สนุก “5 มิติ” พรีเมียร์ลีก ซีซั่นใหม่ 2017/18
"มิติ" ในการชมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ ซีซั่นที่ 25 ถูกกล่าวขวัญมากมายว่าจะ แตกต่าง, เร้าใจ, เข้มข้น, ยากต่อการคาดเดา ฯลฯ วันนี้เรามาประเดิมกันด้วย "5 มิติ" ต้องรับวีคแรกของฤดูกาลกัน
1.การคั่วแชมป์ที่แสนสาหัส
มิติที่ 1 คงหนีไม่พ้นการลุ้นแชมป์ที่คงหนีไม่พ้น 6 ทีมที่เรารู้ ๆ กันอยู่: แชมป์เก่า เชลซี จะมีชีวิตอย่างไรเมื่อไม่มีเธอ เนมันย่า มาติช และดิเอโก้ คอสต้า!?
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กับซีซั่นที่ 2 พร้อม ๆ กับการ “ปฏิรูป” เกมรับตั้งแต่นายทวาร และฟูลแบ็ค 2 ข้างเพื่อรองรับฟุตบอลสมัยใหม่!?
อาร์เซน เวนเกอร์ กับการต่ออายุราชการตัวเอง (อีกครั้ง)!?
ลิเวอร์พูล กับการยังไม่ได้ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และมีแนวโน้มจะเสีย เฟลิเป้ คูตินโญ่!? เกมรับจากลูกตั้งเตะ?
โจเซ่ มูรินโญ่ กับขุมพลังเสริม"เพื่อต่อยอดจาก 2 แชมป์บอลถ้วยในฤดูกาลแรกของพวกเค้า!?
สเปอร์ส คิดอะไรกับการไม่ซื้อใครมาเสริม!? ฤาเพราะว่า ชอบเหมือนทีมอื่น แต่เงินสู้ไม่ได้ หรืออาจเป็นเพราะมั่นใจในระบบเยาวชน และนักเตะที่มีอยู่!?
จะมีตัว “สอดแทรก” นำโดยเอฟเวอร์ตันของใครคนนั้น เวย์น รูนีย์ อะป่าว!?
ทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นแค่ “เศษเสี้ยว” แห่งปัจจัยให้การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้
ระทึกใจเป็นที่สุดครับ
2. “น้องไก่” กับบ้านหลังใหม่
เป็น “แผลฉกรรจ์” และทราบกันอยู่แล้วว่า “นิว เวมบลีย์” มีผลขนาดไหนกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และลูกทีมผ่านเวทีฟุตบอลยุโรปฤดูกาลที่ผ่านมา
นั่นอาจจะเรียกได้ว่า “เผาหลอก” เพราะ “เผาจริง” คือ ปีนี้ที่ทุกถ้วย สเปอร์ส ต้องลืมบ้านที่แท้จริง ไวท์ ฮาร์ท เลน ซึ่งกำลังรีโนเวตใหม่ให้สนิท และสร้างบรรยากาศที่เวมบลีย์ให้เสมือนเป็นบ้านจริง ๆ ของตัวเองให้ได้
จุดเด่นนั้นมี เช่น ความจุเกรด 90,000 คน, การเดินทางที่น่าจะสะดวกกว่า เพราะนั่งรถไฟไปลงแล้วเดินได้เลยไม่ไกลต่างจาก “บ้านเดิม” ที่มีหลายเหนื่อย หรือทางถนนก็น่าจะมีที่อำนวยความสะดวกให้มากกว่า
นอกจากนี้ ทีมไก่เดือยทองยังมีลุ้น แฟน ๆ กลุ่มใหม่ที่ไม่ใช่เฉพาะทางลอนดอนตอนเหนือในซีกเดิม แต่เป็นอีกฟากหนึ่งซึ่งทั้งหลายทั้งปวง “พูดง่าย” กว่ากระทำ เพราะมันได้พิสูจน์มาหลายยุคสมัยตอนย้ายบ้าน ซ่อมบ้าน เช่น อาร์เซนอล ในอดีต หรือ
เวสต์แฮม ตั้งแต่ซีซั่นที่ผ่านมาว่า มันใช้เวลา!
