บางทีก็เห็นใจอเดบายอ ครอบครัวมีแต่จะเอา
ยาวหน่อย แต่รู้สึกเลยครอบครัวที่ขอแต่เงิน ไม่ทำมาหากินเป็นยังไง
ฉากหน้าอันเริงร่า และ เบื้องหลังอันทุกข์ตรมของ Emmanuel Adebayor
Emmanuel Adebayor ออกมาเปิดใจเป็นครั้งแรกหลังออกแถลงการณ์จัดหนักเรื่องการมีปัญหากับครอบครัวตอนปี 2015 เกี่ยวกับภาระเงินสนับสนุนที่มีให้ครอบครัว
โดยในครั้งนี้เขาเปิดเผยกับ BBC ว่า ตอนนั้นที่เขาออกจากมาดริดนั้น ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่ น้องชายของเขาส่ง "จดหมายอย่างเป็นทางการในนามครอบครัว" ถึงเรอัล มาดริดว่า ไม่ควรเก็บเขาไว้กับทีม ซึ่งตอนนั้นมาดริดใกล้จะหมดสัญญายืมตัวกับบายอร์แล้ว (แต่มีออพชั่นซื้อขาด) และในฤดูกาลนั้นเขาก็ทำผลงานได้ค่อนข้างน่าพอใจ (คว้าโคปา เดล เรย์ ยิง 5 ประตูจากการลง 14 นัด)
“ผมทำทุกอย่างเพื่อให้มาดริดเก็บผมไว้ แต่น้องชายผมกลับส่งจดหมายให้สโมสรโละผมทิ้ง”
บายอร์บอกว่า มันอาจเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้ แต่การมีจดหมายไปถึงสโมสรในนามของครอบครัว (ซึ่งเขาไม่รู้เห็น) อาจช่วยให้สโมสรตัดสินใจง่ายขึ้น มันอาจเป็นแค่ 10% แต่ 10% นั่นก็มากเกินพอแล้ว
ย้อนกลับไปยังปี 2015 เกี่ยวกับแถลงการณ์ของเขาในเฟสบุค ตอนนั้นบายอร์เจอโจมตีจากข่าวที่ทอดทิ้งครอบครัวและไล่แม่ออกจากบ้าน เขาออกมาเปิดเผยด้วยแถลงการณ์ขนาดยาวผ่านเฟสบุคว่า ไม่ได้ไล่แม่ และไม่ได้ทอดทิ้งครอบครัว แต่เขามีปัญหากับครอบครัวจริง โดยระหว่างนั้นเขารู้สึกสิ้นหวังมาก และมีคนแนะนำให้ปรึกษาปัญหานี้กับผู้เชี่ยวชาญ(ชีวิตนักเตะ)อย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา
ดิดิเย่ร์ให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์มาก บายอร์บอกว่าเขารู้สึกขอบคุณอย่างมากและคำแนะนำเหล่านั้นมันช่วยเขาไว้จริงๆ โดยหลังจากได้รับคำแนะนำจากดร็อกบา บายอร์ก็กลับมาบอกบรรดาครอบครัว พี่ชายและพี่สาวว่า
"พวกนายควรเริ่มหางานทำได้แล้ว"
พี่สาวของบายอร์ออกไปให้สัมภาษณ์กับรายการวิทยุรายการหนึ่งว่า บายอร์ไล่แม่ออกจากบ้านโดยบอกว่าแม่เป็นแม่มด ซึ่งบายอร์ได้ออกมาปฏิเสธในแถลงการณ์เช่นกันว่า เขาไม่เคยไล่แม่ออกจากบ้าน แต่แม่บอกว่าจะออกจากบ้านไปเอง
"ผมจะรู้สึกใกล้ชิดกับแม่ได้ยังไง ในเมื่อแม่เป็นคนที่บอกใครต่อใครว่าหนทางในอาชีพของผมมันไม่ไปถึงไหนแล้ว เพราะงั้นผมจึงเลือกที่จะอยู่กับตัวเอง และทำสิ่งที่ผมต้องทำต่อไป
ผมซื้อบ้านราคา 1.2 ล้านยูโรให้คนที่เรียกตัวเองว่า 'พี่สาวของผม' ผมซื้อบ้านให้เธอ (Yabo) และให้ลูกพี่ลูกน้องอีกคนไปอยู่ด้วย 2 ปีต่อมาผมกลับไปพักผ่อนที่กาน่า เลยลองแวะที่บ้านและพบว่า มีรถจอดหน้าบ้านเต็มไปหมด เด็ดกว่านั้นคือ พี่สาวผมมันปล่อยบ้านให้คนอื่นเช่า โดยที่ไม่บอกผม แถมให้ลูกพี่ลูกน้องผมย้ายออกจากบ้านไปด้วย
ผมโทรหาเธอเพื่อต้องการคำอธิบาย บ้านหลังนั้นมีห้อง 15 ห้อง เธอใช้เวลา 30 นาทีในการด่าผมสารพัดโดยไม่อธิบายอะไร ผมเลยโทรหาแม่ และแม่ก็ทำแบบเดียวกันกับพี่สาว นี่คือพี่สาวคนที่บอกว่าผมมันคนเนรคุณ แล้วถามว่าเงินที่เธอซื้อรถขับ เงินที่เธอมีกินมีใช้วันนี้ เธอเอาเงินมาจากไหนกัน
ผมมีน้องอีกคนเขาชื่อ Kola เขาอยู่เยอรมันมา 25 ปีแล้ว แน่นอนว่าผมเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทางการศึกษาให้เด็กๆในครอบครัวทุกคน แต่เขาก็มาหาผมในวันนึง แล้วขอเงินไปเริ่มต้นทำธุรกิจ พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า ผมให้เงินเขาไปมากเท่าไรแล้ว แล้วไหนล่ะธุรกิจที่เขาบอกจะสร้าง?
