ทำไม?...ผ่า 3 ประเด็นกลยุทธ์ “มูรินโญ่”
1.มูรินโญ่ เล่นเกม “แท็คติก” เพื่ออะไร?
ตอบง่าย ๆ คือ เพื่อ “เป้าหมาย” ที่ต้องการในแต่ละนัด และด้วยการวางหมากไม่เสียประตูไว้ก่อนในการเจอทีมระดับหัวตาราง อาจจะใช้คำว่า “ท็อป 6” หรือกลุ่มลุ้น “ท็อป 4” ไปเตะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยกัน “ภาพรวม” คือ มันน่าจะดีกว่า หากเล่น “เกมรับ” แน่นอนไว้ก่อนแล้วคอยหาจังหวะสวนกลับเร็วเป็นประตู เพราะอย่างน้อยก็จะหมายถึง 1 แต้มเป็นอย่างต่ำ หรือไม่ก็ 3 แต้มเต็ม
ตัวอย่างที่ดีที่สุด คือ 2 แมตช์ล่าสุดในกลุ่มหัวตารางที่ใช้หมากประกบ อังเดร เอร์เรร่า ตามดื้อ เอแดง อาซาร์ หรือมัตเตโอ ดาเมียน ตามจีบ เปโดร จนแมนฯยูไนเต็ด เป็น “ผู้กำชัย” ในศึกกับเชลซี
หรือล่าสุดใน “แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้” กับแมนฯซิตี้ ที่เสมือนตั้งรถบัส 2 แถวยันเสมอเจ้าถิ่น 0-0 ก็เข้าสูตรขอแต้มในเกมเยือนทีมใหญ่ไว้ก่อน
ทั้งนี้ อีกมุมคือ สถานการณ์บนตารางคะแนนที่อยู่ “อันดับ 5” ตามหลังลิเวอร์พูล (อันดับ 3) 3 คะแนนแต่เตะน้อยกว่า 2 นัด และตามหลัง แมนฯซิตี้ (อันดับ 4) 1 คะแนนแต่เตะเท่า ๆ กัน
นั่นหมายความว่า “เสมอ” เกมนี้ไม่เสียหาย และอยู่อันดับ 4 อย่างต่ำ ๆ หากชนะนัดตกค้างในมือ ดังที่ โจเซ่ มูรินโญ่ กล่าวยอมรับว่า 1 แต้มเกมนี้จะมีผลต่ออันดับของทีมในบั้นปลาย
อย่างไรก็ดีครับ เกมกับสวอนซี วันอาทิตย์ 6 โมงเย็นนี้จะเป็น “อีกโจทย์” และเป้าประสงค์ พร้อม ๆ กับสถานการณ์ที่แตกต่างเนื่องจากตัวเจ็บเป็น “หางว่าว” ป๊อปบา, อิบราฯ, มาตา, สมอลลิ่ง, โจนส์, โรโฮ โดยเฟลไลนี่ ติดโทษแบนกับทีม “รองบ่อน” หนีตาย
เชื่อแน่ครับ เราคงได้เห็นอีก “แท็คติก” อีกเป้าหมายที่คราวนี้จะเป็น “แท็คติก การรุก” อันเป็นปัญหาของทีมในซีซั่นนี้
ก่อนที่เรา ๆ ท่าน ๆ จะได้เห็น “มาสเตอร์แพลน” แท็คติก กับอีก 2 เกมเยือน อาร์เซนอล และสเปอร์ส ตามโปรแกรมที่เหลืออยู่ต่อไปครับ
2.คาแร็กเตอร์การเป็น “โค้ช” ที่แตกต่างกัน
โค้ช หรือนิยามของฟุตบอลอังกฤษ คือ “ผู้จัดการทีม” มีความหลากหลายในเชิงพฤติกรรม หรือก็คือ คาแร็กเตอร์, วิธีคิด และนิสัยใจคอ
การที่ลิเวอร์พูลทำผลงานได้ดีกับกลุ่มบน ๆ ที่ไม่ได้ “ตั้งรับ” อะไรมากมาย แต่กลับพลาดให้ทีมท้ายตารางโดยตลอด แสดงให้เห็นอะไร?
