ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 431
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:28 pm
ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!
ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รับการยกย่องว่า
เป็นเสาหลักที่ยืนตระหง่าน คอยค้ำจุนและช่วยดูแลเสถียรภาพ
เศรษฐกิจไทยมายาวนาน ยิ่งเวลาผ่านไป ความเชื่อมโยงของเศรษฐกิจโลก
และปัญหาที่ตามมาก็ยิ่งขยายวงกว้าง ทำให้ธปท.มีภารกิจในการบริหารจัดการที่กว้างขวางขึ้น แต่ก็เหมือนคนที่ขึ้นไปยืนบนยอดเขา สามารถมองเห็นภาพที่ไกลขึ้น
แต่กลับมองไม่เห็นต้นไม้ต้นหญ้าตรงเชิงเขา ว่าเหี่ยวเฉาโรยราไปเท่าไรแล้ว
วันนี้ ผู้เขียนจึงขอวิพากษ์ธปท. ว่าหลงลืมละเลยประชาชนคนส่วนใหญ่ไปในเรื่องใดบ้าง

1. ดอกเบี้ยเงินกู้ ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาไปทั่วโลก
ทำให้ผู้คนยังไม่กล้าลงทุนเพิ่ม
ประกอบกับประเทศมหาอำนาจใช้นโยบายอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของตน
ทำให้อุปทานของเงินสดมีมาก กดดอกเบี้ยให้ลดต่ำเป็นประวัติการณ์
ท่ามกลางภาวะ ดอกเบี้ยเงินฝากของไทยที่ลดลงจาก 4.5%
เมื่อ 10 ปีก่อน ลงมาเหลือ 1.5% ในวันนี้
แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้กลับปรับลดลงในอัตราที่น้อยมาก
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อย (MRR)ลดลงจาก 8.5%
ในปีพ.ศ.2550 ลงมาเป็น 8.0%ในวันนี้
หากเป็นวงเงินเบิกเกินบัญชี(โอ.ดี.) ได้ปรับลดลงจาก 10.5% มาเป็น 10.0%
ข้ออ้างมาตรฐานของธนาคารคือมีความเสี่ยงสูงขึ้น
แต่ผู้เขียนอดสงสัยไม่ได้ว่า ลูกหนี้ที่ชำระดอกเบี้ยสม่ำเสมอไม่เคยมีหนี้เสียเลย
ตลอดระยะเวลา 10-20 ปีที่ผ่านมา
ทำไมต้องมาร่วมรับภาระจากการบริหารที่ผิดพลาดของธนาคาร
ทำไมพวกเรายังต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูงทั้งๆ ที่ต้นทุนดอกเบี้ยถูกลง

2. ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงจนแทบจะเป็นศูนย์อยู่แล้ว
แต่เชื่อหรือไม่ว่าอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตไม่เคยปรับลดลงเลย
อดีตอยู่ที่ 20% ผ่านมา 10 ปีก็ยังอยู่ที่ 20%
ทำไมผู้คุมกฎอย่างธปท.จึงไม่เข้าใจ หรือว่าไม่ใส่ใจ
มีความพยายามที่จะอธิบายว่าสินเชื่อประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง ไม่มีหลักประกัน
ผู้เขียนไม่เข้าใจว่า ความเสี่ยงเมื่อ 10 ปีที่แล้วกับปัจจุบันต่างกันอย่างไร
ความจริงด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ธนาคารพาณิชย์น่าจะสามารถคัดกรองลูกค้าได้ดีขึ้น
มีข้อมูลมากขึ้น จากการเชื่อมโยงของข้อมูลแหล่งต่างๆ เพียงแต่ที่ผ่านมา
ธนาคารเลือกที่จะขยายธุรกิจด้วยการรับลูกค้าที่มีคุณภาพด้อยลงเข้ามาในพอร์ต
ทำให้มีหนี้เสียเพิ่มขึ้น หากมีการคัดแยกลูกค้าชั้นดีออกมา
ด้วยการให้รางวัล เช่นลูกค้าที่ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้เลยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
จะคิดดอกเบี้ยในอัตราพิเศษเพียง 10%
ส่วนที่ผิดนัดให้คิด 15% หากต้องการได้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษอีก ก็ต้องเริ่มรักษาเครดิตไปอีก 5 ปีเป็นต้น

