ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 390
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 10:38 am
บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ
บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ
ในตำนานแห่งประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังโลก คงมีเพียงไม่กี่ทีมเท่านั้น
ที่ได้รับเกียรติยศสูงสุดจากสถาบันพระมหากษัตริย์
ให้นำตราประจำราชวงศ์มาติดเสื้อนักฟุตบอลทีมชาติ
ซึ่งองค์พระประมุขของประเทศทรงถือว่า
นักฟุตบอลเป็นผู้แทนของชาติ
อันเปรียบเสมือนนักรบยามออกศึกสงครามเพื่อแผ่นดิน
และหนึ่งในนั้น คือทีมชาติไทยทีมฟุตบอลชาติแรก
ที่ได้รับเกียรติยศนำตราประจำพระองค์ของกษัตริย์
ใช้เป็นสัญญลักษณ์บนหน้าอกเสื้อเหล่าขุนพลนักเตะผู้แทนของประเทศ
คือ “ทีมชาติอังกฤษ” เมื่อ สมเด็จพระราชินี ควีนส์ วิคตอเรีย (QUEEN VICTORIA) แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ
ได้ทรงมีพระบรมราชโองการอนุญาตให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศอังกฤษ
หรือ FA. (ก่อตั้ง ค.ศ. 1863) นำ “ตราสิงโตสามตัว”
มาติดที่ชุดแข่งขันผู้เล่นแดนผู้ดี
ใน ค.ศ. 1872 (ตรงกับ พ.ศ. 2415)
เพื่อลงสนามฟุตบอลระดับชาติครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังโลก
ระหว่าง ทีมชาติอังกฤษ กับ ทีมชาติสกอตแลนด์
จึงเป็นที่มาฉายา “สิงโตคำราม” จึงทำให้ FA.
ของอังกฤษไม่เคยคิดหรือทำการเปลี่ยนแปลงตราดังกล่าว
จนถึงปัจจุบันเป็นเวลานานกว่า 135 ปี
อนึ่ง สิงโตสามตัว หรือ “GULES THREE LIONS PASSANT GUARDANT”
ถือเป็นตราประจำแผ่นดินของประเทศอังกฤษ
โดย พระเจ้าเฮนรีที่ 2 ได้นำสิงโตตัวเดียวมาเป็นตราประจำพระองค์
ก่อนเป็นสมัยแรก ต่อมา พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 จึงเพิ่มสิงโตเป็นสามตัวดังกล่าวเช่นปัจจุบัน อันหมายถึงแผ่นดินอังกฤษ, นอร์มังดี และอากีแทน
จนถึงสมัย พระเจ้าเอดเวิร์ดที่ 3 ได้ให้แบ่งตราออกเป็นสี่ส่วน
และหนึ่งในสองส่วน คือ “สิงโตสามตัว”
(อีกสองส่วนเป็นสัญญลักษณ์ฝรั่งเศส ซึ่งขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ)
ภายหลังแห่งปฐมบท “ตราสิงโตคำราม” ของทีมชาติอังกฤษ
อีก 43 ปีต่อมา “ทีมชาติไทย” หนึ่งในชาติที่มีตำนานสัญญลักษณ์อันทรงเกียรติยศ
จึงได้รับตราพระราชทานจากสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรี
สมัยดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ทรงเคยศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ดังนั้น ภายหลังขึ้นครองราชย์
จึงทรงมีพระราชดำริจัดตั้งทีมชาติชุดแรกของสยาม
หรือเรียกกันทั่วไปว่า “คณะฟุตบอลสำหรับชาติสยาม”
และที่สำคัญ คือวันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2458
ณ สนามสามัคยาจารย์สมาคม ภายในบริเวณโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทาน “ตราพระมหามงกุฎ”
ให้แก่นักเลงฟุตบอลทีมชาติสยามเพื่อเป็นเกียรติยศการรักชาติ
ในการลงแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศ (วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน 2458)
คณะฟุตบอลสยาม กับ สปอร์ตคลับ นับเป็นการลงสนามนัดแรกของทีมชาติไทย
โดยปรากฏจดหมายเหตุ คำกล่าวของ
พระยาประสิทธิ์ศุภการ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ ณ อยุธยา) สภานายกคณะฟุตบอลแห่งสยามคนแรก (ต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็น “เจ้าพระยารามราฆพ” เมื่อ พ.ศ. 2462) ในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพ ฯ เดลิเมล์ ฉบับวันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2458 ดังนี้ (ภาษาและตัวสะกดสมัยนั้น)

