คำสั่งมาตรา44 มาใหม่วันนี้ เปิดช่องให้ใช้ที่ดิน ส.ป.ก. ทำอย่างอื่นนอกจากเกษตร เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศได้



https://t.co/di3FGi7o2G

แบบนี้ใครอยากได้ที่ตรงไหนก็ชี้นิ้วเอาได้เลยสิ

มันตีความใด้กว้างจังเลยนะ ทำอย่างอื่นนอกจากเกษตร เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศได้

จะตีความว่าที่ดินนี้ทำอะไรก็ใด้เหมือนกันใช่มะ งี้เอาไปซื้อขายก็ใด้ภาษีมาบำรุงประเทศก็ใด้รึเปล่า

สร้างรีสอร์ท

แบบนี้ภูทับเบิกที่เพิ่งรื้อไปก็

หลักๆที่มันมีปัญหาเรื่อง ที่ดินสปก.กับกรณีพลังงานที่ว่านี่เยอะครับ

ยกตัวอย่างเช่น

1. แหล่งน้ำมันสิริกิตติ์ ที่ลานกระบือก็มีปัญหาเรื่องที่ดินสปก.
http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9600000051698

2. พลังงานไฟฟ้าโซล่าร์เซลล์ที่สร้างบนที่ดิน สปก.

ประมาณนี้ครับ

ลองเข้าไปอ่านปัญหาเรื่อง พลังงาน กับ สปก. ดูครับ
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1497207071

ต้องลองทำความเข้าใจดูครับ ที่มาที่ไปเพราะเหตุใดถึงต้องมีประกาศ ม.44 ฉบับนี้

โดย แม่ลูกจันทร์
กรณีศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งห้ามบริษัทเอกชนใช้ ที่ดิน สปก. ดำเนินการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ อีกต่อไปเนื่องจากที่ดิน สปก.ต้องใช้เพื่อการเกษตร อย่างเดียว
คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดสร้างความตกตะลึงช็อกตาตั้งไปตามๆกัน
เพราะทำให้บริษัทพลังงานที่ได้รับสัมปทานผลิตปิโตรเลียมในปัจจุบัน 4 ราย ต้องหยุดการผลิตทันที
รวมทั้งบริษัทเอกชนอีก 3 ราย ที่ได้รับสัมปทานแล้วแต่ยังไม่เริ่มผลิตก็ต้องปิดจ๊อบไปพร้อมกัน
เรียกว่าโป้งเดียวจอด เปรี้ยงเดียวจบ ครบวงจร
แม่ลูกจันทร์ ชี้ว่าบริษัทพลังงาน ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ บริษัท ปตท.สผ. ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทาน แหล่งสิริกิติ์ เป็นฐานผลิตนํ้ามันดิบ และก๊าซธรรมชาติในเขตที่ดิน สปก.
เมื่อแหล่งสิริกิติ์ต้องหยุดผลิต กะทันหัน ทำให้ปริมาณนํ้ามันดิบลดฮวบ ไปถึง 1.6 หมื่นล้านบาร์เรลต่อวัน
และทำให้ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติหายวูบไปอีก 110 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน
คิดมูลค่าความเสียหาย 47 ล้าน บาทต่อวัน หรือ 1,290 ล้านบาทต่อเดือน
แถมทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้จากภาษีนํ้ามันอีก 27 ล้านบาทต่อวัน หรือ 9,360 ล้านบาทต่อปี
เนี่ย...เรื่องมันยุ่งอย่างนี้แหละท่านพระครู
แม่ลูกจันทร์กราบเรียนว่าคำสั่ง ศาลปกครองสูงสุดห้ามใช้ที่ดิน สปก.ไปทำอย่างอื่น นอกจากเกษตรกรรม
เท่ากับห้ามไม่ให้ดำเนินการสำรวจ แหล่งปิโตรเลียมใหม่ๆในที่ดิน สปก. 35 ล้านไร่ ตลอดกาล
อาจเกิดผลกระทบความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในระยะยาว
และยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นภาคเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนด้านพลังงานในอนาคตต่อไป
เพราะบริษัทเอกชนทั้ง 7 ราย ได้รับสัมปทานให้ผลิตปิโตรเลียมจากรัฐบาลถูกต้องทุกขั้นตอน
และได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดิน สปก.ในการสำรวจและผลิตพลังงานมาแล้วหลายปี
แต่ที่เกิดปัญหาขึ้นมา เพราะ ก.ม.ไม่เปิดช่องให้ใช้ที่ดิน สปก.ทำประโยชน์ด้านอื่นนอกจากการเกษตรอย่างเดียว
แม่ลูกจันทร์ ยํ้าว่า ก่อนหน้านี้ศาลปกครองสูงสุดเคยสั่งห้ามบริษัทเอกชน 17 ราย ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล ลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม (วินด์ฟาร์ม) ในเขตที่ดิน สปก.
เนื่องจากที่ดิน สปก.มีวัตถุประสงค์เพื่อการเกษตรอย่างเดียว
ดังนั้น การที่ศาลปกครองสูงสุด สั่งห้ามบริษัทเอกชนที่ได้รับสัมปทานสำรวจผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในเขตที่ดิน สปก. จึงเป็นเรื่องเดียวกัน
อย่างไรก็ดี เมื่อศาลปกครองสูงสุดตัดสินเป็นที่สุด การจะหาช่องทางให้เปิดการผลิตใหม่จึงเป็น เรื่องลำบากยากเย็น
เว้นแต่...พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หน.คสช. จะใช้อำนาจพิเศษ ม.44 ประกาศให้ที่ดิน สปก.ที่เอกชนได้รับสัมปทานสำรวจผลิตพลังงาน หลุดพ้นจากสภาพที่ดิน สปก.
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทาง เศรษฐกิจ และเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไทย
ถ้าไม่ออกประตูนี้...ก็ไม่มีประตู อื่นแล้วโยม.
แม่ลูกจันทร์

