มิโลวาน ราเยวัช กุนซือใหม่ป้ายแดงชาวเซอร์เบียร์ประเดิมคุมทัพ “ช้างศึก” ลงเตะเกมแรกอย่างเป็นทางการไปแล้วในช่วง “ฟีฟ่า เดย์” ด้วยการบุกพ่าย อุซเบกิสถาน ถึงที่กรุงทาชเคนต์ 0-2

เสียงวิพากษ์วิจารณ์หลังจบเกมดังหนาหูตามสไตล์ไทยแลนด์แดน “ดราม่า” แน่นอนว่าถือเป็นเรื่องปกติที่ย่อมมีคนที่คิดเห็นไม่เหมือนกัน ผลงานของ “ราเยวัช” ในเกมแรกจึงมีทั้งคำชื่นชมให้กำลังใจและการตำหนิบ่นว่าไม่ประทับใจ

ใครคิดอย่างไรคงต้องแล้วแต่มุมมองครับ แต่ผมอยู่ในฝ่ายชื่นชมและให้กำลังใจ เพราะไม่คิดว่าการแพ้ อุซเบกิสถาน ในเกมนี้จะเกิดผลเสียหายเท่าใดนัก สกอร์ 0-2 ถือว่าไม่พลิกความคาดหมายเป็นไปตามมาตรฐานและศักยภาพ

ทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของ “ราเยวัช” กำลังอยู่ในช่วง “ตั้งไข่” นักเตะและโค้ชมีเวลาทำความรู้จักกันและทำงานร่วมกันแค่ 8 วันในการฝึกซ้อม รวมถึงมีอุ่นเครื่องแบบไม่เป็นทางการกับ ระยอง ทีมระดับไทยลีก 2 เพียงนัดเดียว

ที่สำคัญตัวผู้เล่นของทีมชาติไทยยังไม่ถือว่าฟูลทีมเนื่องจากผู้เล่นของ “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด อีกถึง 9 คนยังไม่ได้เข้าร่วมทัพ “ช้างศึก” เพราะ “ราเยวัช” ต้องการให้พักร่างกายให้พร้อมเพื่อเกมที่สำคัญกว่าที่รออยู่ในฟุตบอลโลก

นักเตะที่ “ราเยวัช” เลือกไป อุซเบกิสถาน เป็นนักเตะหน้าใหม่หลายราย แต่ทั้ง 22 คนคือ “ตัวหลัก” ของสโมสรที่ลงเล่นในลีกอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ นี่คือสิ่งที่หลายคนเรียกร้องมาตลอดไม่ใช่หรือว่าต้องการเห็นนักเตะที่ฟอร์มดีในลีกได้ติดทีมชาติไทย

“ราเยวัช” ได้ทำตรงนี้แล้วด้วยการเลือกผู้เล่นที่ฟอร์มดีที่สุดในลีกมาติดทีมชาติ แน่นอนละว่าโผรายชื่อมันอาจจะมีทั้งที่ถูกใจและขัดใจ แต่เหตุผลสำคัญที่สุดคือ “โค้ชชอบ” และทีมงานผู้ฝึกสอนได้ไปกลั่นกรองพิจารณามาเองทั้งหมดจากฟอร์มที่เห็นในปัจจุบัน

นักเตะใหม่หลายคนที่มีโอกาสถูกส่งลงเล่นในเกมกับ อุซเบกิสถาน ก็ทำผลงานแตกต่างกันไป ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่เท่าที่เห็นไม่มีใครที่ถึงขั้น “ออกทะเล” ภาพรวมถือว่าน่าพอใจในระดับหนึ่ง

บางคนสอบผ่านสบายๆ แต่บางรายต้องพัฒนาแก้ไขและปรับปรุงกันต่อไป การประเดิมทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรกของบางคนแสดงให้เห็นชัดเจนว่าประสบการณ์ยังน้อย การผิดพลาดในจังหวะสำคัญๆยังมีให้เห็น

การเสียประตูแรกให้ อุซเบกิสถาน นั้นชัดเจนทีเดียวว่าพลาดเองที่ประกบไม่ดี ส่วนลูกที่สองที่เสียต้องยอมรับว่าน่าเสียดายเพราะไม่ควรจะต้องมาโดนอีกลูกทั้งที่รูปเกมถือว่าทำได้ดี แต่ก็ต้องให้เครดิตนักเตะเจ้าบ้านที่ยิงได้งามหยดย้อยทีเดียว