“...หมวก เครื่องหมายความสามารถฟุตบอลที่ท่านจะได้รับไปในเวลาอีกสักครู่นี้
ก็ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ตราพระมหามงกุฎ
ซึ่งควรรู้สึกว่าเปนเกียรติยศการรักชาติ ย่อมจะแสดงได้หลายสถาน
แต่การที่ท่านตั้งใจเข้าเล่นแข่งขันให้ถึงซึ่งไชยชนะให้แก่ชาติในคราวนี้
ก็เปนส่วนหนึ่งแห่งการรักชาติ...”
อนึ่ง “พระมหาพิชัยมงกุฎ” คือราชสิราภรณ์ ที่สร้างขึ้นเมื่อรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1
ถือว่าเป็นหนึ่งในเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เรียกว่า “เบญจราชกกุธภัณฑ์”
สำหรับพระมหากษัตริย์ไทย อันประกอบด้วย
พระมหาเศวตฉัตร, พระมหาพิชัยมงกุฎ, พระแสงขรรค์ชัยศรี,
ธารพระกร, วาลวิชนี และฉลองพระบาทเชิงงอน
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหลักปฏิบัติแบบเดียวกับพระราชสำนักยุโรป
โดยจะถือว่า “ภาวะแห่งความเป็นกษัตริย์อยู่ที่เวลาได้สวมมงกุฎ”

ในรัชสมัย “พระผู้พระราชทานกำเนิดฟุตบอลสยาม” รัชกาลที่ 6 นั้น
ทีมชาติสยามจะสวมเสื้อสีแดงคาดขาว และมี “ตราพระมหามงกุฎ”
ที่อกเสื้อด้านซ้าย สำหรับการลงแข่งขันระหว่างชาติ
ผลปรากฏว่าไม่เคยปราชัยให้แก่ชนชาวต่างชาติ แม้แต่นัดเดียว

นอกจากนี้ ทีมชาติสยามยังสามารถชนะเลิศรายการต่าง ๆ
อาทิ ถ้วยราชกรีฑาสโมสร (พฤศจิกายน 2458),
ถ้วยทองหลวง (ธันวาคม 2458) และถ้วยปอลลาร์ด (มกราคม 2458 การแข่งขันระหว่าง ทีมสยาม, ทีมอังกฤษ และทีมสกอตแลนด์)
ซึ่งเกียรติภูมิดังกล่าวของทีมฟุตบอลชาติไทย มีการนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ระหว่าง พ.ศ. 2458 - พ.ศ. 2459 (วันที่ 1 เมษายน คือวันขึ้นปีใหม่ หรือ พ.ศ. ใหม่ของสยามประเทศ)
“...วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2458
การแข่งขันฟุตบอลสำหรับถ้วยปอลลาร์ด ณ สนามราชกรีฑาสโมสร
รอบสุดท้าย ระหว่าง คณะฟุตบอลสยาม ชนะ คณะชาวอังกฤษ
เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัน รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
พระราชทานถ้วยปอลลาร์ด ให้แก่ผู้เล่นฝ่ายคณะฟุตบอลสยาม…”

ภายหลังเดือนธันวาคม 2459 รัชกาลที่ 6 จึงทรงโปรดเกล้า ฯ
ก่อตั้ง “ทีมในหลวง” ขึ้น โดยการคัดเลือกบรรดานักเลงฟุตบอลรายการถ้วยทองหลวงหรือถ้วยทองนักรบ เพื่อลงเล่นกับชาวตะวันตก
สำหรับรายการที่มิใช่การแข่งขันระหว่างชาติ
กล่าวกันว่า คือกศุโลบายในการรักษาเกียรติภูมิของทีมชาติไทย นั้นเอง