อนึ่ง อาจมีบางคนโต้แย้งว่า การใช้บัตรเครดิตมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวก
จะได้ไม่ต้องพกเงิน จึงต้องจ่ายเต็มจำนวน ใครจ่ายไม่เต็ม
ควรมีบทลงโทษด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงเพื่อฝึกวินัยในการใช้เงิน
ก็ขอตอบว่า คนที่คิดเช่นนั้นคงไม่เคยได้รู้สภาพที่เป็นจริงของสังคมเลย
ว่าทุกวันนี้ประชาชนถูกผู้ประกอบการหรือแม้แต่รัฐบาลเอง
กระตุ้นการบริโภคอยู่ตลอดเวลา โดยที่ตัวประชาชนเองก็ไม่ได้มีระบบการวางแผนการเงินที่ดีพอ บ่อยครั้งที่จำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉิน ลูกเจ็บป่วย
คนในครอบครัวเกิดอุบัติเหตุ หาเงินมาไม่ทัน
ก็ต้องใช้วงเงินในบัตรเครดิตประทังไปก่อน
แล้วค่อยผ่อนชำระ 2-3 เดือน ลำพังดอกเบี้ย 10-12%
ก็ถือว่าเป็นการลงโทษที่พอควรแล้วอย่าให้ถึง 20% เลย
อีกเรื่องที่อดจะกล่าวถึงไม่ได้คือ การคิดอัตราดอกเบี้ยคนที่ซื้อสินค้าด้วยบัตรเครดิตแล้วใช้วิธีผ่อนชำระ ธนาคารจะคิดดอกเบี้ยทันทีตั้งแต่วันที่มีการซื้อสินค้า
ขณะที่ในต่างประเทศเขาจะเริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ถึงกำหนดชำระ
เพราะถือว่าธนาคารได้รับค่าธรรมเนียมในการใช้บัตร 2-3% อยู่แล้ว
จึงไม่ควรที่จะมาเบียดบังกับลูกค้าเพิ่มอีก หากเลยกำหนดที่ต้องชำระแล้ว
เขายังไม่จ่าย จึงค่อยเริ่มคิดดอกเบี้ย แบบนี้ถึงจะยุติธรรม
3. อัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ สี่ห้าปีที่ผ่านมา
คนไทยไปเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้น เทคโนโลยีทำให้คนอยากออกไปเปิดหูเปิดตาในต่างประเทศ แต่ท่านเชื่อหรือไม่ว่า
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่เป็นผู้ดำเนินธุรกิจนั้น ทำให้ท่านสะดุ้งได้ คนทั่วไปอาจจะไม่รู้เลย จนกว่าจะได้ไปใช้บริการด้วยตนเอง
ขอยกตัวอย่างสกุลเงินของประเทศเพื่อนบ้าน
เช่นฟิลิปปินส์,อินโดนีเซีย หรือไต้หวัน (ตามตาราง)
หากท่านแลกเงินไปเที่ยวแล้วใช้ไม่หมด
นำสกุลเงินเหล่านั้นกลับมาแลกคืนเป็นเงินบาทที่บูธของธนาคารใดธนาคารหนึ่ง
ท่านอาจขาดทุน 30 - 40% ของต้นทุนเดิมที่แลกมา
ขอย้ำว่าท่านไม่ได้อ่านผิดเพราะ