จริงๆแล้วนักเตะไทยมีโอกาสที่จะเสมอหรือยิงประตูกลับมาได้ด้วยซ้ำ จังหวะยิงประตูและทำเกมบุกไปลุ้นสกอร์ใช่ว่าไม่มี แต่บอลระดับนี้ต้องไม่ใช้โอกาสเปลือง เมื่อมีโอกาสแล้วต้องทำให้ได้ แต่เรายังไม่เด็ดขาดพอ

ส่วนแทกติกของ “ราเยวัช” ที่หลายคนมองว่าเน้นรับมากไปนั้นจริงๆก็ไม่แปลก ต้องมองโลกแห่งความเป็นจริงว่าศักยภาพของนักเตะไทยในระดับเอเชียคือ “มวยรอง” ดังนั้นจะเดินหน้าแลกหมัดเข้าใส่ย่อมมีโอกาสถูกน็อกสูง

อย่าลืมว่า อุซเบกิสถาน เป็น “เจ้าบ้าน” พ่วงดีกรีอันดับ 6 ของเอเชียและอันดับ 62 ของโลก อีกทั้งตอนนี้ยังได้ลุ้นไปฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียหลังเก็บไปแล้ว 12 คะแนนรั้งอันดับ 3 ของกลุ่มเอในรอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย

ขณะที่ “ช้างศึก” อยู่อันดับ 19 ของเอเชีย อันดับ 127 ของโลก และการลงเตะฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย กลุ่มบี อยู่อันดับสุดท้ายมีแค่ 1แต้มจากการเสมอ 1 แพ้ 6 เกม ยังชนะใครไม่เป็น

ดังนั้นด้วยมาตรฐานและศักยภาพนักเตะไทยจึงเป็นรอง อุซเบกิสถาน แบบชัดเจนอยู่แล้ว แล้วการไปเล่นเน้นรับจะแปลกตรงไหน แต่เท่าที่เห็นก็ไม่ได้รับแบบโงหัวไม่ขึ้น นักเตะไทยทำเกมสู้อย่างสนุกและเชียร์ขึ้น

จากมุมมองที่เห็นจึงขอชื่นชมและให้กำลังใจแข้ง “ช้างศึก” มากกว่า และบอกเลยว่าชอบคำสัมภาษณ์ของ “ราเยวัช” มากๆที่บอกว่า “มันไม่ใช่เรื่องน่ายินดีที่เราแพ้ แต่เราจะนำประสบการณ์นี้มาสร้างทีมชาติไทยแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต”

ถึงตรงนี้ผมเชื่อว่าทีมชาติไทยมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว ซัมเวล บาบายาน เฮดโค้ชอุซเบกิสถานแถลงข่าวหลังจบเกมยังบอกเลยว่าแปลกใจสไตล์การเล่นของทีมชาติไทยที่พัฒนาขึ้น จากเกมรับที่ไม่แข็งแกร่งมากนักกลายเป็นการเล่นที่มีวินัยมาก

แม้จะเปิดตัวไม่สวยแต่ภาพรวมของ “ราเยวัช” ในมุมมองส่วนตัวถือว่าโอเคครับ ไม่ได้ว่าเอาแต่อวยแต่สิ่งที่เห็นมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ทั้งนี้กุนซือเซอร์เบียยังต้องพิสูจน์ผลงานของตัวเองต่อไป

ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย นัดที่ 8 ที่ “ช้างศึก” จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ถือเป็นเกมสำคัญที่ “ราเยวัช” จะต้องพิสูจน์ฝีมืออีกครั้ง

“ราเยวัช” จะมีเวลาทำทีมมากขึ้นนิดหน่อยและจะได้ผู้เล่นแบบฟูลทีมกลับมา ไม่ต้องดราม่าว่าควรใช้ผู้เล่นชุดเดิมกับ อุซเบกิสถาน หรือเอาตัวจาก “กิเลนผยอง” มาผสม ยึดเหตุผลเดียวพอคือ “นักเตะทีมชาติไทยต้องเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในขณะนั้น”

เป้าหมายสำคัญที่สุดในเกมกับ “ยูเออี” คือการคว้าชัยชนะนัดประวัติศาสตร์นัดแรกในรอบนี้้ “ราเยวัช” และขุนพล “ช้างศึก” จะทำได้หรือไม่ วันอังคารที่ 13 มิ.ย.นี้่รวมพลังไทยทั้งชาติเชียร์กันให้สุดพลังครับ