เมื่อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จสรรคตแล้ว
ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7
คณะฟุตบอลแห่งสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
ยังคงใช้ “ตราพระมหามงกุฎ” เป็นสัญญลักษณ์บนเสื้อทีมชาติ
โดยเฉพาะการแข่งขันระหว่างชาตินอกประเทศครั้งแรกของทีมชาติสยาม
คือเดือนเมษายน พ.ศ. 2473 การเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยผู้สำเร็จราชการของฝรั่งเศส ณ เมืองไซง่อน ประเทศเวียดนาม
นัยว่าเป็นการทดสอบฝีเท้าเพื่อเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลตามคำเชิญของฟีฟ่า
แต่ในที่สุดต้องยกเลิก เนื่องจากต้องใช้เงินแผ่นดินเป็นจำนวนมากและการเดินทางไปทวีปอเมริกาใต้ ยังต้องเดินทางด้วยเรือเป็นเวลาแรมเดือน
ทำให้ทีมชาติสยามจึงมิได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งแรก (ค.ศ. 1930) ณ ประเทศอุรุกวัย
ภายหลังคณะราษฎร์ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ. 2475 ทีมชาติไทยจึงเปลี่ยนไปใช้ “ธงไตรรงค์” (รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชทานให้เป็นธงประจำชาติเมื่อ พ.ศ. 2460) แทน “ตราพระมหามงกุฎ” ตามสถานการณ์ของบ้านเมือง

ปัจจุบัน ตราพระราชทาน “พระมหามงกุฎ” มีอายุกว่า 92 ปี
เยาวชนคนไทยรุ่นใหม่อาจจะยังไม่เคยเห็นสัญลักษณ์ดังกล่าวบนเสื้อขุนศึกนักเตะธงไตรรงค์อีกเลย เนื่องจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
ได้ใช้ตราที่ชนะเลิศการประกวด เมื่อ พ.ศ. 2545
เป็นสัญลักษณ์บนเสื้อทีมชาติไทย แต่ทว่าความขลังและศรัทธาเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย กับปฐมบทประวัติศาสตร์ “ตราพระมหามงกุฎ”

ในขณะที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศอังกฤษ ยังคงใช้
“ตราสิงโต” ที่แสดงถึงเอกภาพ และความสมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียว
โดยมีที่มาจากสถาบันสูงสุด นอกจากแสดงถึงการสืบทอดเจตนารมณ์ประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของแผ่นดิน
อดีตที่ผ่านมา ทีมชาติไทยเคยมีตราพระราชทานจากสถาบันพระมหากษัตริย์
เพื่อแสดงถึงการรักชาติ เช่นเดียวกับทีมชาติอังกฤษ
คงจะเป็นการดีหากในปีมหามงคล โดยสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ในพระบรมราชูปถัมภ์ จะได้นำตราแห่งเกียรติภูมิทีมชาติไทย “ตราพระมหามงกุฎ”
กลับมาอยู่บนหน้าอกเสื้อนักฟุตบอลทีมชาติไทยอีกครั้ง
ในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 38 รายการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติเพื่อร่วมฉลองพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “พระมหากษัตริย์นักกีฬา พระราชาแห่งฟุตบอลสยาม” และสมดังพระราชประสงค์ของ สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ล้นเกล้าฯ ของวงการฟุตบอลเมืองไทย.
จิรัฏฐ์ จันทะเสน ผู้เขียน
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ

Credit : https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1037315926322014&id=215072768546338&substory_index=0