ส่วนต่างของอัตราซื้อและขายเงินตราต่างประเทศของธนาคารไทยนั้นถ่างกว้างมาก
หากจะมีใครออกมาแก้ตัวแทนว่า สกุลเงินต่างประเทศที่ยกมานั้นมีความผันผวนสูง
ก็ขอตอบว่า แล้วทำไมบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตรารายใหญ่ของไทยรายหนึ่งที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ เขาจึงกำหนดส่วนต่างของสกุลเงินประเทศนั้นๆเพียง 3- 4% เท่านั้น
นี่เป็นประจักษ์พยานว่าธนาคารพาณิชย์เป็นเสือนอนกิน
ที่ไม่ได้ใช้ฝีมือในการบริหารเลย อาศัยผูกขาดธุรกิจมายาวนาน
จนแข่งขันไม่เป็น หาก ธปท.ยังคอยปกป้อง
ไม่ส่งเสริมให้เอกชนรายใหม่ๆเข้ามาแข่งขัน คนที่เสียหายก็คือประชาชน
รวมถึงนักท่องเที่ยวที่จะก่นด่าระบบการเงินของไทย ว่าล้าหลังและเอาเปรียบสิ้นดี
4. ธนาคารยัดเยียดประกันชีวิต โดยหลักการ
การที่ธนาคารเปิดช่องทางจำหน่ายประกันชีวิตเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนนั้น
ถือเป็นสิ่งที่ดี แต่การขายประกันชีวิตของธนาคารมักไม่มีการบริการหลังการขาย
จึงเสมือนได้ค่านายหน้ามาฟรี
ทำให้หลายธนาคารมุ่งความสนใจมาหารายได้ในช่องทางนี้
เพื่อชดเชยกับรายได้จากดอกเบี้ยที่ลดลง
ธนาคารหลายแห่งกำหนดให้การขายประกันชีวิตเป็นหนึ่งในตัววัดผลการทำงาน(KPI) ของพนักงานทุกคน ไม่ว่าจะมีใบอนุญาตนายหน้าประกันชีวิตหรือไม่ก็ตาม
ทำให้เกิดเสียงบ่นกันอื้ออึงว่า ลูกค้าถูกพนักงานธนาคารยัดเยียดให้ซื้อประกันชีวิตเพื่อแลกกับการได้ใช้บริการจากธนาคาร รวมทั้งยังมีการหลอกว่า เป็นการฝากเงิน
ซึ่งที่ผ่านมามีการร้องเรียนจากประชาชนมากมายทั้งผ่าน
ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
แต่แทบไม่พบการลงโทษในประเด็นที่เกี่ยวกับการยัดเยียด
หรือหลอกขายประกันชีวิตเลย ส่วนใหญ่มักจบลงด้วยการยอมความ
ที่สำคัญคือธปท.ปล่อยให้ธนาคารพาณิชย์ใช้ข้อมูลภายในของลูกค้าในเรื่องจำนวนเงินฝาก แล้วให้พนักงานฝ่ายขายนำไปใช้ในการขายประกันชีวิต
หรือนำไปใช้ในการต่อรองการทำธุรกรรมต่างๆ ถือว่าเป็นการผิดจรรยาบรรณ
โดยปัจจุบัน สถาบันการเงินในต่างประเทศเริ่มเข้มงวดการใช้ข้อมูลข้ามแผนกกัน
เพราะถือเป็นความลับของส่วนตัวลูกค้า

