ค่ำคืนแห่งการชี้ชะตาทิศทางของสโมสรแมนเชสตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2016-17 ผ่านพ้นไปได้ด้วยการที่เทพีแห่งชัยชนะยิ้มรับพวกเขา ก่อนชูถ้วยยูโรป้า ลีก เบิกทางสู่การเตะแชมป์เปี้ยนส์ ลีกในปีหน้า

ก่อนเกมเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ต้องบอกว่าความกดดันถาโถมเข้าใส่บรรดานักเตะแมนฯยูไนเต็ดน่าดู โดยเฉพาะกับหัวเรือใญ่อย่างโจเซ่ มูริญโญ่ ที่ภาพรวมของผลงานในปีแรกของเขาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดตลอด 9 เดือนที่ผ่านมานี่แทบจะตัดสินกันใน 90 นาทีที่ว่านี่เลย

และแน่นอนว่า พวกเขาทำได้ แถมยังทำได้แบบหมดจดเสียด้วย

แม้ว่าจะมีหลากหลายเสียงวิจารณ์ตามมาหลังเกม โดยเฉพาะทางฝั่ง ลิเวอ … เอ้ย อาหยักซ์ ว่า ลูกทีมของกุนซือชาวโปรตุเกสเล่นได้แบบไม่สมกับชื่อเสียงที่สั่งสมมานานของสโมสรสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะจังหวะการเล่นเกมรับที่ยืนกันลึก ปิดหน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง เพื่อหาโอกาสเล่นสวนกลับหรือบอลโด่งเป็นหลัก หรือแม้กระทั่งพูดถึงประตูที่ได้มาทั้งสองลูจากสกอร์ 2-0 นั้นมีดวงผสมอยู่

ใช่ครับ เกมนัดชิงชนะเลิศที่ สต็อคโฮล์ม นั้น แมนฯยูฯค่อนข้างจะเน้นเกมเอาชัวร์ไว้ก่อนแทบจะทั้งเกม แบ็คสองข้างไม่เติม ผู้เล่นริมเส้นก็ลงไปช่วยเกมรับกันเป็นหลัก แถมประตูแรกที่ปลดล็อคให้เล่นง่ายขึ้นก็มาจากลูกแฉลบ แต่ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นไปตามสิ่งที่มันควรจะเป็นทั้งสิ้นครับ

อย่างที่ มูริญโญ่ ให้สัมภาษณ์ไว้หลังเกมนั่นแหละครับว่า พวกเขาศึกษาจุดเด่นและจุดด้อยของคู่แข่งจากแดนกังหันมาเป็นอย่างดี ก่อนที่จะเอาปรับแท็คติกเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่น อาหยักซ์ ชุดนี้มีจุดเด่นด้านเกมรุกและความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะรายคนในทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบอร์ทรานด์ ตราโอเร่ซึ่งเราเห็นกันแล้วว่า ถ้าดวลกันตัวต่อตัว เขาสามารถเลี้ยงผ่านผู้เล่นตัวรับไปได้อย่างสบาย

ฉะนั้นแล้วมันคงเป็นการ “ไม่ฉลาด” หากจะเปิดหน้าแลกกับทีมที่มีจุดเด่นด้านเกมรุก แถมอายุเฉลี่ยยังอยู่แค่ที่ 22 ปี ก็ดูจะเสี่ยไปหน่อยในเกมที่พลาดไม่ได้เช่นนี้

อีกอย่างหนึง อย่างที่รู้กันว่าในฤดูกาลนี้ นักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนัดกันล้มเจ็บแทบจะทุกตำแหน่ง ดูง่ายๆจากซีนหลังเกมที่ทุกคนวิ่งลงไปฉลองในสนาม มีถึง 4 คนที่ต้องกระเผลกไม้เท้าลงไปดีใจกับเพื่อนๆ !

