เศรษฐกิจดี เหตุใดชาวบ้านไม่รู้สึกแบบนั้น
คำถามข้างบนมักได้ยินบ่อยและดังขึ้นเรื่อย ๆ ในยามที่เศรษฐกิจปากท้องไม่ดี แล้วอะไรทำให้ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า คนหาเช้ากินค่ำ หรือคนในสภากาแฟ คิดอย่างนั้น...มาลองวิเคราะห์กันดูครับ
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เศรษฐกิจภาพรวมของเราขยายตัวได้ดี อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มจาก 3.0% ต่อปีในไตรมาส 4 ปีཷ เป็น 3.3% ในไตรมาส 1 ปีླྀ ภาคเกษตรก็ดีขึ้น การบริโภคภาคเอกชนก็ดีขึ้น การส่งออกก็ดีขึ้น
อ้าว !! แล้วทำไมชาวบ้านถึงบ่นว่าเศรษฐกิจปากท้องไม่ดี
คำตอบก็คือ "
ดัชนีเศรษฐกิจมหภาค" ที่ผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตไม่มีผลเชื่อมโยงกับ "
ดัชนีเศรษฐกิจปากท้อง" ของคนในระดับฐานราก
ดัชนีเศรษฐกิจมหภาคที่สะท้อนว่าเศรษฐกิจดีขึ้น หลัก ๆ มีอยู่ 3-4 ตัว ได้แก่
1) ตัวที่มีขนาดเครื่องยนต์ใหญ่สุดในโครงสร้างเศรษฐกิจไทย คือ "
การส่งออก" ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม
2) "
การลงทุนภาครัฐ" ที่รัฐบาลใช้เป็นพลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ก็ขยายตัวได้ดีในส่วนของการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
3) "
การบริโภคภาคเอกชน" ที่ดีขึ้นกลับเป็นหมวดการสื่อสารและการขนส่ง พอมาดูเดือนพฤษภาคม (ข้อมูลล่าสุด) รถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ก็ยังขยายตัวได้ถึง 15.2% และ 15.4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว และเป็นการขยายตัวได้ดีทุกภูมิภาค ดัชนีเศรษฐกิจมหภาคทั้ง 3 ตัว แม้มีผลต่อเศรษฐกิจในเชิงบวก แต่ไม่ได้มีผลเชิงบวกโดยตรงกับเงินในกระเป๋าของชาวบ้านแบบทันที และ
4) "
ภาคเกษตรกรรม" ซึ่งดูเหมือนจะเกี่ยวกับเศรษฐกิจฐานรากมากที่สุด แต่ที่ขยายตัวดีกลับมาจากฐานที่ต่ำจากภัยแล้งในปีก่อน จึงไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าเงินในกระเป๋าเกษตรกรเพิ่มขึ้น ดังนั้น คำตอบว่าทำไมชาวบ้านถึงไม่รู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ก็คือปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจไม่ซึมผ่าน (Osmosis) เข้าไปเป็นเงินเป็นทองในกระเป๋าของเขา
ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานไหนทำดัชนีเศรษฐกิจปากท้อง ใกล้เคียงสุดคงเป็นดัชนีเศรษฐกิจฐานรากของธนาคารออมสินในไตรมาส 1 ปีླྀ ดัชนีตัวนี้อยู่ที่ระดับ 47.2 ซึ่งยังต่ำกว่าระดับ 50 แปลความว่า ความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจฐานรากยังไม่อยู่ในระดับปกติ ปัจจัยลบคือ ค่าครองชีพสูงขึ้น ราคาสินค้าสูงขึ้น รายได้ไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพ เป็นต้น ดัชนีเศรษฐกิจปากท้องนี่ใครช่วยทำทีเถอะ เราจะได้มีตัวชี้วัดเศรษฐกิจระดับล่างสุดของระบบเศรษฐกิจว่าเขาเป็นอยู่อย่างไร แต่ต้องให้ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างเยอะ ๆ หน่อย ประมาณว่าหลักพันคนไม่เอา ต้องเอาเป็นหลักหมื่นหลักแสน และครอบคลุมทุกตำบลกว่า 7 หมื่นตำบลในประเทศไทยไปเลย
ถึงวันนี้ยังไม่มีข้อมูลเชิงพื้นที่มาอ้างอิง แต่ก็พออนุมานได้ว่า เศรษฐกิจปากท้องไม่ดีอาจเกิดจาก
1) ของแพงขึ้น
2) ตกงานหรือไม่มีงานทำ
3) ค้าขายฝืดเคือง
4) ขายของไม่ได้ราคา ไม่มีออร์เดอร์
5) ต้นทุนในการทำมาหากินสูงขึ้น
6) ต้นทุนในการเดินทางและขนส่งสูงขึ้น
7) ไม่มีที่ทำกินหรือที่ขายของ
8) หนี้สินพอกพูน
9) หนังสือพิมพ์ ทีวี Social Media มักนำเสนอข่าวร้ายเพราะติดหูและแพร่กระจายเร็วกว่าข่าวดี
หรือ 10) เกิดพร้อม ๆ กัน 2 อย่างขึ้นไป...มีอย่างอื่นอีกไหม ช่วยผมคิดด้วยนะครับ...อยากหยิบสาเหตุทั้งหมดไปลงพื้นที่ทั่วประเทศ ถามชาวบ้านในแต่ละตำบล (7 หมื่นกว่าตำบล) ว่าช่วยเลือกอันดับ 1 ถึง 5 ที่คิดว่าเป็นสาเหตุส่งมาให้เรา เราก็จะเห็นว่าดัชนีเศรษฐกิจปากท้องที่ว่าแย่ ๆ นั้นมาจากสาเหตุใดบ้าง แน่นอนว่าแต่ละพื้นที่อาจได้สาเหตุของปัญหาที่แตกต่างกัน...ฟังดูยาก แต่ถ้าใครทำได้จะเจ๋งมาก...
แล้วทางออกของปัญหาล่ะ...จะทำอะไรได้บ้าง วิธีที่ 1 แจกเงิน เราคงไม่ทำ เพราะไม่ได้สร้างศักยภาพอะไรให้ชาวบ้าน แม้เงินจะลงระบบเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด วิธีที่ 2 จ้างงานระยะสั้นในท้องถิ่น อันนี้เงินลงเร็ว แถมท้องถิ่นก็พัฒนาขึ้นด้วย วิธีนี้น่าสนใจ วิธีที่ 3 จ้างเข้าโครงการฝึกอบรม พัฒนาทักษะ อันนี้เงินลงช้าหน่อย แต่ดูยั่งยืนที่สุดสำหรับผู้มีรายได้น้อย และวิธีที่ 4 ลดภาระค่าครองชีพ เพื่อให้มีรายได้พอเลี้ยงปากท้อง อันนี้คงต้องทำควบคู่กับวิธีที่ 2 หรือ 3
จากนี้ไปนโยบายเศรษฐกิจปากท้องเพื่อช่วยคนจนจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ จัดใหญ่ไฟกะพริบแน่นอน
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1498632551