“บับเบิ้ล”

นัดหน้าถ้าแพ้อีก เชื่อเลย คนรอซ้ำเพียบแน่ๆ

ซึ่งตามสภาพคิดว่าไม่น่ารอด แต่ก็จะพิสูจน์กึ๋นของราเยวัชได้เป็นอย่างดี

ยังไงก็ให้เวลาเขาหน่อยละกัน

สิ่งที่น่ากังวลตอนนี้คือ เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง จุดที่แฟนบอลแตกเป็นเสี่ยง จากฝั่งที่เอาซิโก้ และไม่เอา ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์ อย่างใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ที่วัยรุ่นเขาเรียกว่า ติ่ง นั่นแหละ

นัดหน้าความคาดหวังของแฟนบอลสูงมากๆ กลัวนักเตะจะกดดันจนแพ้คาบ้านเหมือนเกมกับซาอุ

เอาใจช่วยนะ แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะอยุ่นานเลย

พวกวิจารณ์ ลบๆ ก็เกินไป โค๊ชซุปไก่ มีเวลา เก็บตัวทำทีมครึ่งเดือน แถมทำมาหลายปีนักเตะหน้าเดิมไม่ต่างกับสโมสรเลย ราเยวัช 8 วันกับนักเตะหน้าใหม่ พอแพ้ มันโวยวายแล้ว

ให้โอกาสก่อน แต่ถ้าแพ้ 4-5 นัดติดก็นะ

ไล่ออกเลยครับ ทีมชาติมีแต่นักเตะระดับโลก

แต่มาแพ้แบบนี้ บอกได้เลยครับ อายมาก

ติ่งสมาคมได้กล่าวไว้ อิอิ

2-0 อย่างน้อยก็อายน้อยกว่า 5-2 นะ

ความสำเร็จไม่ได้สร้างได้ในวันเดียว

เมื่อคืนเกมรับมีระเบียบวินัยกันดี มีการยืนคุมโซน ที่ค่อนข้างโอเคมากๆ
แต่ก็ต้องยอมว่าอุซเบก็มีทีเด็ดทีขาดโจมตีเราได้ ซึ่งสองประตูที่เสียก็มาจากความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆ ซึ่งก็ต้องพัฒนาแก้ไขและปรับปรุงกันต่อ มันคงจะไม่สามารถเสกได้ว่าเราจะไม่แพ้ไปตลอดหรอก

อีกข้อเสียเมื่อคืนที่ชัดเจนคือทีเด็ดทีขาดหน้าประตู มีโอกาสจบอุซเบได้หลายครั้งในครึ่งแรก ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำหรับทีมที่เป็นรองต้องมีคือ เฉียบขาดและใช้โอกาสไม่เปลือง
ถ้าเราน็อคเค้าได้ และ เล่นในระเบียบวินัยเกมรับแบบนี้ แล้วใช้เกมสวนกลับโจมตี มันก็จะลงล็อคเลย

ต้องรอดูเกมวันอังคารหน้าอีกเกมดูว่าราเยวัชจะมาไม้ไหน

ถ้าลูก นูรูล ชาร์จโดนแล้วเข้า
เราอาจจะได้เห็นแผนโต้กลับแบบใหม่
แต่ทีเห็นเมื่อวานไม่ขี้เหร่เลย. เกมส์รับตอนเสียบอล
กองหลังแทบไม่เคยเหลือ ตัวต่อตัวกับอุซเบ เลย ซึ่งที่ผ่านมาไม่เป็นแบบนี้
เหลือแค่จังหวะจบ ถ้าจะเป็นทีมเน้นโต้กลับ จังหวะควรได้ต้องได้
ปล.ฐิติพันธ์ เหมือนฟื้นคืนชีพ ธนบูรณ์ยืนได้ครบ แล้วเควินได้เล่นกับอุ้มฝั่งซ้ายคงสนุกดี

ก็อายน้อยกว่าแพ้เด็ก u23 คาบ้านอะนะ
เกมรุกเร้าใจมักๆเรยโดนแค่ 5 ลูกเอง

พึงมาคุม ไม่กี่วัน จะให้เยี่ยมยอดชนะกระจาย ใช่เรื่องง่าย ไหนต้องทำความเข้าใจ ตัวนักเตะ ระบบ แผนการเล่น ต่างๆ มากมาย มันต้องมีลองผิดลองถูกกันบ้าง สิ