คนที่ละเอียดทุกเม็ดอย่าง มูริญโญ่ ย่อมไม่ยอมที่จะเสี่ยงโดยที่ปัจจัยไม่เอื้ออยู่เป็นแน่ เกมเลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น คือ ทีมใหญ่อย่าง แมนฯยูไนเต็ด เน้นตั้งรับแล้วสวนกลับ โดยปล่อยให้ทีมที่เป็นรองทางด้านชื่อชั้นอย่าง อาหยักซ์ ทำเกมบุกเข้าใส่

ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะเป็นผู้ชนะในเกมฟุตบอลได้ คือ ทีมที่ยิงประตูได้มากกว่าคู่แข่งและนั่นคือส่งที่ลูกทีมของ มูริญโญ่ ทำได้และมันก็เพียงพอแล้วต่อการต่อยอดในการสร้างทีมสู่อนาคตต่อไปได้อีกขั้น

บทสรุปของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในซีซั่นนี้ พวกเขาคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรและส่งให้ทีมคว้าทุกแชมป์ทุกรายการที่ลงแข่งขันได้หมดแล้ว รวมทั้งคว้าพีเอฟแอล คัพมาครอง ถือว่าเป็น 2 ถ้วยและอีก 1 ถาดจากคอมมูนิตี้ ชิลด์ (อันนี้จะนับไม่นับ แล้วแต่คนเลย ฮา) แม้ว่าจะจบที่อันดับ 6 ในพรีเมียร์ ลีกก็ตาม

ผมคิดว่าเราสามารถที่จะเรียกว่าเป็นฤดูกาลแห่งความ “สำเร็จ” ได้ แม้ว่าจะไม่มีแชมป์พรีเมียร์ ลีกหรือยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีกมาครองก็ตาม

เพราะต้องอย่าลืมว่า หลังจากที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันวางมือไปนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พวกเขาห่างไกลจากความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่เดวิด มอยส์ที่เขามาเปลี่ยนทีมงานแทบจะยกชุด ทำให้ไม่เหลือรอยต่อของความเป็น ยูไนเต็ด จากยุคของกุนซือเฒ่าอยู่เลย ก่อนที่หลุยส์ ฟาน ฮาลจะเข้ามาใช้ปรัชญาของตนเองปรับเปลี่ยนทีมจนไม่รู้หัวรู้หาง แม้ว่าจะมีผลงานการพาทีมติด 1 ใน 4 ไปเล่นแชมป์เปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลแรก รวมทั้งแชมป์เอฟเอ คัพเมื่อปีที่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับรากฐานการเล่นและระบบของทีมแล้ว ไม่ว่าจะมอยส์หรือฟาน ฮาลก็ “เละ” ไม่ต่างกัน

ผมถึงมองว่าหน้าที่หลักของ มูริญโญ่ ในปีแรกกับทีม ไม่ใช่การพาทีมพุ่งเข้าชนความสำเร็จทันทีทันใด แต่เป็นการสร้างรากฐานจากซากปรักหักพังที่ดูจะไร้อนาคตที่คนอื่นทำเอาไว้ เพื่อนำไปสู่การทวงคืนความยิ่งใหญ่ให้ได้ในอนาคต

มูริญโญ่ ทำได้สำเร็จแล้วกับก้าวแรกของเขาในการพาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 2 ถ้วย รวมทั้งการกลับไปเล่นในแชมป์เปี้ยนส์ ลีกได้อีกครั้ง สิ่งนี้จะเป็นแกนหลักที่จะช่วยให้ทีมมีสมดุลมากขึ้นในการเสริมทัพจนถึงฤดูกาลหน้า ซึ่งแน่นอนว่าตอนนั้นเป้าหมายย่อมเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก

สำหรับปีนี้นั้น บางคนอาจจะบอกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดควรตั้งเป้าหมายที่ใหญ่กว่านี้, จะดีใจทำไมแค่แชมป์พีเอฟแอล คัพ(หรือถ้วยมิคกี้ เม้าส์ในสมัยก่อน ฮา)หรือแม้กระทั่งบอกว่า ถึงจะคว้าตั๋วไปแชมป์เปี้ยนส์ ลีกได้ในฐานะแชมป์ยูโรป้า ลีก แต่จบด้วยอันดับ 6 ในลีกมันน่ายินดีตรงไหน