ไม่นับรวมการไม่ได้ซื้อใครมาเสริม และเสีย ไคล์ วอล์คเกอร์ ให้แมนฯซิตี้ ที่ประเด็นนี้สร้างบทสนทนาได้ยาวนาน เพราะตัวเดิมดี ๆ ที่เหลือยังอยู่ครบ แต่สิ่งที่เรียกว่า ความ “ตื่นตัว” ในห้องแต่งตัว (Dressing room) จะไม่มี และผู้เล่นอย่าง แฮร์รี่ เคน, เดเล่ อัลลี, คริสเตียน เอริคเซ่น ฯลฯ จะต้องรีดพลังความกระหายอย่างหนัก
หาไม่แล้ว “นิว เวมบลีย์” จะเวทีคึกคักของคู่แข่ง สวรรค์ทีมเยือน เสมือนได้เตะนัดไฟนอลบอลถ้วยก็เป็นได้
3. “น้องใหม่” ใครจะร้ายบริสุทธิ์
ขึ้นชื่อว่า “น้องใหม่” ยังไง ๆ บ่อน หรือบริษัทรับพนันที่ถูกต้องตามกฎหมายของอังกฤษต่างก็ต้อง “เทใจ” ให้เป็นบรรดาตัวเต็งในการกระเด้งตกชั้นกลับบ้านเก่าอยู่แล้ว
เหตุผลไม่ยากครับ หลัก ๆ คือ “ช่องว่าง” ระหว่างชนชั้น หรือก็คือ “พรีเมียร์ลีก” และ “เดอะ แชมเปี้ยนชิพ” นั้นต่างกันมาก
การที่จู่ ๆ ขึ้นชั้นมาหลังปีงบประมาณท้องถิ่น สู่ปีงบฯ ระดับประเทศจึงเป็นอะไรที่ไม่ง่ายแน่นอนโดยเฉพาะกับฮัดเดอร์สฟิลด์ และไบร์ทตัน ขณะที่นิวคาสเซิล นั้นเป็นทีมในเกรดพรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว และได้เงินที่เรียกว่า Parachute money (เงินสนับสนุนทีมตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก เพื่อไม่ให้รายได้สูญหายไปแบบฉับพลัน) ไปช่วยตอนตกชั้น ดังนั้นก็เท่ากับว่า ลูกทีม ราฟาเอล เบนิเตซ ได้กลับคือสู่ “พื้นที่ตัวเอง” หรือบ้านที่เคยเป็นของพวกเค้าก็เท่านั้น
ต่างกับ “เดอะ เทร์เรียร์” ของเดวิด วากเนอร์ ที่ไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์ และนักเตะค่าตัวแพงสุดยังแค่ สตีฟ มูนี 11.5 ล้านปอนด์จาก มงต์เปลลิเยร์ เท่านั้นอันทำให้ไม่น่ารอด ฟันธง!
