค่อยมีส่วนร่วมในเกมรุกมากเท่าไหร่นัก ซึ่งจริงๆก็ไม่มีปัญหาเพราะเจ้าตัวยังคงทำประตูได้ต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับเกมนี้ แถมยังมีแอสซิสต์อีกดอก แต่ที่ขัดใจผมเล็กน้อยถึงปานกลางคือ แข้งเบลเจี้ยน ควรจะละเอียดในจังหวะยิงให้มากเท่ากับความมั่นใจที่ตัวเองมีสักหน่อย เพราะสังเกตมาหลายเกมแล้วว่า เจ้าตัวมักที่จะยิงเน้นความแรงเอาไว้ก่อน จนพอถึงจังหวะที่ต้องใช้ความละเมียดในการตัดสินใจเลยกลายเป็นทำได้ไม่ดี เกมก่อนหน้านี้หลุดเดี่ยวไปยิงติดผู้รักษาประตู ยังดีตามซ้ำเข้า แต่เกมนี้ได้ง้างโล่งๆกลับยิงหลุดเสาสองออกไปซะงั้น

มคิทาร์ยานเล่นทางด้านซ้ายทีไรมักจะเงียบๆ ยังดีที่ทำประตูได้ ขณะที่ตัวรุกอีกคนอย่างฆวน มาต้าถือว่าทำได้ตามมาตรฐานของตัวเอง แต่ภาพรวมของเกมรุก แมนฯยูไนเต็ด เกือบจะทั้งเกมนั้นถือว่ายังทำได้ไม่ดีพอ

ซึ่งนอกจากฟอร์มของนักเตะรายตัวแล้วนั้น สาเหตุหลักอีกอย่างน่าจะมาจากการขาดหายไปของปอล ป็อกบาที่ได้รับบาดเจ็บอยู่นั่นเอง ใครที่บอกว่า “ปีศาจแดง” ทุ่มเงิน 89 ล้านปอนด์ซื้อมิดฟิลด์เลือดเฟร้นช์มาเพื่อโชว์สีผมเล่นคงต้องคิดใหม่ เพราะฤดูกาลนี้เขาคือหัวใจสำคัญในรุกของทีม เห็นได้ชัดจากเกมนี้

แม้ว่ามารูยาน เฟลไลนี่จะทำผลงานได้อย่างน่าชื่นชมตามทักษะเด่นของตัวเอง ทั้งเก็บบอล ไล่แย่ง บีบพื้นที่และปะทะลูกกลางอากาศช่วยทีม แต่การที่ไม่มี ป็อกบา ในสนาม ทำให้เนมันย่า มาติซได้รับงานหนักมากเกินไป เพราะนอกจากจะต้องคอยคุมพื้นที่แดนกลางในการเล่นเกมรับ ตัดเกมรุกฝั่งตรงข้าม เจ้าตัวยังต้องมีหน้าที่คอยพักและออกบอลเพื่อส่งต่อไปให้กับแนวรุกของทีมอีกต่างหาก ตรงนี้เองที่ทำให้ความสมดุลและลื่นไหลในการเล่นเกมรุกขาดหายไป เพราะหากมี ป็อกบา ลงเล่น เขาจะเป็นคนคอยกำหนดจังหวะของเกม ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว การจ่ายบอลแม่นยำ พาบอลไปข้างหน้า เลี้ยงกินตัวได้และยังมีลูกยิงไกลคอยทำให้คู่แข่งต้องระแวงอีกด้วย

ที่จริงแล้วนั้นเกมนี้กองหลังของ แมนฯยูไนเต็ด เล่นกันได้ดีแทบทุกคน แต่ในเมื่อแนวรุกบุกแล้วทำไม่ได้ โมเมนตั้มมันเลยโอนเอียงไปทางคู่แข่งจนมีโอกาสบุกเข้ามากดดันได้ จะมีหลุดจนเข้าไปลุ้นประตูก็ไม่ใช่เรื่องแปลกตามจังหวะของเกม