ตอนปีเตอร์น้องชายผมเสีย ผมโอนเงินไปให้ Kola เพื่อให้เขากลับมาร่วมงานศพน้องที่บ้านได้ แต่เขาไม่เคยมาที่นั่น ไม่ได้ปรากฏตัวที่หลุมฝังศพ และเขาก็เป็นคนเดียวกันนี้ที่บอกคนอื่นว่า ผมมีส่วนทำให้ปีเตอร์ตาย มันยังไงกัน? เขาเป็นคนที่ขายข่าวให้ The Sun เกี่ยวกับผมและครอบครัวที่ไม่มูลความจริงเลยเพื่อแลกกับเศษเงิน และเขาก็เป็นคนเดียวกันกับที่เขียนจดหมายส่งให้มาดริด เพื่อให้ผมเจอไล่ออก
ตอนผมไปอยู่โมนาโก ผมคิดว่ามันคงจะดีที่จะมีครอบครัวเป็นนักฟุตบอลอยู่ด้วยกัน ผมส่งให้ Rotimi ได้อยู่ในอคาเดมี่ฟุตบอลในฝรั่งเศส ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน จากจำนวนนักเตะทั้งหมด 27 คน ถูกขโมยมือถือ 21 เครื่อง เป็นฝีมือของ Rotimi ทั้งหมด
น้องสาวของผม Lucia บอกคนอื่นๆว่า พ่อผมบอกว่าให้พาเธอมายุโรป แต่เธอจะมาทำไมที่ยุโรป ทุกคนมาที่นี่เพราะมีเป้าหมายทั้งนั้น (ทำงาน)
ตอนที่ผมได้รับข่าวอาการป่วยของปีเตอร์ ผมขับรถเร็วจี๋ไปถึงโตโกภายใน 2 ชั่วโมงเพียงเพื่อจะพบแม่ และแม่ไม่ให้ผมพบปีเตอร์ บอกเพียงให้ผมเอาเงินไปให้เธอ แล้วเธอจะแก้ปัญหาทุกอย่างเอง แน่นอนว่าผมให้ไปมากเท่าที่จะให้ได้ แต่ผู้คนกลับบอกว่า ผมดูดายที่จะช่วยรักษาชีวิตน้องชายไว้และปล่อยให้เขาตาย .. แล้วที่ผมขับรถไปโตโกสองชั่วโมงนั่นไม่มีความหมายอะไรเลยใช่มั้ย?
ผมเคยนัดครอบครัวมาร่วมกันสะสางปัญหาในครอบครัวตอนปี 2005 ว่าเราจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร พวกเขาเสนอว่า ผมควรสร้างบ้านให้แต่ละคน และ จ่ายเงินเดือนให้พวกเขาทุกคนด้วย
ตอนนี้ตอนที่ผมยังมีชีวิต พวกเขายังไม่มีสิทธิในทรัพสมบัติของผมทั้งหมด จนกว่าผมจะตาย
นั่นเป็นเหตุผลว่า พวกเขาบอกเสมอว่าเป็นไอเดียที่ไม่เข้าท่า กับการที่ผมสร้างกองทุนในแอฟริกาเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
สิ่งที่ผมเขียนมานี้ ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะสาวไส้ให้กากิน แต่ผมอยากให้ครอบครัวชาวแอฟริกันดูสิ่งที่ผมได้พบเป็นตัวอย่าง และเรียนรู้จากมัน"
บายอร์ออกมาให้สัมภาษณ์กับ BBC เพราะเขาบอกว่าสามารถก้าวข้ามเรื่องราวต่างๆนั่นมาได้แล้ว เขายังเล่าอีกว่า ตอนนั้นครอบครัวไม่เคยโทรมาถามเขาเรื่องอาการบาดเจ็บ ไม่เคยถามเขาว่าเขาโอเคมั้ย ทุกครั้งที่พวกเขาโทรมาคือพวกเขาต้องการอะไรบางอย่าง
“ผมอยากให้พวกคุณแคร์ผม ไม่ใช่แค่สถานะทางการเงิน หรือ เงินในบัญชีผม
ถ้าคุณแคร์ที่ตัวผม ผมก็จะแคร์ที่ตัวคุณเช่นกัน
คุณบอกว่า เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ
แล้วทำไมคุณถึงลืมสายเลือด แล้วเลือกจำแต่เงินในบัญชีผมแทนล่ะ?”
บายอร์บอกว่าทุกวันนี้เขาไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวอีกแล้ว แต่เขายังคุยกับเพื่อนๆได้ตามปกติ หรือถ้าใคร(ในครอบครัว) อยากคุยกับเขา เขาก็คุยได้นะ เพราะเขามองโลกเปลี่ยนไปแล้ว และเขาเป็นผู้ศรัทธาที่ดีต่อพระเจ้าด้วย ปัจจุบัน อาเดบายอร์วัย 33 ค้าแข้งอยู่กับ İstanbul Başakşehir ในตุรกีและทำผลงานได้ดีด้วย
“ผมมีความสุขมากตอนนี้ ยังไงก็ตาม มันมีความสุขจริงๆ”
Spoil
cradit :Poprock on FIELD