ทีมนกนางนวล ไบร์ทตัน ดูมีภาษีดีกว่า เพราะกุนซือ คริส ฮิวจ์ตัน มีประสบการณ์ไม่ต่างจากนักเตะที่ผ่านร้อนหนาวมาพอควรได้ลุ้น อาทิ แมทธิว ไรอัน, ปาสคาล กรอสส์, มาร์ค ซัตต์เนอร์ หรือแอนโธนี น็อคการ์ต ซึ่งน่าจะทำให้พอเห็นมีแสงรำไรบ้าง
ขณะที่ นิวคาสเซิล ที่มีดาราอย่าง คริสเตียน อัตซู, ฮาเวียร์ มาร์คิลโญ่ ภายใต้การนำของกุนซือเกรด “ราฟา” น่าจะน่ารักน่าลุ้น “ท็อป 10” ได้เลยด้วยซ้ำ
4.นักเตะที่น่าจับตามอง
มิติสุดท้ายจากที่จริง ๆ แล้วมีได้เป็นร้อยเป็นพันอยากให้เริ่มจากดีลจำพวก ไมเคิล คีน ไปเอฟเวอร์ตัน, เนมันย่า มาติช หรือโรเมอู ลูคาคู ไปแมนฯยูไนเต็ด เพราะทุกคนได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว เพียงแต่ต้องดูว่าจะ “เค้น” ทำได้ดีขึ้นแค่ไหน เท่านั้นเอง
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ถือว่า มีความน่าสนใจหลังเคยน่าจะเรียกได้ว่า “ล้มเหลว” กับเชลซี ก่อนไปสร้างชื่อในกัลโช่ฯแล้วกลับมาอีกครั้งกับ ลิเวอร์พูล
บทวิเคราะห์ชิ้นนี้ให้น้ำหนักไปที่ “บอลแรก” ซึ่งหมายถึงการเริ่มต้นรุกตั้งแต่เกมรับ ดังนั้นการที่ “เป๊ป” กวาร์ดิโอลา ซื้อผู้เล่นตั้งแต่นายทวาร เอเดอร์สัน โมเลส และฟูลแบ็ค 2 ฝั่ง: เบนจามิน เมนดี้ กับไคล์ วอล์คเกอร์ ในราคารวมกันเกือบ 150 ล้านปอนด์ ย่อมถือเป็น “มิติ” ที่น่าสนใจไม่นับ เบอร์นาโด ซิลวา จากโมนาโก มาใส่ช่องว่างในเกมรุกจน “แอบคิด” ไม่ได้ว่า “เป๊ป” จะจัดทัพแนวรุกอย่างไร? กับ 4 ตัวท็อป 200 ล้านปอนด์ของแมนฯซิตี้ ที่อยากให้จับตาแบบห้ามกระพริบ!
ทิ้งท้ายไว้สักนิดที่ อัลบาโร่ โมราต้า กับค่าหัวกว่า 70 ล้านปอนด์ที่ไม่ใช่ว่า “ไม่เก่ง” หรือเป็นของไม่ดี แต่กับซีซั่นแรก และวัฒนธรรมทุกอย่างทั้งใน และนอกสนามที่แตกต่าง อดีตหัวหอก เรอัล มาดริด จะเป็นนักเตะใหม่ที่เจอแรงกดดันสูงสุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่นี้
5.แนะนำวิธีรับชม พรีเมียร์ลีก และฟุตบอลระดับโลกซีซั่นนี้
แม้ช่องทางการรับชมในปัจจุบันจะมีหลากหลายมากขึ้นโดยเฉพาะหลังจาก “โลกดิจิตอล” เข้ามามีบทบาทในชีวิตคอบอล แต่สำหรับซีซั่นนี้หากจะรับชมฟุตบอลระดับโลก 7 ลีก5 ถ้วยได้ทุกที่ ทุกเวลา “ออนไลน์” ทางเลือกจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากแอปพลิเคชั่น TrueID กับแพ็คเกจทรูมูฟ เอช 4G+ Fun Unlimited แพ็คเกจรายเดือน ดูฟรีทั้งปี ทั้งเชียร์กีฬาสด ชมไฮไลต์จัดเต็มได้ดูบอลระดับโลกแบบสด ๆ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017 – 2018 โดยโปรโมชั่นพิเศษตอนนี้ คือ สมัครแพ็กเกจวันนี้ ลูกค้าทรูมูฟ เอช ก็ได้ดูฟรี นาน 12 เดือน พร้อมเน็ตจุใจ คมชัดระดับ HD ด้วยเน็ต 4G+ เต็มสปีด ดูบอลกับเราได้เลยสุดคุ้ม
http://bit.ly/true_id4gfununlimit