ก่อนเกมจะเดินเข้าในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ผมยังนั่งตัวเกร็งลุ้นเลยว่าจะโดนตีเสมอไหม เพราะการเกมของ แมนฯยูไนเต็ด ดูแล้วมันน่าหวาดเสียวเหลือเกิน บุกยิงเพิ่มไม่ได้ พอคู่แข่งพลาดก็ดันปิดไม่ลง ที่จริงแล้วตามสูตรมักจะจบด้วยการโดนตีเสมอ อันนี้จากประสบการณ์ความชอกช้ำใจที่ผ่านมา ฮา

ติดตรงแอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ดันมาแจกโชคแบบเต็มๆอีกครั้งให้กับ “ปีศาจแดง” จนได้ประตูที่ 2 ก่อนไหลไป 4 นี่แหละที่ทำให้บรรดา “เร้ดส์ อาร์มี่” โล่งใจกันได้

จะว่าไปก็เสียดายแทน เอฟเวอร์ตัน เหมือนกันที่สู้กันได้ดีแล้วแต่พื้นที่สุดท้ายทำได้ไม่ดีพอ แล้วดันมาผิดพลาดเองด้วย(หรือต้องเรียกว่าพลาดซ้ำซาก)

แต่อีกใจก็หันมากังวลกับทีมรักว่าจะต้องขาด ป็อกบา ไปอีกสักกี่เกม เพราะอัพเดตล่าสุดก็ยังไม่มีการเปิดเผยอาการของเจ้าตัวออกมาแต่อย่างใดว่าจะต้องพักนานเท่าไหร่ รวมทั้งคิดว่า มูริญโญ่ จะทำยังไงถึงจะแก้ไขปัญหาอาการเครื่องดับของทีมที่มักมีให้เห็นอยู่เนืองๆ โดยเฉพาะใน 2-3 เกมหลัง

เพราะถึงแม้ว่าฟอร์มโดยรวมที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดฤดูกาลนั้นจะยังดีอยู่ แต่ถ้ายังมีจังหวะเฉื่อยและเนือยแบบนี้อีก แล้วคู่แข่งเกิดคมกริบขึ้นมา แถมยังขาดตัวทำเกมอย่าง ป็อกบา แล้วล่ะก็

คราวต่อไปอาจจะได้แค่แต้มเดียวอย่างที่คิด

หรือเผลอๆแล้วไม่ได้สักแต้มเลยก็ได้นะครับ !





----------------------------------------------------------------------




ปล.ติชมได้เช่นเคย ขอบคุณครับผม
เข้าร่วม: 01 Apr 2010
ตอบ: 7098
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 20, 2017 9:08 pm
[RE: สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”]
ผมว่าเกมวันนั้นรูนี่ย์มีอิมแพคต่อเกมส์มากๆ

ทั้งความทุ่มเท ขยัน กัดไม่ปล่อย ที่ตื้อจนทำให้เกิดจังหวะดีๆหลายจังหวะเลย

จังหวะที่ดูเหมือนว่าจะขาดแล้ว รูนี่ย์ก็สามารถเอาไปเล่นต่อได้ เช่นลูกยิงที่เดปัดได้

และอาจจะด้วยความเก๋าที่ทำให้แข้งฝ่ายแดงเสียเหลี่ยมอยู่หลายจังหวะด้วย

เพราะเป็นกัปตันเก่าหรือป่าวไม่รู้ เหมือนนักเตะยูไนเต็ดเจอรูนี่ย์แล้วออกอาการกลัวๆเกร็งๆจนเล่นไม่ออกด้วย

พอถอดรูนออกเห็นได้ชัดเลยว่ายูไนเต็ดเล่นกันสบายขึ้นมาก จนนำไปสู่3ประตูนั่นแหละ
เข้าร่วม: 08 Sep 2013
ตอบ: 718
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 20, 2017 9:10 pm
[RE: สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”]
ที่เขาว่ากันว่าฟอร์มแชมป์ คือแบบนี้หรือเปล่าครับ ต่อให้เล่นไม่ดียังไง ก็เก็บสามแต้ม ฟินๆ

ผมว่าจบเกมนี้ น้ามูเราต้องมีการบ้านแล้วล่ะ
0
0
เข้าร่วม: 21 Oct 2013
ตอบ: 1562
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 20, 2017 10:09 pm
[RE: สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”]
เป็นเกมที่เล่นไม่ดีเท่าไหร่ เกมรุกติดๆขัด สปีดเกมช้า แต่ก็ยังยิงได้ถึง 4 ลูกเก็บ 3 คะแนนเต็ม ตรงนี้ผมถือว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีมากๆของทีมที่จะลุ้นแชมป์