ปล ผมว่าตราพระมงกุฎ สวยกว่าโลโก้ช้างน้อยแน่นอน ของดีมีอยู่แล้วแต่ไม่ใช้

เสื้อ100ปีสวยมาก

เชิญชวน like page ตามcreditหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
เข้าร่วม: 17 Oct 2006
ตอบ: 305
ที่อยู่: liverpool
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 12:46 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
การจัดเรียงตัวหนังสือ อ่านยาก ครับ
1
0
จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน !!!
เข้าร่วม: 09 Sep 2013
ตอบ: 393
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 12:54 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
ไม่เหมาะกับโลโก้ ช้างใครเห็นก้อแทบจะรู้เลยว่าทีมชาติไทย ตรามงกุฏไว้ตรงหลังหรือคอปกไรก้อได้ แต่ไม่สวยถ้าจะมาเป็นโลโก้ เอาจริงๆ แบบเดิมดูก้อจำได้หมดละ แค่ปรับนิดหน่อย ทำไมคนบางคนจะเอาตรานี้กลับมาจัง ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว กะจะไม่ปรับปรุงเลยหรือไง ไม่เห็นว่ามันจะน่าเกรงขามตรงไหนเลย ต่างชาติมองคงไม่รู้มันคือรูปอะไร ไม่ติดตาอะ เอาเป็นพวกรูปมาสคอต สวย จำง่าย เข้าใจง่าย กว่าเยอะ
เข้าร่วม: 24 Feb 2011
ตอบ: 19150
ที่อยู่: TWICELIGHT ZONE
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 1:08 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
ตราพระมหามงกุฎมีไว้บนเสื้อผมว่าดี เอาไว้หลังคอปกเสื้อผมว่าเหมาะเลย

แต่ว่าเอามาเป็นโลโก้ผมว่าไม่เหมาะ ใช้เป็นโลโก้ช้างดีแล้ว
0
0

เข้าร่วม: 01 Dec 2013
ตอบ: 25276
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 1:16 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
ตราที่พระราชทานมาเนี่ย ใช้เป็นเนื่องในโอกาสต่างๆดีกว่า แบบคิงส์คัพ

เอาให้มันไปอยู่หลังคอ หรือไม่ก็บริเวณไหล่ก็ดีแล้ว

ส่วนโลโก้ทีมชาติใหม่ทางสมาคมก็ให้ประกวดออกแบบใหม่ละ

ส่วนตัวถ้าระหว่างตรามงมงกุฎกับช้างน้อย ไว้บนหน้าอกเลือกช้างน้อยแหะ

แล้วถ้าย้อนยุคต้องใช้โลโก้ตรานี้ เสื้อสีขาวแดงไหมเนี่ย

0
0
เข้าร่วม: 30 Dec 2008
ตอบ: 13168
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 3:17 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
ไม่อยากคอมเม้นเรื่องนี้มาก เป็นเรื่องละเอียดอ่อน

แต่มีคนพยายามรณรงค์เรื่องนี้โดยชี้หน้าอีกฝ่ายว่าเนรคุณสถาบันอยู่

ซึ่งผมโคตรไม่ชอบเลยเวลาพูดแบบนี้

เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 1037
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 4:01 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
ไว้ที่ปกเสื้อแหล่ะดีแล้ว ตราพระราชทานแต่ไม่จำเป็นต้องใช้เป็นตราที่อกเสื้อหรอก
ผมก็รักสถาบันพระมหากษัตริไทย แต่แค่ปรับเปลี่ยนรูปช้างให้มันดูดีดูน่าเกรงขามก็พอ
0
0
เข้าร่วม: 17 Oct 2006
ตอบ: 305
ที่อยู่: liverpool
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 4:12 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
ขอบคุณที่ edit ตัวหนังสือครับ

0
0
จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน !!!
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 5856
ที่อยู่: Theatre of Dream
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 4:42 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
< -------- แน่นอนครับ
0
0
#ThankyouSirAlex__________________#2OLEGEND
เข้าร่วม: 23 Nov 2014
ตอบ: 6009
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 5:20 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
รักและเชิดชูสถาบันก็เรื่องนึง...

แต่ตราสัญญลักษณ์ก็อีกเรื่องนึง...

ที่อื่นนะ บอกเลยว่าเค้ามีแต่เปลี่ยนเพื่อให้ดีขึ้น จำได้ว่าอาร์เซน่อลเปลี่ยนโลโกเพราะเข้าบริษัทจำกัด เพื่อที่จะเอาตราสโมสรไปใช้เชิงการค้าได้ มามองที่ทีมชาติไทยหากว่าเอาตรามงกุฏมาใช้แล้วจะทำตราไปติดข้างแก้วนี่ ผมว่า...ไม่เหมาะไม่ควรแถมจะขายไม่ออกอีก...
0
0
เข้าร่วม: 26 Feb 2010
ตอบ: 13477
ที่อยู่: Weserstadion
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 9:55 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
ผมชอบกว่าช้างนะ ไม่ว่าช้างน้อยช้างใหญ่