5. ค่าธรรมเนียมโอนเงิน มีการพูดกันมานานแล้วว่าค่าธรรมเนียมในการโอนเงินของไทยนั้นค่อนข้างแพง เช่น ชาวบ้านทั่วไปหากไปโอนเงินใน
วงเงินระหว่าง 500-2000 บาท ธนาคารจะคิดค่าธรรมเนียม 25 บาท
หรือคิดเป็นเฉลี่ย 2.5% มีการพูดกันว่า
ถ้ามีการนำเทคโนโลยีทางการเงินหรือฟินเทคมาใช้
ค่าธรรมเนียมอาจลดลงมาเหลือ 10 บาทหรือไม่เกิน 1%
ช่วงที่ผ่านมา มีการป่าวประกาศจากธนาคารพาณิชย์ว่าหากมาเปิดบัญชีพร้อมเพย์ที่ธนาคาร ต่อไปไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนเงินแล้ว
ถ้าการโอนเงินนั้นไม่เกิน 5000 บาท แต่กลายเป็นตลกร้าย
เพราะหลังจากที่เราสมัครไปแล้ว หากเราโอนเงินไปให้เพื่อนหรือชำระค่าสินค้าตามเลขบัญชีที่เขาแจ้งมา เรายังต้องเสียค่าธรรมเนียม 25 บาทเหมือนเดิม
สรุปคือบัญชีพร้อมเพย์ไม่ได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมให้กับผู้โอน
ผู้ที่จะได้รับการยกเว้นคือผู้ที่โอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ของเราต่างหาก
จึงแทบพูดได้ว่าการโอนเงินส่วนใหญ่ทุกวันนี้
ากไม่ใช่บัญชีที่โอนกันเป็นประจำ เช่นพ่อแม่โอนให้ลูก
แต่เป็นการโอนระหว่างเพื่อนหรือโอนชำระค่าสินค้า
เรามักไม่ถามว่ามีบัญชีพร้อมเพย์หรือไม่ เมื่อเขาให้หมายเลขบัญชีมา
เราก็โอนตามนั้น ทำให้ 70-80%
ของค่าธรรมเนียมส่วนใหญ่ยังตกถึงมือธนาคารเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ปัจจุบันนี้ ต้นทุนของธนาคารลดลงมาก
ด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการบริหารเงินระหว่างสาขาและจังหวัด
ลูกค้าก็ร่วมมือด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือในการโอนเงิน
แต่ค่าธรรมเนียม กลับไม่ลดลง ถามว่าถ้าธปท.ไม่เข้ามาดูแล
แล้วจะให้ใครเข้ามาทำธปท. องค์กรของใคร
คนเราไม่ว่าจะประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงมากสักเพียงใด
แต่ถ้าขาดความใส่ใจในความเป็นอยู่ของคนในบ้าน
ปล่อยให้พวกเขาถูกเอารัดเอาเปรียบ
เราก็ยากที่จะเรียกว่าเป็นผู้สำเร็จที่แท้จริงได้
ในห้วงหลายสิบปีที่ผ่านมาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
มักเป็นคนที่มาจากภาคธุรกิจเสียส่วนใหญ่
จึงมีความเข้าอกเข้าใจในการทำธุรกิจของธนาคารพาณิชย์
ที่มีความยากลำบากในการทำธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากรายได้จากดอกเบี้ยลดลงเพราะบริษัทใหญ่ๆ เขาไม่นิยมใช้เงินกู้จากธนาคารแล้ว
แต่ใช้วิธีขายหุ้นกู้ของตนแทน ทำให้ธนาคารต้องหาช่องทางใหม่ๆ
ประกอบกับในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา
มีวิกฤตเศรษฐกิจเกิดขึ้นหลายครั้ง
ธปท.จึงเป็นห่วงในเสถียรภาพของธนาคารพาณิชย์มากเป็นพิเศษ
และคอยอุ้มชูเรื่อยมา หลายปีที่ผ่านมา ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ไทย
ต่างแสดงกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความทุกข์ยากของประชาชน
มันไม่สมควรที่จะนำเงินในกระเป๋าของประชาชน
โดยเฉพาะผู้ขัดสนไปจุนเจือธนาคารอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เหมือนเอาอาหารไปเลี้ยงคนอ้วนที่กินไม่เคยอิ่ม
แต่ผู้เขียนเชื่อว่าเรายังมีความหวังอยู่ เพราะผู้ว่าการธปท.
คนปัจจุบันมาจากสายนักวิชาการ
มีแนวความคิดที่จะปรับปรุงหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องสิทธิ์ของผู้บริโภคที่
ควรได้รับการปกป้อง และหวังว่าท่านจะแก้ปัญหาข้างต้นด้วยความถูกต้องและเป็นธรรมมากขึ้น
ศาตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อดีตประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เคยกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่ถูกต้อง คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิด คือผิด แม้ทุกคนทำสิ่งนั้น”

ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ได้สมคบกันกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรมมานานแล้ว และประชาชนอย่างพวกเราไม่สมควรที่จะอดทนอีกต่อไป

http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/641055

เห้อ เราถูกธนาคารเอาเปรียบขนาดนี้เลย
ปล ผมจัดย่อหน้าแล้ว ถ้ายังอ่านยาก ตามลิ๊งเลยครับ

ถ้าชอบผมอยากให้โหวตเป็นกระทู้แนะนำ ผมว่ามีประโยนช์กับทุกคน
เข้าร่วม: 15 Oct 2013
ตอบ: 45310
ที่อยู่: Barca | Bayern | City
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:30 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
มีแบบย่อๆไหมครับ
0
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 3447
ที่อยู่: เหนือสุดแดนสยาม
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:32 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
ช่วยสรุปให้หน่อยได้มั้ยอ่ะครับ
0
0

เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 7242
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:37 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
โดยที่ตัวประชาชนเองก็ไม่ได้มีระบบการวางแผนการเงินที่ดีพอ< เอ้า ความผิด ธปท. หรอเนี่ย

ส่วนค่าทำเนียมโอนย้ายรัฐเค้าโฆษณาพรอมเพย์(สะกดไงวะ) ออกบ่อย

ส่วนเรื่องประกัน ไม่แน่ใจว่ามันอยู่ในขอบเขตงาน ธปท. มั้ย

เข้าร่วม: 26 Sep 2007
ตอบ: 15838
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:41 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
เบี้ยเงินฝาก 0.125
เบี้ยผิดนัด 7.5
เบี้ยเงินกู้ คงที่ตลอดตั้งแต่งวดแรกจนงวดสุดท้าย
สินเชื่อลูกค้า พ่วงประกัน
ธรรมเนียมบัตร ปีละ 700

จนสิ รออะไร
เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 27609
ที่อยู่: ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โลก เข้าร่วม: 13 Feb 2005
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:42 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
ผมไม่เห็นด้วยกับข้อ2 เท่าไหร่
1. ตรงที่ไม่เกี่ยวเลยว่าดอกเบี้ยเงินฝากเท่าไหร่แล้วจะ บัตรเครดิตต้องลดด้วย ซึ่งเป็นกรใช้เครดิตที่ไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ตอบแทน ทั้ง 2 ฝ่าย

2. ลูกค้าบัตรเครดิตชั้นดี แทบไม่เคยจ่ายค่าดอกเบี้ยเลยเอาจริงๆ เพราะเขาไม่เคยทำให้เกิดดอกเบี้ยเลยด้วยซ้ำ

ข้อ 5 รัฐเขาออกมาตราการออกมาแล้ว Prompt pay แต่คนมองว่าเป็นเรื่องตรวจสอบบัญชีนู๊นนี่นั้นซึ่งจริงๆมันไม่ใช่
แต่เป็นเรื่องการลดค่าธรรมเนียมและผูกกับไอดีอื่นที่จำง่าย ซึ่งผู้เขียนไม่เข้าใจจุดประสงค์ตรงนี้เลย ว่าเป็นการโอนเข้าไอดีฟรี ต้องค่อยๆให้คนเปลี่ยนมาใช้ prompt pay กันมากขึ้น ปัญหาค่าธรรมเนียมก้จะค่อยๆหายไป ซึ่งมันไม่ได้เปลี่ยนกันทุกคนในวันเดียวอยู่แล้ว


สงสัยว่าผู้เขียน ยัดเยียดความเกลียด ธปท.มากเกินไปโดยหยิบประเด็นชนชั้นของสังคมมาพูดมากเกินไป มากกว่าเสียกว่าความอิสระของกลไกล
เข้าร่วม: 22 Nov 2010
ตอบ: 647
ที่อยู่: ศรีสะเกษมหานคร หนุ่มพเนจรท่องไปตามฝัน
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:44 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
Plz พิมพ์ว่า:
มีแบบย่อๆไหมครับ  


ทำไม ธปท ไม่เข้ามาควบคุม ธ.พาณิชย์
1
0

ฉันไม่สัญญา ว่าเธอจะเป็นคนสุดท้าย ฉันไม่มั่นใจอะไรที่มันยังไม่เกิด ...
เข้าร่วม: 20 Apr 2009
ตอบ: 795
ที่อยู่: This is Anfield *
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:44 pm
[RE]ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!
น่าสนใจๆๆ จริงเกือบทุกข้อ
0
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 431
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:44 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
lit พิมพ์ว่า:
โดยที่ตัวประชาชนเองก็ไม่ได้มีระบบการวางแผนการเงินที่ดีพอ< เอ้า ความผิด ธปท. หรอเนี่ย

ส่วนค่าทำเนียมโอนย้ายรัฐเค้าโฆษณาพรอมเพย์(สะกดไงวะ) ออกบ่อย

ส่วนเรื่องประกัน ไม่แน่ใจว่ามันอยู่ในขอบเขตงาน ธปท. มั้ย

 