แต่ถ้าหากมองในแง่ของความเป็นจริงแล้ว แมนฯยูไนเต็ด ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ใกล้เคียงความดีพอที่จะไปถึงตำแหน่งแชมป์ใหญ่ๆได้ ฉะนั้นแล้วความสำเร็จเล็กๆในสายตาใครหลายๆคนนี่แหละจึงสำคัญ

ส่วนมันจะสำคัญและมีความหมายมากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของโจเซ่ มูริญโญ่และลูกทีมของเขาในปีหน้าแล้วนั่นแหละครับ

ขอบคุณฤดูกาล 2016-17 แล้วไว้ลุ้นกันอีกทีสำหรับปี 2017-18 ครับผม




------------------------------------------------------------------------




ปล.ติชมได้เช่นเคยครับ ขอบคุณครับ

ถ้าแมนยูเรียกล้มเหลว

อันดับ2-4ก็เหลวแหลกไม่เป็นท่าเหมือนกันแหละ

แชมป์สักใบก็เห็นจะมีติดมือกัน มาด่าคนอื่น

ไม่ได้ดีกว่าเขาเลย

อ่านแล้วปวดลูกกะตามากเลยครับ

รูปภาพ ตัวหนังสือ ทับกันไปหมด

แก้ไขด่วนนนนนนนนนน

เปิดในคอมอ่านไม่ได้เลยครับ ตัวหนังสือมันซ้อนกับรูปภาพ

ความสำเร็จ(เล็กๆ)ของวันนี้ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ในวันหน้า....ก็เป็นได้!!

มันขึ้นอยู่กับว่าเเฟนทีมไหนพูดถึงล่ะว่าสำเร็จไม่สำเร็จ
สำหรับผม ถือว่ายอดเยี่ยม เกินฝันล่ะครับ
เพราะปวดตับกับการเชียร์ ในเทคติคลุงกัลที่ฝังระบบมาให้ตอนคุมทีม ดูแล้วมันติดตายิ่งดูยิ่งเซ็ง คิดว่าพอเฮียมูเข้ามา คงต้องมีการปรับจูน หรือเอาแผนการเล่นของตัวเองเข้ามาใช้ ให้ลูกทีมซึมซับกันซักระยะหนึ่ง

ในลีค ถ้าดูการเล่น ตามเทคติคของเฮียมูแล้ว ยอมรับเลยว่าเล่นเเล้วอึดอัด ลุ้นเหนียวแทบจะทุกนัด แต่มันแลกมาด้วยการแพ้ที่ยากขึ้น(ตอนต้นฤดูกาลโดนเพื่อนบัพเยอะมากว่าจ่าฝูงหนาวมากไรนี่แหล่ะเลยเซ็งหนักกว่าเดิมตอนทีมเล่นแล้วเสมอ ถ้านัดไหนผีชนะไม่ไม่โดนเล่น แต่ปลายฤดูกาลเงี๊ยบเงียบ) อันนี้ก็ยอมรับได้เพราะบอร์ดบริหารตั้งเฮียมูมาแล้ว เค้าจะเน้นผลก่อนเลย เพื่อทำให้สการณ์ในทีมนิ่งไม่ให้โดนสื่อเล่นงานมาก
ในยูโรป้า ตอนต้นฤดูกาล ที่ได้สิทธิ์มาเตะ ก็ไม่ได้ลุ้นไม่ได้หวังอะไรมากมาย แต่ยิ่งพอผ่านเข้ารอบน๊อคเอ้าท์แล้วดูทีมที่หลุดเข้ามามันทำให้มีหวังขึ้น เอาให้เข้ารอบได้ไกลที่สุด แล้วกันได้เเชมป์ก็ดีไป (มียันต์คุ้มครองกันโดนล้อ) ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะบอลน๊อคเอ้าท์มันอะไรก็เกิดขึ้นได้

