นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผลการแข่งขันออกมาแย่ได้ขนาดนี้

จะว่าไปก็มีความน่าจะเป็นไปได้นะ ครึ่งหลังหนังคนละม้วน โดนมาดริดกดยับเลย สปิริตก็ดูหายๆไปด้วย

ว่าแล้วเชียว มันต้องมี ซัมติงรอง ทะเลาะกันนี่เอง ตีเสมอได้แล้ว กำลังใจน่าจะมา ค่อยๆพูดกันก็ได้ รู้ไหม ประตูแรก ไม่ใช่ ความผิดของใครหรอกหน่ะ แฟนบอล เข้าใจ และไม่กล่าวโทดใครเลย

ถึงว่า ทำไม ครึ่งหลัง มันเละจังฟร่ะ สปิริต หายนี่เอง ถ้าไม่รวมใจกันเป็นหนึ่ง ก็ยากจะชนะคู่แข่งหน่ะ ยิ่งเจอ มาดริด ด้วย เห้อ

โบจัง = นึกถึงเพื่อนชินจังที่น้ำมูกไหลตลอดเวลาเลย

อยากถามว่าสื่อมันรู้ลึกถึงขนาดนี้ได้ไง ต้องเข้าไปนั่งฟังด้วยเลยนะเนี่ย

แต่คิดไปคิดมาก็ไม่แน่นะ เพราะครึ่งหลังออกมาเละเทะเป็นหนังคนละม้วนเลย

ล่าสุดจูเซ็ปเป้ มาร็อตต้าผู้จัดการทั่วไปของยูเวนตุสกล่าวถึงประเด็นว่า "ผมอยู่ในนั้นด้วย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ แค่ปรึกษาแท็กติกกัน"

ร้าวเล็กๆ

อาจจะจริง ครึ่งหลังเล่นแบบไม่เอาไรเลย
แต่จะไปโทษคนใดคนนึงก็ไม่ถูก รับผิดชอบร่วมกันหมดแหละ
เห็นเล่นดีอยู่แปปเดียว นอกนั้นมาดริดดีกว่าเห็นๆ

ก็ว่า ครึ่งหลังมันคนละเรื่องกับครึ่งแรกเลย อาจมีมูลความจริงบ้างแน่ๆครับ

น่าจะมั่วนะเพราะครึ่งแรกฝั่งมาเซโล่แทบไม่ได้บุกเพราะต้องระวังอัลเวสกับดีบาล่า. อีกอย่างถ้าลูกทีมไปตบหน้าเพื่อนชวนทะเลาะหรือทำให้สปีริตทีมเสียน้ากรีไม่เก็บไว้ยันจบเกมส์หรอก น่าจะเปลี่ยนออกตั้งแต่ตอนนั้นละ

นักข่าวรู้ดี ว่างไม่มีไรจะเขียน จุดเทียนซะเลย

แพ้คือแพ้ แท้คติค กับ นักเตะ มันก็คงมีการคุยกันอยู่แล้ว

ถ้ามาดริดแพ้ คงมีข่าว โด้ โวยซีดาน ด่าเพื่อนไรแบบนี้ เหมือนกัน

กลางกับหลัง มาดริด ชุดนี้ ไม่ใช่กระจอก จะให้ดีบาล่า ผ่านไปง่ายหรอกนะ

ครึ่งแรกยูเว่เล่นดีกว่าไม่เห็นมีอะไรต้องผิดใจกัน เรื่องยิงแฉลบขาก็เป็นเหตุสุดวิสัยไม่ได้ตังใจซักหน่อย ส่วนเรื่องบาซาญี่มาเซโล่ครึ่งแรกแทบไม่ได้เติมเลย

นักข่าวนี่มันมีสายทั่วไปในอากาศเลยรึ รู้ทุกอย่างจริงๆ