เมือก่อนดอกเบี้ยเงินฝาก 4.5 ดอกเบี้ยบัตรเครดิต20% ตอนนี้ดอกเบี้ยเงินฝากเกือบไม่ได้อะไร แต่ดอกเบี้ยบัตรก็20 % มัน เอาเปรียบกันไหมครับอะครับ T_T
0
0
เข้าร่วม: 24 Aug 2007
ตอบ: 4245
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:51 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
เขียนสะท้อนปัญหาได้ดีนะครับ แต่มีแค่บอกว่าปัญหาคืออะไร ไม่เห็นแนะแนวทางหรือวิธีแก้ไขเลยครับ

เหมือนมาบ่นให้เราอ่านเฉยๆ บ่นไปแบบนี้ ก็ไม่มีไรดีขึ้นได้หรอกครับ

ถ้าคนเขียนคอลั่ม มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการเงินดีจริงๆ ก็น่าจะลองไปสมัครทำงานเป็น

ผู้บิรหารของ ธปท จะได้เปลี่ยนแปลงสิ่งดีๆ ให้กับเศรษฐกิจของประเทศชาติบ้าง

ปล. ไม่ได้ว่า จขม นะ ขอบคุณที่เอาบทความมาให้อ่านคับ
0
0






เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 431
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:55 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
onimeno พิมพ์ว่า:
เขียนสะท้อนปัญหาได้ดีนะครับ แต่มีแค่บอกว่าปัญหาคืออะไร ไม่เห็นแนะแนวทางหรือวิธีแก้ไขเลยครับ

เหมือนมาบ่นให้เราอ่านเฉยๆ บ่นไปแบบนี้ ก็ไม่มีไรดีขึ้นได้หรอกครับ

ถ้าคนเขียนคอลั่ม มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องการเงินดีจริงๆ ก็น่าจะลองไปสมัครทำงานเป็น

ผู้บิรหารของ ธปท จะได้เปลี่ยนแปลงสิ่งดีๆ ให้กับเศรษฐกิจของประเทศชาติบ้าง

ปล. ไม่ได้ว่า จขม นะ ขอบคุณที่เอาบทความมาให้อ่านคับ  


เค้าคงได้แค่บ่นอ่ะครับ แต่คงทำไรไม่ได้่ ผลประโยนช์มันเยอะ

เราอาศัยประเทศเค้าอยู่ต้องทำใจ

55555
0
0
เข้าร่วม: 09 Feb 2009
ตอบ: 508
ที่อยู่: เชียงใหม่
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 3:10 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
สำหรับผมคิดว่านี่เสือนอนกินของจริง

ไม่ต่างอะไรกับการเอาปัจจัยในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน มาหากิน กับคนทั้งประเทศ

เพราะไม่ว่า ประชาชนคนนั้นจะรวยหรือจะจน ก็โดนเหมือนกันหมดในกรณีนี้

ถึงไม่ได้บังคับแต่ก็ไม่มาทางให้เลือกถ้าจะอยู่ในยุคสมัยนี้ให้ได้
0
0
90 นาทีใช้สร้างโอกาสได้เป็น 100 จะอ้างอะไรกับเวลา 10 วิ
เข้าร่วม: 13 Jan 2011
ตอบ: 22753
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 3:13 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
ข้ออื่นไม่รู้ต้องให้นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์


แต่ไอ้ข้อ 4 เนี่ยตัวดีเลย
0
0
We wished, without hesitation, that one day...
the two of us would be able to see the cherry blossoms...
together again.


