เคิร์ต โคเบน ฟรอนต์แมนผู้ล่วงลับแห่งวง Nirvana ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งความซึมเศร้า ประโยคประจำตัวของเขาที่มักจะพบเห็นได้บ่อยๆ ในบทความและงานศิลปะของเคิร์ตคือ “I hate myself, I want to die” ซึ่งประโยคนี้เกือบจะถูกตั้งเป็นชื่ออัลบั้มสุดท้ายของวง
1. Nirvana: Lithium (1992)
เคิร์ต โคเบน ฟรอนต์แมนผู้ล่วงลับแห่งวง Nirvana ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งความซึมเศร้า ประโยคประจำตัวของเขาที่มักจะพบเห็นได้บ่อยๆ ในบทความและงานศิลปะของเคิร์ตคือ “I hate myself, I want to die” ซึ่งประโยคนี้เกือบจะถูกตั้งเป็นชื่ออัลบั้มสุดท้ายของวง แต่ในที่สุด ชื่ออัลบั้มนี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็น In Utero งานมาสเตอร์พีซอีกชิ้นที่เรารู้จักนั่นเอง
เนื้อหาของเพลงนี้แสดงถึงความสับสนวุ่นวายในอารมณ์อย่างเต็มขั้น บวกกับไดนามิกสุดเขย่งของดนตรีที่มีตั้งแต่เบาๆ ลอยๆ และกระชากขึ้นไปถึงขั้นสำรอกอย่างหนักหน่วง ราวกับว่าเคิร์ตเข้าใจและยอมรับในอาการเจ็บป่วยนี้อย่างดี หรือเขาอาจตั้งใจจะผูกมิตรกับมันก็เป็นได้ ประเมินจากเนื้อเพลงในท่อนที่ว่า “I’m so happy because today I’ve found my friends, they’re in my head.” ไม่เคยมีใครได้พบเจอเพื่อนฝูงที่อาศัยอยู่ในหัวของเคิร์ตนอกจากตัวเขาเอง และไม่มีใครรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเคิร์ตกับเพื่อนกลุ่มนี้เป็นไปอย่างราบรื่นเพียงใด แม้กระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตที่เคิร์ตตัดสินใจระเบิดหัวตัวเองด้วยปืนพก
2. Green Day: Basket Case (1994)
อีกหนึ่งตัวแสบแห่งวงการพังก์ร็อก ที่นักร้องนำของวงอย่างบิลลี่ โจ อาร์มสตรอง เลือกที่จะอธิบายอาการของโรคซึมเศร้าที่ตัวเองประสบอยู่ด้วยการถ่ายทอดออกมาเป็นเพลง Basket Case (คำว่า Basket Case เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ แปลว่า คนสติแตก) เขาให้เหตุผลว่า การเขียนเพลงออกมาเป็นทางเดียวที่จะอธิบายสภาวะจิตที่เขากำลังประสบอยู่ได้
พลังลบแห่งโรคซึมเศร้าไม่ได้มีอำนาจในการทำลายล้างเสมอไป เมื่อบิลลี่ โจ เลือกที่จะรีดพิษของมันออกมาสกัดเป็นเซรุ่มที่ใช้ในการเยียวยารักษา และมันยังแผ่อานุภาพความมันไปทั่วโลก เมื่อเพลงนี้ตัดเป็นซิงเกิลและกลายเป็นเพลงฮิตตลอดกาลของวง Green Day จนถึงทุกวันนี้ในทุกคอนเสิร์ตของวง เพลง Basket Case ยังคงส่งพลังให้คนดูทั้งฮอลล์โยกหัวอย่างลืมแก่ลืมตายได้เสมอ
โรคซึมเศร้าอาจเป็นเพื่อนรักเพื่อนแค้นของบิลลี่ โจ ที่คอยผลักดันให้เขาสร้างผลงานสุดแสบมาได้ตลอด 3 ทศวรรษในวงการดนตรี จน Green Day ขึ้นหิ้งเป็นหนึ่งในตำนานวงร็อกที่ยังมีลมหายใจไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือลมหายใจยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุดลงง่ายๆ หรือแม้แต่จะแผ่วลงสักนิด ในวัยสี่สิบกลางๆ Green Day ยังคงสร้างผลงานเพลงและวิ่งพล่านอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตชั้นนำทั่วโลก โรคซึมเศร้าไม่สามารถฉุดรั้งพลังของบิลลี่ โจ ได้เลย มันอาจจะพยายามแล้ว แต่เจ้าหมอนี่มันบ้าดีเดือดกว่านั้น
3. R.E.M.: Everybody Hurts (1992)