ลองไปดูบางปีทีมเล่นดีมากๆอย่างปี 2009/2010 กับปี 2011/2012 แต่สุดท้ายไม่ได้แชมป์เพราะไปทำแต้มหล่นในเกมแบบนี้แหละ

ปีนี้ถือว่ามาถูกทางแล้ว โมเมนตัมกำลังมา ถ้ารักษาฟอร์มแบบนี้ได้มีลุ้นยาวๆ
เข้าร่วม: 25 Apr 2007
ตอบ: 240
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 20, 2017 10:12 pm
[RE]สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”
อยากจะบอกว่าคิดเหมือนกันเป๊ะเลยครับ 4-0 มันดูสวยหรูจริง แต่ในรายละเอียดมันไม่ใช่เลย
เข้าร่วม: 13 Jan 2010
ตอบ: 4004
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 20, 2017 10:27 pm
[RE: สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”]
ไม่ว่าฟอร์มจะดีไม่ดียังไง ขอแค่สุดท้ายชนะก็พอ
0
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 156
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 20, 2017 10:53 pm
[RE: สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”]
ผมว่าฟอร์มก็พอ ๆ กับตอนเจอสโต๊คนะ คือเล่นไม่ดี เพียงแต่เจอเอฟได้ยังผลที่ต้องการ แต่เกมรุกตันๆ นะ ดีที่ฉกฉวยความผิดพลาดของคู่แข่งได้ ไม่แค่แรชนะที่เสียบ่อย ผมว่ามาคิเสียบอลบ่อย อาจมากกว่าแรชอีก เพราะการเคลื่อนย้ายตำแหน่งในแดนหน้าไม่ดี หาช่องจ่ายยาก ลูกทำชิ่งไม่มีให้เห็น ลูกครอสก็ไม่มี อาศัยจ่ายช่อง+เลี้ยงกินตัว+ลูกตั้งเตะ เห็นมีอยู่แค่นี้ ถ้าเจอทีมที่แพ็คเกมรับแน่นๆ มีสิทธิ์แต้มหล่นหาย
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 3828
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Sep 20, 2017 11:06 pm
[RE]สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”
ขาดป๊อกบา แทบจะขาดใจ
0
0
เข้าร่วม: 08 Oct 2006
ตอบ: 9283
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 21, 2017 10:43 am
[RE: สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”]
รูนีย์แค่ขยัน มุ่งมั่น แต่ฟอร์มโดยรวมผมก็ไม่เสียดายอะไรเลย ยังทำบอลเสียง่ายเหมือนเดิม ผมว่ากองหลังแมนยูไม่ละเอียดเองมากกว่า ที่ทำให้เอฟเวอร์ตันมีโอกาสเยอะ ไบยี่ก็ดูเล่นติดประมาท ทั้งเกมเจอสโต๊กและเกมนี้ด้วย อ.ยังก็อ่อนเกมรับอยู่แล้ว โดนเจาะทางนี้บ่อยมาก

กองกลางไม่มีป็อกบาก็ขาดตัวขึ้นบอลเลย ทำให้เสียบอลง่ายมาก มาติชพออกบอลได้แต่ก็ยังห่างจากป็อกบาเยอะ ไหนจะต้องรับผิดชอบเกมรับอีก บทบาทขึ้นเกมหลายครั้งอยู่ที่ MK ซึ่งแกเล่นโคตรไม่ละเอียด ไปโชว์เล่นยากในแดนตัวเองจนเสียบอลบ่อยๆ มาต้าก็ทำได้แค่แปะไปมา แรชฟอร์ดนี่หนักสุด เล่นเหมือนคนไม่มีแรงและไม่โฟกัสอยู่กับเกม