เข้าร่วม: 04 Nov 2010
ตอบ: 2383
ที่อยู่: Thailand.
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 3:18 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
NeeIAM พิมพ์ว่า:
เมือก่อนดอกเบี้ยเงินฝาก 4.5 ดอกเบี้ยบัตรเครดิต20% ตอนนี้ดอกเบี้ยเงินฝากเกือบไม่ได้อะไร แต่ดอกเบี้ยบัตรก็20 % มัน เอาเปรียบกันไหมครับอะครับ T_T  


อันนี้ขอแย้งนิดนึงครับ โดยส่วนตัวผมมองต่างไปอย่างงี้ครับ

เงินฝากเป็นต้นทุนที่ทางธนาคารต้องจ่ายออกแน่นอนตั้งแต่บาทแรก และวันแรก จากการรับเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบ

กลับกันบัตรเครดิตคือเงินกู้ที่ธนาคารต่างๆ มีข้อเสนอในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยให้ (สูงสุดที่ทำได้ น่าจะประมาณ 45 วัน) ตรงนี้ค่อนข้างมีผลนะครับ

มองในมุมกลับคือ ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ที่เราเสียกันไป คือการกู้เงินหรือใช้เงินโดยไม่ประเมินตัวเองของผู้ใช้มากกว่าจึงจะเดือดร้อนกับดอกเบี้ยนี้ ซึ่งถ้ากลับกัน ถ้าใช้จ่ายในวงเงินที่ผู้ใช้มีกำลังเพียงพอในการชำระในช่วงปลอดดอกเบี้ย ก็จะกลายเป็นธนาคารส่งเงินออกมาให้ยืมโดยไม่ได้ค่าใช้จ่ายกลับมาแทน
ตรงนี้ นั่นคือการความเสี่ยงอย่างนึง ซึ่งธนาคารวิเคราะห์ความเสี่ยงออกมาแล้ว น่าลงทุน จึงอนุมัติให้บัตรเครดิต แต่ในทางกลับกันผู้ใช้เลือกที่จะใช้และไม่ชำระหรือชำระไม่ครบในช่วงระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยนั้น ทั้งๆที่ทราบกันอยู่แล้วว่าดอกเบี้ยสูง แล้วมาโอดโอยกันว่า ค่าไม่มีระเบียบของตัวเองสูง ซึ่งส่วนตัวยังมองว่ากระไรอยู่
0
0
Chelsea supporter since 1992 ... o_O"
เข้าร่วม: 31 Jan 2014
ตอบ: 10712
ที่อยู่: My home
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 3:23 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
NeeIAM พิมพ์ว่า:
lit พิมพ์ว่า:
โดยที่ตัวประชาชนเองก็ไม่ได้มีระบบการวางแผนการเงินที่ดีพอ< เอ้า ความผิด ธปท. หรอเนี่ย

ส่วนค่าทำเนียมโอนย้ายรัฐเค้าโฆษณาพรอมเพย์(สะกดไงวะ) ออกบ่อย

ส่วนเรื่องประกัน ไม่แน่ใจว่ามันอยู่ในขอบเขตงาน ธปท. มั้ย

 


เมือก่อนดอกเบี้ยเงินฝาก 4.5 ดอกเบี้ยบัตรเครดิต20% ตอนนี้ดอกเบี้ยเงินฝากเกือบไม่ได้อะไร แต่ดอกเบี้ยบัตรก็20 % มัน เอาเปรียบกันไหมครับอะครับ T_T  


เค้าไม่ได้บังคับให้คุณใช้บัตรเครดิตนะ อีกอย่างดอกเบี้ยบัตรเครดิตมันเกิดจากความบกพร่องในการบริหารเงินของผู้ถือบัตรเองนะครับ ถ้าท่านจ่ายค่าบัตรเครดิตตรงเวลาตามกำหนดก็ไม่เสียดอกเบี้ยนี่นา
0
0


เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 908
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 3:49 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
ส่วนตัวไม่ได้จบการเงินมาแต่คิดว่าที่ดอกเบี้ยเงินฝากลดลงเพราะตอนนี้เราอาจจะอยู่ในช่วงภาวะเงินฝืดด้วยรึเปล่าครับ เพราะว่าตั้งแต่ปี 56 เป็นต้นมาอัตราเงินเฟ้อของประเทศมันลดลงมาเรื่อยๆจนไปต่ำสุดช่วงปี 58 ที่ -0.90% ถ้าเกิดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้เท่าเดิมผมว่าอัตราเงินเฟ้อคงต่ำลงกว่าเดิมอีกแน่ๆครับ
0
0
เข้าร่วม: 21 Oct 2005
ตอบ: 6473
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 4:17 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
เรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ได้เป็นความผิดของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือความผิดธนาคารทั่วไป มันเป็นเรื่องความมีวินัย ถ้าคุณใช้บัตรเครดิต คุณก็ต้องจ่ายให้ตรงเวลา จะโอดครวญเรื่องดอกเบี้ยไม่ได้ ถ้าคิดว่าทำไม่ได้ (อย่างผมเนี่ย) ก็อย่าใช้บัตรเครดิต ใช้แต่เงินสดเลย(ก็ผมนี่แหละใช้แต่เงินสด) ถ้าคิดว่ามีปัญหาเรื่องการเงิน หากู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าบัตรเครดิตสิ จะไปยอมทำไมดอกตั้ง 20%




เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1975
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 5:38 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
มันยาว ผมไม่ได้อ่านหรอกครับ
แต่ถ้าคุณทำงานที่ต้องคลุกคลีกับ ธปท.แบบผม
คุณก็จะรู้ว่า ธปท.เนี่ยทำงานกันห่วยแตกแค่ไหน
เข้าร่วม: 29 Apr 2010
ตอบ: 2524
ที่อยู่: อยู่ในจินตนาการอยู่ในฝํนฉันข้างใน
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 5:41 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
คนเขียนสะท้อนพื้นความเข้าใจระบบการเงินได้แบบ....ดีจริงๆครับ

1. Spread อัตราดอกเบี้ย อันนี้พูดยากครับ BOT ประกาศแนวที่เป็นนโยบายได้

แต่เดี๋ยวก่อน อัตราดอกเบี้ยมันจะมากจะน้อยมันขึ้นกับ Mk rate กับ

ความเสี่ยงส่วนบุคคลมั้ยครับ ถ้าคุณเสี่ยงมาก คุณก็จ่ายแพงมันธรรมดามั้ย

แล้วไปโทษดอกเงินฝากน้อย เอ้าก็ Supply เงินมันเยอะลองคุณปรับดอกเงินฝาก

ขึ้นมาเกิน mk rate สิเงินพุ่งเข้าประเทศเรารัวแหละครับ ทีนี้ค่าเงินแข็ง

ส่งออกตายอีก มันไม่ใช่ตัวเองมีหนี้แล้วไม่พอใจโวยวาย

อีกอย่างเงินฝากมาฝากไว้ 100 ไม่สามารถมาปล่อยกู้ได้ทั้ง 100 นะครับ

ต้องตั้งหลักประกันตาม Basel กำหนดอีก เยอะแยะครับ นั่นเท่ากับตรงนั้นเราจ่าย

ดอกเงินฝากฟรีไปเลย


2. บัตรเครดิตหลายท่านพูดไปแล้ว และอีกอย่าง บัตรเครดิตเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์

อะไรค้ำประกันเลย ความเสี่ยงสูงมั้ย? ทำไมเราไม่ด่า พวกเงินติดล้อละครับ

อันนั้นอ่ะดอกเยอะมากๆ up to 36% แล้วไหนจะร้านทองอ่ะ 3% ต่อเดือน

จับพวกนี้ก่อนมั้ย

3. ค่าธรรมเนียมโอน การโอนภายในส่วนมากก็ฟรีนะ แต่ต่างธนาคารมันมีต้นทุนของ

ทางแต่ละธนาคารมั้ย

จากที่อ่านคนเขียนมีภาระหนี้ป่าว อึดอัดป่าวว่ามีหนี้หรือฝากเงินดอกได้น้อย

การที่เค้าลดดอกเงินฝากเพื่อบังคับคนให้เอาไปลงทุน ก็ไปลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงสิ
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน
เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 29778
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 7:41 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
โห
0
0
เข้าร่วม: 30 May 2010
ตอบ: 29963
ที่อยู่: ...
โพสเมื่อ: Wed May 31, 2017 1:52 pm
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
จริง หนักสุดก็ส่วนต่างดอกเบี้ยกู้ กะฝากนี่แหละ
0
0
Eric 'The King' Canto
เข้าร่วม: 05 May 2014
ตอบ: 540
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Jun 01, 2017 5:38 am
[RE: ธปท.ปล่อยให้มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร !!!!!]
กระทู้สาระสุดยอดเรย
0
0