เพลงที่มีเนื้อหาตรงไปตรงมาโดยที่ไม่ต้องตีความหลายตลบนี้เคยได้รับการโหวตจากชาวอังกฤษผ่านหนังสือพิมพ์ The Telegraph ให้เป็นเพลงที่หดหู่ที่สุดตลอดกาล แต่ทว่าเพลงนี้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจผู้คน R.E.M. เคยกล่าวว่า พวกเขาเลือกใช้ถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาที่สุดเพื่อให้คนหมู่มากเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่มเด็กวัยรุ่นก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เพราะเหตุนี้ เพลงจึงทะลุทะลวงเข้าไปถึงใจคนได้อย่างง่ายดายด้วยประโยคที่ว่า “Everybody hurts, everybody cries. Hold on, you are not alone.” (ใครๆ ก็ต้องเจ็บปวด ใครๆ ก็ต้องร้องไห้ ไม่ใช่แค่เธอเพียงแค่คนเดียวหรอก เข้มแข็งเอาไว้)
สุดยอดความปรารถนาของเอียน เคอร์ติส นักร้องนำของ Joy Division คือการประสบความสำเร็จในวงการเพลงอังกฤษ แต่เพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ความสำเร็จนั้นจะเดินทางมาถึง เขาก็ได้จากโลกนี้ไปด้วยการผูกคอตายภายในบ้านพักของตัวเอง
Atmosphere เป็นซิงเกิลที่ปล่อยออกมาเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังการจากไปของเคอร์ติสในเดือนพฤษภาคม ปี 1980 และกลายเป็นเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเพลงหนึ่งของวง Joy Division และในปี 2000 เพลงนี้ได้รับการโหวตให้เป็นเพลงยอดเยี่ยมที่สุดแห่งศตวรรษ โดยผู้ฟังรายการวิทยุ BBC Radio One ซึ่งจัดโดย จอห์น พีล ดีเจชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษ
5. Ed Sheeran: The A Team (2011)
ศิลปินดาวรุ่งแห่งยุคอย่างเอ็ด ชีแรน ก็เคยเขียนเพลงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวอันดำมืดเช่นกัน เพลงนี้เขียนขึ้นหลังจากที่เอ็ดได้ไปแสดงที่ สถานสงเคราะห์คนไร้บ้าน และได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ทุกข์ทรมานจากการติดยาเสพติด เธอยอมเป็นโสเภณีเพื่อหาเงินมาซื้อยาเสพติด และแน่นอน ยาเสพติดได้กลายเป็นสาเหตุสำคัญสำหรับอาการซึมเศร้าของเธอ โดยผู้หญิงคนนี้มีอาการหนักถึงขั้นทำร้ายตัวเอง
เอ็ดใช้ภาษาในเชิงอุปมาอุปไมยตลอดทั้งเพลง เพื่อลดระดับความดำมืดขั้นสุดของเนื้อหา ทั้งยังมีการส่งสาส์นลับให้กับคนฟัง เช่น The A Team หมายถึง ยาเสพติดคลาส A (โคเคน) เป็นต้น
6. James Taylor: Fire And Rain (1970)
เจมส์ เทย์เลอร์ เขียนเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อระบายความหดหู่ในจิตใจกับหลายๆ เรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ตั้งแต่การสูญเสียเพื่อนสนิทที่ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ไปจนถึงการผจญกับสภาวะโรคซึมเศร้าของตัวเอง
8. Twenty One Pilots: Holding On To You (2012)
นี่คือบทเพลงแห่งการต่อสู้กับตัวเองอย่างหนักหน่วงของไทเลอร์ โจเซฟ จากดูโอสุดแสบอย่างวง Twenty One Pilots โจเซฟใช้บทเพลงนี้เป็นสื่อในการประกาศสงครามกับโรคซึมเศร้าที่รุมเร้าเข้ามา ถึงเวลาแล้วที่เขาจะลุกขึ้นมาทวงร่างกายและจิตใจของตนคืน หลังจากโดนรุกหนักด้วยความฟุ้งซ่านในจิตใจทุกๆ คืน จนเขาต้องประกาศกร้าวกับความรู้สึกของตัวเองว่า “You belong to me. This ain’t a noose, this is a leash. And I have news for you, you must obey me!” (เขาเอาเชือกผูกมัดความรู้สึกของเขาไว้แล้วบอกกับมันว่า “เอ็งเป็นของข้า เชือกนี้ไม่ใช่บ่วงพันธนาการ แต่มันคือบังเหียนที่ข้าจะใช้ควบคุมเอ็ง และเอ็งต้องเชื่อฟังข้าจากนี้ไป”)
10. U2 : Stuck In A Moment You Can’t Get Out Of (2001)
นี่เป็นอีกบทเพลงที่กระแทกถึงจิตใจ และถูกเขียนขึ้นมาอย่างคมคายเช่นเคยจากลายมือของโบโน่ นักร้องนำของวงในตำนานอย่าง U2 เขาตั้งใจแต่งเพลงนี้เพื่ออุทิศให้กับเพื่อนรัก ไมเคิล ฮัตเชนซ์ อดีตนักร้องนำวง INXS และผู้ป่วยโรคซึมเศร้าที่เสียชีวิตด้วยอัตวินิบาตกรรม