ด้วยเหตุผลเดียวสั้นๆ คือมันสวยกว่า
0
0
เข้าร่วม: 12 Jul 2010
ตอบ: 9955
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon May 29, 2017 10:05 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
มีบนเสื้อได้ แต่ไม่ควรมาเป็นตราหน้าอก
0
0
เข้าร่วม: 16 Jun 2015
ตอบ: 7647
ที่อยู่: ลาลีกา
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:25 am
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
ส่วนตัวโลโก้หลัก ผมว่าเป็นช้างอะดีแล้ว แต่แค่ช่วยออกแบบใหม่ซะทีเหอะ
0
0
4bbDC0.gif
4bbGoQ.gif
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 7053
ที่อยู่: บ้าน
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 4:22 am
บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ
ลองมีพวกภาพล้อเลียนหรือเอาเสื้อไปล้อเลียน เช่น เอาเท้าเหยีบ เผา หรืออื่นๆซิครับมีพวกเพจเอามาปั่นกระแสเรียกยอดไลค์โดยอ้างความจงรักแน่นอน ตัวอย่างก็เพิ่งมีให้เห็นมาเมื่อไม่นานมานี้เองพวกหากินกับสถาบันเนี่ย หนักเข้าถ้าเป็นแฟนบอลต่างชาติทำพวกปลุกระดมไปไล่ตีไล่กระทืบฝั่งทีมเยือนนี้ไม่อยากจะคิด
Allez Allez Allez!!!

เข้าร่วม: 30 Dec 2008
ตอบ: 13168
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 10:12 am
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
Rockhound Blueblood พิมพ์ว่า:
รักและเชิดชูสถาบันก็เรื่องนึง...

แต่ตราสัญญลักษณ์ก็อีกเรื่องนึง...

ที่อื่นนะ บอกเลยว่าเค้ามีแต่เปลี่ยนเพื่อให้ดีขึ้น จำได้ว่าอาร์เซน่อลเปลี่ยนโลโกเพราะเข้าบริษัทจำกัด เพื่อที่จะเอาตราสโมสรไปใช้เชิงการค้าได้ มามองที่ทีมชาติไทยหากว่าเอาตรามงกุฏมาใช้แล้วจะทำตราไปติดข้างแก้วนี่ ผมว่า...ไม่เหมาะไม่ควรแถมจะขายไม่ออกอีก...  


ซึ่งผู้เขียนบทความนี้เค้ามองว่า ยังไงก็ต้องใช้ตราพระมหามงกุฎ แม้ว่าจะใช้ประโยชน์ทางการค้าไม่ได้ เค้าไม่สนว่ารายได้จะหายไปเท่าไหร่ เอาเงินจากไหนมาพัฒนาบอลไทยต่อ แถมต่อว่าคนที่ให้เหตุผลแบบนี้ว่าเห็นแก่เงินอีกครับ

