ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 01 Feb 2009
ตอบ: 17330
ที่อยู่: on board
โพสเมื่อ: Mon Jun 26, 2017 8:59 pm
แตกประเด็นจากกระทู้บาปบุญ
ต้นเรื่อง http://www.soccersuck.com/boards/topic/1518975


พอดีหน้าฟีดขึ้นมาพอดี เลย copy มาให้เผื่อท่านอื่นสนใจประเด็นนี้กัน จาก fb เพจพุทธทาส
https://www.facebook.com/AjahnBuddhadasa/?hc_ref=NEWSFEED&fref=nf







บ้าบุญ เมาบุญ นั่นแหละ เป็นมูลเหตุแห่งโรคจิตชนิดหนึ่ง เป็นโรคประสาทชนิดหนึ่ง หรือกลายเป็นโรคจิตไปเลยก็ได้ มีโรคจิตชนิดหนึ่งซึ่งหมอเขาจัดไว้ว่ามีมูลเหตุมาจากพระศาสนา จะหมายถึงพุทธศาสนา หรือศาสนาอื่นก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าความวุ่นวายใจ ความไม่พักผ่อนแห่งจิตใจ มันได้เกิดขึ้นเพราะความหลงใหลในศาสนาเป็นต้นเหตุ
.
แล้วโรคจิตชนิดนั้นก็จัดไว้ว่าเป็นโรคจิตที่มีมูลมาจากพระศาสนา รักษายาก ยิ่งกว่าโรคจิตธรรมดา อาตมาเคยสนทนากับหมอโรคจิต บางคนเขาเอาตำราให้ดูว่า โรคจิตที่เนื่องมาแต่ศาสนานี่รักษายากที่สุดเลย เพราะมันลึกซึ้งเหนียวแน่น ยิ่งกว่าโรคจิตธรรมดา ซึ่งกระทบอารมณ์เพียงบางอย่างบางคราวนี้ อาจจะหายไปได้ แต่ถ้าเป็นโรคจิตมามีมูลมาจากเรื่องทางศาสนา ฝังแน่นลึกอยู่ในสันดาน แล้วรักษายาก นี่แหละจึงเป็นสิ่งที่ต้องเอาใจใส่ แล้วสิ่งที่ต้องศึกษา ต้องใคร่ครวญดูให้ดี ๆ
ทีนี้ ก็จะสรุปความว่า จะเอือมบุญกันเมื่อไร มันก็แล้วแต่บารมีที่สร้างสมมาดีหรือไม่ ถ้าสร้างสมบารมีมาดี มันก็จะเอือมบุญกันได้เร็วกว่า
.
พูดอย่างนี้อย่าเข้าใจผิด ว่าอาตมาสอนให้เลิกทำบุญ ไม่ได้สอนให้เลิกทำบุญ เพราะบุญที่เป็นชื่อของความสุขที่ควรปรารถนาก็มี แล้วบุญเป็นชื่อของเครื่องชำระบาป ล้างบาปให้หมดไปก็มี คนทำบุญอย่างนี้ไปได้ แต่ขอให้มันถูกต้องอย่างนี้ อย่าให้กลายเป็นบุญที่เป็นที่ตั้งแห่งความบ้าบุญ เมาบุญ จนกระทั่งเป็นโรคจิตไปเสีย
ทำไมจึงต้องหยิบปัญหานี้ ขึ้นมาพิจารณาเพราะว่าเรื่องบุญนี้ มันมีด้วยกันทุกชาติ ทุกศาสนา ในบรรดาหมู่มนุษย์ในโลกนี้ ก็มีคำพูดใช้ตรงกันหมด คือสิ่งที่เรียกว่าดี หรือว่าบุญ แล้วก็ส่วนใหญ่มันก็เนื่องกันอยู่กับศาสนา หรือเป็นคำสอนในทางศาสนา สอนให้รู้เรื่องบุญ ให้ทำบุญ ให้มีบุญ เขาสอนผิด ๆ เขาก็อาจจะเลยไปถึงว่าให้บ้าบุญ
.
ถ้าเอากันแต่เพียงว่าเป็นเครื่องล้างบาปอย่างนี้ ก็จะไม่เป็นไร เช่นทำบุญให้ทาน เพื่อจะล้างความขี้เหนียวความตระหนี่ ล้างความเห็นแก่ตัว ล้างโทสะ ล้างจิตที่มันเลวร้ายก็ดีแหละ มันเป็นส่วนดี เป็นความดีโดยส่วนเดียว บุญที่เป็นเครื่องชำระกิเลส แต่แล้วส่วนมากในโลกนี้ เกือบจะทุกศาสนา ไม่ค่อยจะได้มีบุญกันในลักษณะล้างบาป แต่มีบุญกันในลักษณะที่เป็นอุปธิ คือของหนักที่ยินดีที่จะแบก จะหาม จะทูน จะหอบ จะหิ้ว ไปกับตัวทีเดียว เป็นเสียอย่างนี้โดยมาก แล้วก็เป็นโรคประสาทหรือเป็นโรคจิตเพราะบุญนั้นเองก็ไม่รู้สึก มันก็ไม่รู้สึก
.
พุทธทาสภิกขุ
ที่มา : ปกิณณกธรรมบรรยาย ครั้งที่ 3 เรื่อง บุญแท้เมื่อหมดความรู้สึกอยากมีบุญ
ปี พ.ศ. 2525 ‪#‎จดหมายเหตุพุทธทาส‬