เสริมข้อมูลว่า ใครเอาเงินรายได้มาจ่ายค่าเหนื่อยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์เป็นยังไงบ้าง(ข้อมูลกลางปี 2016)

ทอฟฟี่ดึงรายได้มาจ่ายค่าเหนื่อยถึง 69% เพื่อยกระดับทีม
ซึ่งจริงๆค่าเหนื่อยไม่เยอะนะแต่รายได้ยังน้อยมากอยู่


หงส์ดึงรายได้มาจ่ายค่าเหนื่อยถึง 69% ค่าเหนืื่อยหลักแสนหลายคนเลย
หาเงินได้เป็นอันดับห้าแต่บิลสูงเป็นอันดับสามถือว่าทุ่นกับค่าเหนื่อยเลยนะ


เชลซีดึงรายได้มาจ่ายค่าเหนื่อย 67% (แต่รายได้ถ้าไม่พอเสี่ยหมีน่าจะเสกให้ได้อีก)
รายได้มาที่สี่ ค่าเหนื่อยอยู่ที่สอง


ปืน 55% ซึ่งเป็นอานิสงค์จากการบริหารของเวนเกอร์
รายนี้ประหยัดสุดๆรายได้มาที่สองแต่ค่าเหนื่อยอยู่ที่สี่ ผมว่าปืนทุ่มได้มากกว่านี้


เรื่อ 51% แต่รายได้เขาเยอะจริงๆ ก็น่าจะเป็นเงินชีคด้วยมาเป็นสปอนเซอร์
สงสัยอยู่ทำไมบิลค่าเหนื่อยแมนซิถึงน้อยจัง แต่รายได้เยอะมากก



ไก่ ก็ไม่มากไม่น้อย 48% (ไก่นี่เป็นตัววัดเลยนะหาเงินได้อันดับหกจ่ายค่าเหนื่อยอันดับหกด้วยเจียมตัวมาก)


แมนยู 45% ถือว่าคุมตัวเลขได้ดีมาก และเป็นทีมที่หาเงินเก่งด้วย ชื่นชม
รายได้แมนยูมากกว่าสเปอร์ไม่มากไม่น้อย 305 ล้านปอนด์ ทุ่มยังไงก็ไม่ทันห่างกันไป



อื่นๆเช่น
Swansea City 85% ใช้เงินแบบนี้ทุกปีนี่แหละน่ากลับฟองสบู่แตกของจริง
Crystal Palace 79%
Stoke City 79%
Bournemouth 68%
Southampton 69%
West Bromwich Albion 76%
Leicester City 62%
Watford 62%
Newcastle United 60%
West Ham United 60%

สังเกตุทีมเล็กเปอร์เซ็นต์ในการจ่ายค่าเหนื่อยเทียบรายได้สูงมาก
เพราะว่าต้องการสู้กับทีมใหญ่ๆ ซึ่งผมมองว่าถ้าไม่มีนายทุนมาอัดฉีด
ทำธุรกิจแบบนี้ต่อไปคือเสี่ยงนะ เพราะคุณไม่ได้ต้องจ่ายแต่ค่าเหนื่อย
ต้องจ่ายค่าซื้อตัว ค่าบริหารสนาม บริหารสโมสรอื่นๆอีก



 

ไม่รู้สิ! มันจะแตกยังไง เป็นไปได้เหรอ ฟุตบอลมันล้มละลายได้เหรอ (คนเลิกเข้าสนามดูฟุตบอลไรงี้เหรอ) ***คนเก่งมันก็ต้องแพงอยู่แล้ว อยากได้ก็จ่ายไปแค่นั้นเอง ไม่มีตังค์ก็อยู่เฉยๆ***  

แตกได้ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับที่มาของเงินครับ

มันค่อนข้างอธิบายยากนะเรื่องฟองสบู่เนี้ย

แต่ผมลองคิดๆดูเล่นๆ ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจเลย ยังไงผมว่าต้องลองศึกษาดู

ปล.สัญญานักเตะนี้เขานับเป็น สินทรัพย์รึป่าวไม่แน่ใจด้วย