เข้าร่วม: 24 Dec 2006
ตอบ: 3211
ที่อยู่: In My Mind O_o'
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 2:26 pm
[RE]บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ
ก็แค่ตาแก่หัวรั้น จะเอาแต่ความคิดตัวเอง ไม่รับความเห็นคนอื่น
เอาความจริงกับปัจจุบันมาพูดมาอธิบาย ไม่มีหลุดหยาบคายหรอดูถูกสักคำ
พอจนมุม รับความจริงไม่ได้ บล็อคซะงั้น
แล้วมาโพสต์หล่อ ด่าชี้หน้าคนอื่น ว่าเนรคุณ ไร้ศักดิ์ศรี เห็นแก่เม็ดเงิน ถถถถ
ขนาดระดับคุณชนินท์ อดีตฝ่ายกฎหมายชุดสมาคมชั่วคราวที่ถูกตั้งและรับรองโดยฟีฟ่า เพือดูแลการเลือกตั้งของสมาคมที่ผ่าน
มาอธิบาย ขนาดเคยอ้างอิงถึงจดหมายตอบกลับจากสำนักพระราชวัง เรืองการขออนุญาตใช้ตราพระมหามงกุฏ
แกยังหัวรั้นไม่เชื่อ จะเอาตราพระมหามงกุฎให้ได้
แล้วตัวอย่างแต่ละอัน ที่แกยกมา เอาตัวอย่างนายกสมาคมบอลไทยสมัย ท่าน ต่อศักดิ์ ยมนาค เกือบหรอเกิน50ปีก่อนโน่น
มาเทียบกับปัจจุบัน ว่าทำไมสมัยนั้นไม่ต้องหาผลประโยชน์เพราะฟีฟ่าไม่อนุญาต ว่าทำไมท่านยังบริหารสมาคมได้ ตรรกะโคตรป่วย เทียบไปได้ไง จะให้บริหารด้วยใจ ไม่ต้องใช้ตัง ในสมัยนี้เนี้ยนะ ถถถถถ
ก็ไม่แปลกใจ ว่าทำไมสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย จึงไม่ค่อยมีภาครัฐหรอเอกชน มาสนับสนุน
ก็เพราะปากแก นิสัยแก เนี้ยแหละ
เข้าร่วม: 30 Dec 2008
ตอบ: 13168
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 4:29 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
Nb5 พิมพ์ว่า:
ก็แค่ตาแก่หัวรั้น จะเอาแต่ความคิดตัวเอง ไม่รับความเห็นคนอื่น
เอาความจริงกับปัจจุบันมาพูดมาอธิบาย ไม่มีหลุดหยาบคายหรอดูถูกสักคำ
พอจนมุม รับความจริงไม่ได้ บล็อคซะงั้น
แล้วมาโพสต์หล่อ ด่าชี้หน้าคนอื่น ว่าเนรคุณ ไร้ศักดิ์ศรี เห็นแก่เม็ดเงิน ถถถถ
ขนาดระดับคุณชนินท์ อดีตฝ่ายกฎหมายชุดสมาคมชั่วคราวที่ถูกตั้งและรับรองโดยฟีฟ่า เพือดูแลการเลือกตั้งของสมาคมที่ผ่าน
มาอธิบาย ขนาดเคยอ้างอิงถึงจดหมายตอบกลับจากสำนักพระราชวัง เรืองการขออนุญาตใช้ตราพระมหามงกุฏ
แกยังหัวรั้นไม่เชื่อ จะเอาตราพระมหามงกุฎให้ได้
แล้วตัวอย่างแต่ละอัน ที่แกยกมา เอาตัวอย่างนายกสมาคมบอลไทยสมัย ท่าน ต่อศักดิ์ ยมนาค เกือบหรอเกิน50ปีก่อนโน่น
มาเทียบกับปัจจุบัน ว่าทำไมสมัยนั้นไม่ต้องหาผลประโยชน์เพราะฟีฟ่าไม่อนุญาต ว่าทำไมท่านยังบริหารสมาคมได้ ตรรกะโคตรป่วย เทียบไปได้ไง จะให้บริหารด้วยใจ ไม่ต้องใช้ตัง ในสมัยนี้เนี้ยนะ ถถถถถ
ก็ไม่แปลกใจ ว่าทำไมสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย จึงไม่ค่อยมีภาครัฐหรอเอกชน มาสนับสนุน
ก็เพราะปากแก นิสัยแก เนี้ยแหละ  


ยิ่งแกทำแบบนี้ คนจะยิ่งฟังแกน้อยลง อีกอย่าง แกบล๊อกคนเห็นต่างหมด จะยิ่งทำให้ความคิดแกแคบมากขึ้น นี่ขนาดคนที่เข้าไปเถียงแกแต่ละคนไม่มีใครเกรียนเลยนะ อธิบายดีมีเหตุผลกันทั้งนั้น แกยังบล๊อกทิ้งเลย เค้าให้เกียรติแกกันขนาดไหนแล้ว
1
0