เครดิต ไทยรัฐออนไลน์
10 มิ.ย.60

[

ขอบคุณสำหรัลข้อมูลครับ แต่แก้ง่ายดีนะครับอันไหนขัดกัน ม.44 ทีเดียวจบ เมื่อก่อน ต้องให้ศาลปกครองชี้ แล้วอย่างนี้ ตามข่าวศาลปกครองสั่งเพิกถอน ทำให้7 บริษัทต้องหยุดการผลิต อย่างนี้อำนาจบริหารและนิติบัญญัติจะก้าวล่วงอำนาจตุลาการ ทำให้เสียสมดุลการคานอำนาจอธิปไตยไหมครับ

ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ไม่ต้องมีแล้ว ตุลาการอะ ยุบๆไปเถอะ เปลืองงบครับ

เอาไปให้คนดีศรีแผ่นดินมาบริหารประเทศดีกว่า

ว่ะ ฮ่า ฮ่า ....

สำหรับผม ผมว่ามันก้ำกึ้งการก้าวล่วงอำนาจตุลาการนะครับ
อย่างคำสั่ง/คำพิพากษาของตุลากาก็ยังมีอยู่ ไม่ได้ไปยกเลิกคำสั่งดังกล่าว แต่เป็นการแก้ไขบทบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับให้เป็นไปตามที่ต้องการมากกว่า

ปล. ถ้าเอาแบบทั่วไปเลยผมว่ากรณีนี้ผมเห็นด้วยกับมาตรา44 นะครับ
เพราะว่า ที่ดินสปก. ในบางพื้นที่ไม่ได้เหมาะสมกับการเกษตรอย่างแท้จริง
บางพื้นที่เป็นดินลูกรัง บางพื้นที่แหล่งน้ำเข้าไปไม่ถึง บางพื้นที่ก็แห้งแล้ง
และที่สำคัญที่สุดคือ บางพื้นที่มันทำอย่างอื่นแล้วได้ประโยชน์กว่าสภาพพื้นที่ที่เป็นที่สปก.นั้นตั้งอยู่

เอาจริงๆ มาตรา 44 มันก็เป็นอะไรที่โคตร ... แหละ
แต่ถ้าเอามาใช้ให้ดี มันก็มีประโยชน์นะครับ
อย่างกรณีนี้ เท่าที่ตามมาผมเข้าใจว่ามันมีความแตกต่างอยู่ระหว่างกรณีวินด์ฟาร์มกับกรณีผลิตน้ำมัน
คือเข้าใจว่าเค้าผลิตน้ำมันกันมาก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติอะไรเกี่ยวกับ สปก. อีก
แล้วพอตอนหลังมีกำหนดสปก. เค้าก็ทำเรื่องขออนุญาติถูกต้อง ได้รับอนุมัติตามปกติ
แต่อยู่ๆมาบอกว่าไม่ใช่ละ ขอตีความใหม่ ไม่ให้ใช้แล้ว ผมว่ามันก็ไม่น่าใช่นะ
จริงๆผมก็แอบงงๆนะ เพราะปกติกฎหมายมันไม่มีผลย้อนหลัง แต่นี่มากำหนดทีหลัง แล้วบอกให้ออกไปซะ
มันก็ดูไม่แฟร์กับภาคเอกชนจริงๆ น่ะแหละ

ผมเคยนั่งทำงานเรื่องนี้ พอกฎหมายนี้ออกมา อยากกลับไปคุยกับอาจารย์ขึ้นมาทันที

ใจนึงผมก็คิดเหมือนท่านนะ แต่ผมสงสัยว่าถ้าในสภาวะรัฐบาลทั่วไปปัญหานี้จะแก้ยังไง ต้องนำกฎหมายเข้าสู่สภา เพื่อแก้ไข ผมว่าม.44 มันข้ามขั้นตอนที่จะdefend ผลกระทบกันเร็วไปหน่อย

กฎหมายที่มีเขียนมาทำไม ใช้ ม. 44 มาตราเดียวจบ

ตัดเอามาแต่ หัวข้อแล้วรายละเอียดอยู่ไหนครับ รีบออกมาด่ากันซะแล้ว รายละเอียดเป็นยังไง บอกหน่อย ทุกวันนี้ที่ดิน สปก. ก็ไม่ได้ทำการเกษตรอยู่แล้วนี่ พอได้ที่ดิน สปก. มาก็เอาไปขายนายทุน แล้วก็รุกป่าต่อไป สักพักก็ประกาศเป็นป่าเสือมโทรม ก็ออกเป็น สปก. ก็เอาไปขายอีก ...

ทำไมตัดมาแค่นี้ละ ผมเข้าไปอ่าน ก็มีสาระดีนะ

ดิสเครดิตกันหรืออป่าว

น่าจะเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าจีนที่เส้นทางที่จะสร้างผ่านที่ ส.ป.ก.

หลักๆก็เรื่องพลังงานครับ
เพราะศาลสั่งให้ปิดบ่อน้ำมันที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ สปก.ทำให้กำลังการผลิตหายไปบางส่วน
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1497207071