ถึงกับต้องกดสูตร ctrl+a อ่านกันเลยทีเดียว

สงสัยว่าแมนยูได้ยูโรป้า ทำไมต้องมีคนมาเดือดร้อนแทน

ฟุตบอลเค้านับที่ประตู ไม่ได้เอา%การครองบอล มาเป็นตัววัดนิ

บราวเซอร์คอมของผมน่าจะมีปัญหา ยังไงจะให้นักข่าวท่านอื่นแก้เรื่องตัวหนังสือกับรูปให้นะครับ

ขออภัยในความไม่สะดวกครับ

ปีแรกได้ขนาดนี้ ผมพอใจนะครับ
ผมเชื่อว่าปีหน้าจะดีกว่าเดิมแน่นอน

ถ้าเอา % มานับ ลุงกัลคงเหมาทุกแชมป์ไปแล้วล่ะ

ปีแรกได้ขนาดนี้ ทรงบอลแบบนี้ ได้ 2 ถ้วย + 1 ถาด ถือว่าพอใจแล้วครับ

ต้องดูด้วยเราแข่งหลายแมตมาก ตัวเจ็บเพียบ ยังได้ขนาดนี้

ในลีคหลุดไปไกลถึงที่ 6 เพราะเราเสมอเยอะ ส่วนใหญ่เพราะเราไม่คมเอง ถ้าแก้ได้ปีหน้ามีลุ้นแน่

"แม้ว่าจะมีหลากหลายเสียงวิจารณ์ตามมาหลังเกม โดยเฉพาะทางฝั่ง ลิเวอ … เอ้ย"

พูดถูกแล้ว

สำหรับเด็กผีอย่างผม ตอนที่มูเข้ามาตอนแรก ผมไม่ได้หวังถึงแชมป์ลีค หรือแชมป์อะไรเลย หวังแค่ได้กลับไปเล่น UCL และทรงบอลของทีมที่มันดูแล้วมีอนาคต สำหรับผม ผมมองว่าปีนี้แมนยูทำได้ขนาดนี้ ถือว่าดีแล้ว ถึงทีมจะจบที่ 6 แต่ก็ได้แชมป์ยูโรป้ามาแทน ได้ไป UCL เหมือนกัน แถมดีกว่าได้ที่ 4 ตรงที่ไม่ต้องเตะรอบแบ่งกลุ่มด้วย (ไม่ได้จะกัดเด็กหงส์นะ แต่ฟอร์มของทีม มันลุ้นได้แค่ที่

ค่อยเป็นค่อยไปครับ จ่ามูถึงจะมีฝีมือยังไง แต่กับสภาพแมนยูตอนนี้ ทำได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้วครับ ยอมรับมันสมองแกสุดยอดจริงๆ ตั้งแต่ดูแมนยูมาไม่คิดว่านักเตะผีแดงจะเล่นแท็กติคอะไรแบบนี้ได้ อย่างนัดปราบเชลซี ผมให้เป็นเกมแห่งฤดูกาลเลย ชอบมากๆ

ผมขอใช้คำว่า ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และไม่เท่าที่คาดหวังไว้ ละกันครับ

ปล. แต่ผมก็ดีใจ และภูมิใจกับทีมชุดนี้ในฤดูกาลนี้ครับ

สำหรับมูที่กล้าเสี่ยงทิ้งบอลลีคมาเดิมพันทั้งหมดกับถ้วยนี้ ผมว่าแกโคตรใจเลย

สมมุติเป็นมอยผมว่าแกจัดตัวเต็มที่ทุกนัดแน่(ในทีมต้องมีหมูด้วย) ในสถานการณ์กดดันเก้าอี้ร้อนสุดๆ

จากทีมที่เหมือนพึ่งถูกผ่าตัดมาเสร็จแล้วช่วงปลายฤดูกาลไปหกล้มจนพิการร่อแร่ แต่ยังมีเฮือกสุดท้าย นี่แหละแม่งคือยูไนเต็ด

ปีนี้อันดับหกมันเฮี้ยนมาก ผีหนีเท่าไหร่ก้อไม่หลุด เลยสิงสถิตย์อันดับหกซะเลย

ถ้าการพาทีมคว้าแชมป์แล้ว ถือว่ายังไม่ประสบความสำเร็จ

ก็ไม่รู้จะว่าไงละ

มีถ้วยรางวัล และ บรรลุเป้าหมายสโมสร(ไป UCL)