เข้าร่วม: 24 Dec 2006
ตอบ: 3211
ที่อยู่: In My Mind O_o'
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 5:54 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
Le Demon Rouge พิมพ์ว่า:
Nb5 พิมพ์ว่า:
ก็แค่ตาแก่หัวรั้น จะเอาแต่ความคิดตัวเอง ไม่รับความเห็นคนอื่น
เอาความจริงกับปัจจุบันมาพูดมาอธิบาย ไม่มีหลุดหยาบคายหรอดูถูกสักคำ
พอจนมุม รับความจริงไม่ได้ บล็อคซะงั้น
แล้วมาโพสต์หล่อ ด่าชี้หน้าคนอื่น ว่าเนรคุณ ไร้ศักดิ์ศรี เห็นแก่เม็ดเงิน ถถถถ
ขนาดระดับคุณชนินท์ อดีตฝ่ายกฎหมายชุดสมาคมชั่วคราวที่ถูกตั้งและรับรองโดยฟีฟ่า เพือดูแลการเลือกตั้งของสมาคมที่ผ่าน
มาอธิบาย ขนาดเคยอ้างอิงถึงจดหมายตอบกลับจากสำนักพระราชวัง เรืองการขออนุญาตใช้ตราพระมหามงกุฏ
แกยังหัวรั้นไม่เชื่อ จะเอาตราพระมหามงกุฎให้ได้
แล้วตัวอย่างแต่ละอัน ที่แกยกมา เอาตัวอย่างนายกสมาคมบอลไทยสมัย ท่าน ต่อศักดิ์ ยมนาค เกือบหรอเกิน50ปีก่อนโน่น
มาเทียบกับปัจจุบัน ว่าทำไมสมัยนั้นไม่ต้องหาผลประโยชน์เพราะฟีฟ่าไม่อนุญาต ว่าทำไมท่านยังบริหารสมาคมได้ ตรรกะโคตรป่วย เทียบไปได้ไง จะให้บริหารด้วยใจ ไม่ต้องใช้ตัง ในสมัยนี้เนี้ยนะ ถถถถถ
ก็ไม่แปลกใจ ว่าทำไมสมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย จึงไม่ค่อยมีภาครัฐหรอเอกชน มาสนับสนุน
ก็เพราะปากแก นิสัยแก เนี้ยแหละ  


ยิ่งแกทำแบบนี้ คนจะยิ่งฟังแกน้อยลง อีกอย่าง แกบล๊อกคนเห็นต่างหมด จะยิ่งทำให้ความคิดแกแคบมากขึ้น นี่ขนาดคนที่เข้าไปเถียงแกแต่ละคนไม่มีใครเกรียนเลยนะ อธิบายดีมีเหตุผลกันทั้งนั้น แกยังบล๊อกทิ้งเลย เค้าให้เกียรติแกกันขนาดไหนแล้ว  


ต้องบอกว่าเกินเยียวยาละทัศนะคติแก ตะแบงจะเอาให้ได้
สังเกตุคนรอบข้างแกทีมีพาวเวอร์ในสังคมบอลบ้านเรา ไม่มีใครเอาด้วยหรอออกตัวแรงเหมือนแกเลย
เหลือแต่แกเนี้ยแหละ เอะอะโหนเจ้า เที่ยวชี้หน้าด่าคนอื่นที่คิดต่างว่า เนรคุณ ไร้ศักดิ์ศรี
แล้วนี้รู้สึกเหมือนกำลังรวบรวมชื่อจะยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานตราพระมหามงกุฎอีก
ไม่ได้ดูเวลาเลยว่าเวลานี้มันไกล้พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว
หมดคำพูดจริงๆกับคนแบบนี้
เข้าร่วม: 20 May 2011
ตอบ: 29773
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue May 30, 2017 7:54 pm
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
ตราช้างแหละดีแล้ว
0
0
เข้าร่วม: 06 May 2010
ตอบ: 4787
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed May 31, 2017 2:42 am
[RE: บทความ เรื่อง "ตราพระมหามงกุฎ" เกียรติการรักชาติ]
Yokkub13 พิมพ์ว่า:
ลองมีพวกภาพล้อเลียนหรือเอาเสื้อไปล้อเลียน เช่น เอาเท้าเหยีบ เผา หรืออื่นๆซิครับมีพวกเพจเอามาปั่นกระแสเรียกยอดไลค์โดยอ้างความจงรักแน่นอน ตัวอย่างก็เพิ่งมีให้เห็นมาเมื่อไม่นานมานี้เองพวกหากินกับสถาบันเนี่ย หนักเข้าถ้าเป็นแฟนบอลต่างชาติทำพวกปลุกระดมไปไล่ตีไล่กระทืบฝั่งทีมเยือนนี้ไม่อยากจะคิด  
เห็นด้วยกับประเด็นนี้ ยิ่งสมัยนี้การทำภาพล้อเลียนทีมคู่แข่งกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
0
0