นัดuaeผมมั่นใจว่าไม่แพ้ อาจมีโอกาสถึงชนะด้วยซ้ำ ผมกล้าลงบิลด้วย ข้อแรกเลยuaeไม่ใช่บอลเพลสชิ่งซึงไทยแพ้ทางบอลจำพวกนี้ นัดที่แล้วที่แพ้uaeโค้ชคนก่อนไม่ศึกษาคู่แข่งปล่อยโอมารให้มีพื้นที่เล่นเยอะมาก

เห็นด้วยนะครับ เมื่อวานก็เล่นกันได้ดีเลยนะ..

ท่านอย่าไปพูดแบบนี้นอกบอร์ดเรานะ รับรองงานหยาบเลย ผมไป Survey ดู ด่ากันดุเดือด จะเอาซิโก้กลับมาท่าเดียว

คนมันอยากด่า ทำไงมันก็ด่า

แพ้ญี่ปุ่น 3-0 ผมอาย

แพ้อุชเบ 0-2 ผมจะไม่อายเชียวหรือ??????


ใครจะอวย ก็อวยไปครับ แต่ผมไม่อวยด้วยคนกับการรเล่นบอลโยนแบบนี้

ที่ว่าแพ้เด็ก u23 หมายถึงนัดไหนน่ะครับ ?
ปล.ผมว่าไม่แปลกครับที่จะมีทั้งชอบและไม่ชอบ แต่เราต้องมองตามความเป็นจริง และให้โอกาสโค้ชใหม่แหละครับ

ดูเต็มเกมมั้ยครับ?

ผมดูทั้งเกมเราแทบไม่โยนเลยนิ เน้นครองบอลชัวร์ เท้าต่อเท้า แต่แค่ไม่หวือหวา

ตลกก็ติ่งซิโก้นี่แหละ ตอนซุปไก่คุมคือบอกว่าไม่หวังชัยชนะในการเตะทีมระดับเอเชีย พอราเยวัชคุมดันแพ้ไม่ได้เลย ห้ามแพ้ ตลกฮะ

สมเป็นติ่ง จงเป็นติ่งทีมชาติซุปไก่ต่อไปนะจ๊ะ

เรื่องอื่นๆยังบอกอะไรไม่ได้มาก แต่สิ่งที่ผมชอบคือกล้าทำสิ่งที่ควรจะทำ กล้าลองตัวใหม่ๆในเกมอุ่นเครื่อง และเก็บตัวสำคัญๆที่ไม่ต้องพิสูจน์อะไรแล้ว ถ้ากลัวเสียหน้าหรือต้องการเสียงสนับสนุน เอาตัวหลักไปจัดเต็มนัดอุ่นเครื่องนี่ไม่ไหว

อย่างน้อยๆถ้าทำแบบนี้แมทอุ่นเครื่องก็เป็นโอกาสให้หน้าใหม่ๆได้พิสูจน์ตัวเอง ส่วนแฟนๆที่บ่นตัวดีมีไม่ใช้ทั้งๆที่เป็นเกมส์อุ่นเครื่องปล่อยไปเถอะ เสียเวลาคุยด้วย

ผมไม่ได้เข้าข้าง โควทแรกนะครับ

แต่ผมว่าบอลโยนจากหลังไปหน้าเยอะเหมือนกัน ไม่รุ้เพราะไม่มีตัวเชื่อมแดนกลาง หรือ โค้ชสั่ง

นี่คืออีกข้อที่ผมติงจากเกมแรก

จะไม่ให้แบ่งได้ยังไงล่ะครับ

ลองอ่านคอมเม้นท์ในกระทู้นี้ก้อได้

บอร์ด SS ใครเป็นติ่งโก้ โดยเหน็บ หรือตามด่าเกือบหมด
ถ้าเปนใน บอร์ดอื่นบางที่ ติ่งโค้ชใหม่ ก็โดนด่า เหมือนกัน

สุดท้ายแล้ว แต่ละคนก้อไม่ต่างกันทั้ง ที่เห็นด้วยและเห็นต่าง เพราะคิดว่าความคิดตัวเองถูกต้องที่สุด

เท่าที่ดูดีแล้วครับ แค่เสียประตูท้ายเกมส์