ใครบางคนจะมองว่าล้มเหลว แต่ผมกลับมองเหมือนผู้เขียนครับว่านี่คือความสำเร็จ

บางทีมก็เข้าชิงแบบผีนี่แหละครับ แต่ก็ว่าวหมด

ก็เรียกได้ว่าสำเร็จแหละครับ นามธรรมก็เรื่องทรงบอล ทีมสปิริต รูปธรรมก็ถ้วยรางวัลนี่แหละ

ตกลง ถ้วยมิกกี้เมาส์ นี่มัน

EFL league cup ใช่มั้ย หรือ PFL เห็น จขกท เขียน ว่า พีเอฟแอล อยู่สองครั้ง อยู่นะ

พ่อมอยส์คงไม่น่าพาทีมเข้าชิงอะไรได้คับ

มูรินโญ่เว้ย

บอลมีทรงขึ้นเยอะ นับจากป๋าออกไป โอเค ตัวหลักเต็มเยอะ ยิงไม่ค่อยคม ในจังหวะสุดท้าย แต่ได้ถ้วย ได้แชมป์ ให้นักเตะพวกนี้ ได้สัมผัสคำว่าแชมเปี้ยน เพราะฉะนั้น ผมถือว่ามูประสบผลสำเร็จในการเดินก้าวแรก และ จะคอยหนุนหลังต่อไป เพราะยูไนเต็ด มีเป้าหมายที่สูงขึ้นๆเสมอ

ถ้าดูบอลเป็นและไม่อคติ จะรู้ว่าทำไมทั้งมูถึงวางหมากมาให้เล่นแบบนี้ในเกมนี้ และนักเตะก็เล่นตามแท๊คติกได้ดีมาก

รับรองได้ว่าถ้ามีทีมที่จบอันดับ 8 แล้วได้แชมป์ลีกคัพกับแชมป์ยูโรป้าคัพในปีเดียวกัน แฟนทีมนั้นๆจะไม่รู้สึกว่าทีมตัวเองล้มเหลวแน่นอน

มันเหมือนกับการสร้างทีมใหม่เลยนะ ไหนจะต้องมาละลายพฤติกรรมปรัชญาของ ฟานกัลอีก

นักเตะก็พากันเจ็บ แข่งก็เยอะกว่าทีมอื่น มีถ้วย 3ใบ ก็ดีแค่ไหนแล้วคับ ได้ไป ชปล อีก

ถึงตารางคะแนนจะไม่ได้อยู่ใน Top4 ก็เถอะ ค่อยๆสร้างกันไป ปี2ปี ก็คงจะดีกว่าาเดิม

ผมเชื่อแบบนั้นนะ

ถ้าการซื้อผู้เล่นแพง ๆ เยอะ ๆ ทำให้ทีมได้แชมป์ง่าย ๆ ผมเชื่อว่าหลายทีมคงทุ่มกันสุด ๆ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ง่ายดายอย่างนั้น การปรับตัวเข้ากับทีม การปรับระบบกับผู้จัดการทีมคนใหม่ การสร้างขวัญกำลังใจขึ้นมาใหม่ ล้วนต้องใช้เวลา ผมมองว่ามูริญโญ่สอบผ่านในฤดูกาลแรกกับทีมอย่างที่บทความนี้เขียนไว้นะครับ

สองแชมป์ กับการคว้าตั๋วไปแชมเปี้ยนลีก แค่นี้ก็เพียงพอแล้วกับคำว่า "สำเร็จ" ในก้าวแรก ใครจะว่ายังไงก็แล้วแต่ สำหรับผมถ้าให้เลือกติด 2-4 เพื่อไปถ้วยใหญ่บอลยุโรป แน่นอนว่าต้องการแบบนี้แหละสบายใจดี แต่มันดีกว่าไหมที่เราสามารถใช้ทางลัดด้วยการคว้าแชมป์ยูโรป้าที่ได้ทั้งถ้วยได้ทั้งตั๋วไปแบบอัตโนมัติ แถมในลีกเรายังคว้าบอลถ้วยเล็กมาได้ด้วย