แมนยูยังไงก็ต้องมีป็อกบา ไม่งั้นรูปเกมจะเสียไปเลย แม้จะหงุดหงิดที่มันติดโชว์ไม่จำเป็น แต่พอไม่มีมันแล้วเสียหายกว่าเยอะ
0
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2017
ตอบ: 2405
ที่อยู่: United Kingdom
โพสเมื่อ: Thu Sep 21, 2017 11:37 am
[RE: สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”]
ฟอร์มไม่ได้หรูเหมือนสกอร์
0
0
เข้าร่วม: 21 May 2009
ตอบ: 28119
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Sep 21, 2017 11:59 am
[RE: สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”]
รูนี่ย์เปิดโลกทัศน์แฟนแมนยูให้ผมจริงๆ

รูนี่ย์ : จับบอลลั่น โคตรกากเลยแค่จับบอลยังลั่น
ลูกากู : จับบอลลั่น กองหน้าซื้อมายิงประตูไ่ม่ได้ซื้อมาจับบอล
1
0
เข้าร่วม: 09 Apr 2010
ตอบ: 4180
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Fri Sep 22, 2017 12:52 pm
[RE: สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”]
pockyza พิมพ์ว่า:
รูนี่ย์เปิดโลกทัศน์แฟนแมนยูให้ผมจริงๆ

รูนี่ย์ : จับบอลลั่น โคตรกากเลยแค่จับบอลยังลั่น
ลูกากู : จับบอลลั่น กองหน้าซื้อมายิงประตูไ่ม่ได้ซื้อมาจับบอล  


เปิดโลกทัศน์แล้วเปิดใจด้วยนะครับ

สองคนนี้มันจับบอลลั่นก็จริง แต่ลูกากูมันยิงต่อเนื่อง และแสดงให้เห็นถึงความอันตรายในตัวพอสมควร ถ้ารูนีย์จับบอลลั่น แต่ยิงได้แทบทุกนัด ใครจะไปด่าล่ะครับ

อีกอย่าง รูนีย์ทำมาตรฐานตัวเองไว้สูงมาก ก่อนจะมาดรอปลง โดนบ่นก็ไม่แปลก ส่วนรอมนี่ แฟนผีรู้อยู่แล้วเรื่องจับบอลลั่นเลยไม่ได้คาดหวัง แต่คาดหวังเรื่องการพังประตู ถ้าวันนึงมันไม่พังประตู ยิงไม่ได้ ก็โดนด่าอยู่แล้ว

1
0
เข้าร่วม: 09 May 2007
ตอบ: 4588
ที่อยู่: MUTV
โพสเมื่อ: Sat Sep 23, 2017 11:57 am
[RE: สกอร์ 4-0 ที่เกือบจะได้แค่ 1 แต้มสำหรับ “ปีศาจแดง”]
อ้างอิงจาก:
ส่วน ลูกากู นั้นยังคงไม่ค่อยมีส่วนร่วมในเกมรุกมากเท่าไหร่นัก ซึ่งจริงๆก็ไม่มีปัญหาเพราะเจ้าตัวยังคงทำประตูได้ต่อเนื่อง เช่นเดียวกันกับเกมนี้ แถมยังมีแอสซิสต์อีกดอก แต่ที่ขัดใจผมเล็กน้อยถึงปานกลางคือ แข้งเบลเจี้ยน ควรจะละเอียดในจังหวะยิงให้มากเท่ากับความมั่นใจที่ตัวเองมีสักหน่อย เพราะสังเกตมาหลายเกมแล้วว่า เจ้าตัวมักที่จะยิงเน้นความแรงเอาไว้ก่อน จนพอถึงจังหวะที่ต้องใช้ความละเมียดในการตัดสินใจเลยกลายเป็นทำได้ไม่ดี เกมก่อนหน้านี้หลุดเดี่ยวไปยิงติดผู้รักษาประตู ยังดีตามซ้ำเข้า แต่เกมนี้ได้ง้างโล่งๆกลับยิงหลุดเสาสองออกไปซะงั้น  


จากการพูดถึงลูกาคู ผมมองว่าเจ้าตัวยังไม่นิ่งพอ เลยกลายเป็นยิงทิ้งยิงขว้างไปเยอะมากมาย

ถ้านิ่งเหมือนสลาตั้นได้ บอกเลยโหดโพดโพ ฝากพี่ตั้นบอกมันหน่อย
0
0