สำหรับผมเป็นการจบฤดูกาลอย่างมีความสุขมากกว่าหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาจริง ๆครับ

เขาเรียกว่า ฟาสแทร็ค ครับ ผลดี 2 อย่างก็คือ แมนยูยังขาดถ้วยสุดท้ายที่เติมเต็มสมกับ เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ มีครบทุกถ้วย และจังหวะพอดี ที่ทำได้

อันที่ 2 ในลีกส์เละเทะเหลวแหลกไม่ได้สำคัญ เพราะไม่ได้แชมป์ แต่ได้โควต้าไป ชปล.

ผมถือว่า ดีกว่า ได้ที่ 4 ไม่ได้ว่าทีมใดทีมอื่น เพราะไม่ต้องไป จับแพะชนแกะ เพลย์ออฟ

ได้เล่นแบ่งกลุ่มเลย ไม่ทราบว่าใครคิดแบบไหน เพราะ เราพูดไว้ว่า ความมุ่งหวังในลีกส์

เราไม่ได้หวังผลตั้งแต่เกมส์สุดท้ายที่มีลุ้น จนหมดลุ้นไป1ทาง เราก็บอกเสมอว่า

เราหวังถ้วยที่เราขาดการเติมเต็มนี้ แล้วก็ได้สมหวัง สำหรับผม พึงพอใจมาก เพียงพอแล้ว

แต่ไม่ได้หยุดไว้เท่านี้ ฤดูกาลหน้า เราก็ลุ้นเหมือนเดิม

บางทีมได้แค่ที่สี่ยังบอกว่าสำเร็จเลย​ จริงๆ​ ชอบทรงบอลแบบป๋ามากกว่า บุกไม่เน้นรับ แบบจ่ามูมันต้องลุ้นท้ายเกมส์ประจำระทึกใจเกินไปแต่ก็ดีกว่าอ้วนกัลแม้งโดนนำอยู่ยังเคาะบอลอยู่เลย เคาะไปเคาะมาเวลาหมดแพ้แบบที่%ครองบอลเยอะกว่า​ คนดูหลับเปนแถว

ท่านที่เป็นแมนยูเข้าไส้ ผมว่า เราแค่ต้องการฟุตบอลสไตล์ยูไนเต็ดคืนมาก

จากที่หายไปสามปีกลับมา .. อันนี้ก็ดีใจเล็กๆแล้ว หลังจากต้นฤดูกาล เริ่มจูนกันติด

มูเล่นเกมส์รุกไม่น้อยนะครับ บางเกมส์เติมหน้าไล่ล่าประตูด้วยซ้ำ (ดันสาก)ที่ได้เพิ่มเติมมา

คือแทคติคเกมรับ แต่อย่างที่ทราบ กระดูกสันหลังเดี้ยงเดี้ยงเป็นแถบในช่วงหลัง

แทคติคก็ต้องเปลี่ยนไป แต่ได้มาแค่นี่ กับรูปแบบนี้ ผมโคตรปลื้มเลยละ

นี่แหละครับที่เค้าเรียกข้ออ้าง

ยิ่งใหญ่สุดๆ แล้วครับ หลังจากยุคของป๋ามา ผมดีใจมาก แชมป์ก็ได้ ไปยุโรปตามเป้า บอลก็ดูดีมีทรงเป็นระบบ

แล้วแมนยูจะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนสมัยป๋า

ถ้าเล่นเกมส์รุกเต็มสูบจะเยี่ยมมาก

ได้ยูโรป้านี่ไม่เล็กแล้วครับ ถือว่าประสบความสำเร็จในถ้วยที่เป็นอันดับสองของยุโรปแล้ว

ยินดีกับแฟนแมนยูด้วยครับ ปีนี้ ได้2แชมป์ ไม่ธรรมดาเลยนะครับ(โดยเฉพาะถ้าดูจากรายชื่อผู้เล่นเจ็บแล้ว ต้องปรบมือให้ดังกว่าเดิมอีก) ^_^

งั้นก็คงแล้วแต่คุณคิดเถอะครับ เพราะนั่นมันคือความเห็นของผม

สงสัยมันเหงา กลัวคนลืม ผมว่า

ปีหน้ามาวัดกัน เป๊ปออกตัวแรงไปแล้ว...ทีมอื่นๆคงไม่ยอมเป็นแน่

อวตารท่านน่ารักอ่ะ

ผลงานเป็นตัวชี้วัดก็ถือว่าแมนยูบรรลุเป้าหมายขั้นต้นนะ แต่จะคาดหวังให้ดีเหมือนเดิมก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ฤดูกาลหน้าจะเป็นการแข่งขันของทีมระดับท๊อป 6-7 ทีมเลยด้วยซ้ำ

มาก ๆ ด้วยครับ

ที่ 2 3 4 ได้ไปแชมเปี้ยนลีค แต่ไม่ได้สักถ้วย
ถ้าเทียบกับเม็ดเงินที่ลงทุน โคตรล้มเหลว
เราได้แชมป์แถมไปแชมเปี้ยนลีค ถึงจะที่ 6 แต่ไม่น้อยหน้า top 4 ในลีคเลย

จากข้อความข้างบนที่ผม quote มา..


จากความคิดของคนกลุ่มนี้ แสดงว่า

ข้อที่ 1) ได้ที่ 2-3-4 แต่ไม่ได้แชมป์อะไรอีกเลย

ดีกว่า

ข้อที่ 2) ได้ที่ 6 และได้แชมป์ EFL League Cup กับ Europa League

สิเนี่ยะ ผ่านไป 5-10 ปีใครจะจำทีมนั้นกันหว่า..
เขาจำทีมแชมป์ ไม่ใช่หรอ?
เอหรือผมเข้าใจอะไรผิดเนี่ยะ...

แต่ผมขอโง่เลือก ข้อที่ 2 และกันครับ..
1. ได้ Trophy มาประดับตู้ตั้ง 2 ใบ (แถมใน wiki เขานับ ถาดนั้นด้วย)
2. เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปเพื่อยกระดับทีมให้อยู่ในกลุ่ม 6 ทีม ที่ได้ครบทุกถ้วย

สำหรับผมถือว่า ยิ่งกว่าสำเร็จด้วยซ้ำ
..ขนาดป๋า ยังทำไม่ได้เลย แถมนักเตะพิการขนาดนี้อีก
ถ้าบอกว่าแมนฯ ยู ซื้อเยอะ ต้องควรได้แชมป์ลีก.. ขอถามกลับไปละกัน..
แมนฯ ซิติ้ไม่ได้ซื้อเยอะหรอ? ก็สูสีกัน แถมนักเตะเดิมดีๆ กว่าด้วย.. มีช่วงมกราด้วย

แค่เห็นทรงบอลที่เปลี่ยนไป (ในทางที่ดีขึ้น) บุกแบบบุกจริงๆ

ไม่ใช่เน้นครองบอล หรือโยนมั่ว (ทั้งๆ ที่กองหน้าแม่งก็ไม่ได้มีตัวโหม่งเก่งๆ เลย) ผมก็พอใจแล้วครับ

เจอทรงบอลยุคมอยส์ ยุคกัลแล้วปวดตับ

แชมป์ที่ได้ถือเป็นของแถม

ไม่เห็นจะแปลกที่รูปเกมส์ และ%ครองบอล แมนยูนัดชิงยูโรป้า จะดูน้อยกว่าอาหยักซ์ ก็แมนยูได้ประตูขึ้นนำก่อน แล้วก่อนที่จะได้ประตูขึ้นนำ รูปเกมส์แมนยูไม่เป็นรองเลยนะครับ

ถ้าอาหยักซ์ได้ประตูขึ้นนำก่อน แล้วแมนยูยังเล่นเกมส์รับสิแปลก

สำหรับผมมันเป็นเรื่องปกติของฟุตบอลถ้วย ที่เน้นผลเกมส์ต่อเกมส์ ที่พอได้ประตูขึ้นนำก็ต้องเล่นรับรอสวนกลับ