น่าจะบ่งบอกว่า เยอร์เก้น คลอปป์ ไม่ได้สนใจนักกับวิธีการของคู่ต่อสู้ที่จะมาเน้นเกมรับ และคอยสวนโต้ หรือหวังลุ้นจากลูกกลางอากาศตั้งเตะ โดยหวังเพียงแท็คติก “Gegenpressing” ของตนเองทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
ทำไมไม่ใช้แผนอื่น ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า คู่ต่อสู้จะไม่บุก แล้วตั้งรับแน่นหนา?
ทางออกนั้นพอมีนะครับ และ “แผน 2” ที่โค้ชทั่วไปทำได้ก็คือ ไม่เพรสซิ่งสูงตอนพาเลซ, เบิร์นลีย์, บอร์นมัธ โน่นนี่นั่น ที่หงส์แดงเคยเสียแต้ม และแพ้ ได้บอลในแดนตัวเอง
ก็ปล่อยให้คู่แข่งต่อบอลทำเกมขึ้นมาจากแดนหลังสิครับ เพื่อเปิดพื้นที่ด้านหลังแบ็คให้แนวรุกตัวเองที่เร็วอยู่แล้วมี “พื้นที่” เวลา และโอกาสได้ทะลุทะลวงมากกว่าไปตั้งหน้าตั้งตา “ไล่บี้” แดนบนตอนรับ หรือจงใจเคาะเจาะประตูตอนรุก
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในเกมล่าสุดกับแมนฯยูไนเต็ด ก็เช่นกันที่จริง ๆ แล้วสามารถปล่อยให้แมนฯยูฯ ของมูรินโญ่ ทำเกมได้เลยแล้วคอยโต้บ้าง อะไรบ้าง มากกว่าจะ “ตั้งต้น” จากตัวเอง
คือ มันจะไปเข้าทาง และเป็นตามแผนของทีมที่เน้นมารับ และพอใจกับการเล่นแบบนี้ตลอด 90 นาทีที่ก็สามารถบอกได้ว่า ให้เล่น “เป็นวัน ๆ” แมนฯยูฯก็อาจไม่เสียประตูให้แมนฯซิตี้
3.ต้องการสร้างทีมในแนวทางของตัวเอง 100%
ในฐานะนักฟุตบอลเช่นกัน ผมรู้สึก “แรง ๆ” จากกุนซือ 2 คนนะครับนั่นคือ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ แห่งแอตเลติโก้ มาดริด และมูรินโญ่ นี่แหละที่สามารถ “สร้างทีม” และสร้างความเชื่อให้เกิดกับลูกทีมได้ 100% จริง ๆ
การที่จะให้ซูเปอร์สตาร์ (เฉพาะอย่างยิ่ง ถนัดรุก) เช่น อองตวน กรีซมันน์ และผองเพื่อน หรือดาวเตะแต่ละคนของ แมนฯยูไนเต็ด ที่ “อีโก้” สูงเสียดฟ้ามาเล่นบท “พระรอง” ตามประกบแบบ “เข้าส้วม” คงตามไปด้วย เช่น เกมเชลซี
หรือตั้งแถวเรียงหน้ากระดาน 2 ชั้นกับคู่ปรปักษ์ร่วมเมือง แมนฯซิตี้ โดยมีแค่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ห้อยหน้า และเฮนริค มคิห์ตาร์ยาน คอยสอดแถวสอง มัน “เสียฟอร์ม” ในเกมที่ยิงเข้ากรอบแค่ 1 ครั้ง
แฟนบอลปิศาจแดงที่ยัง “คุ้นชิน” กับสไตล์ “เจ้านาย” ในสนามกดขี่คู่แข่งขันทุกสถานการณ์ก็ต้องทำใจนิดนึง
ทว่ามองในมุมกลับว่า แมนฯยูฯ คือ “ท็อป 6” ที่เกมรับดีที่สุดเป็นรองแค่ สเปอร์ส และนักเตะสามารถถูกสั่งให้เล่นได้ทุกบทบาทตามผู้กำกับ นั่นหมายความว่า ทีมสปิริตย่อมดีมาก
ดังนั้นหาก “แก่นทีม” ตรงนี้แข็งแรง ประสบความสำเร็จ และการเติมทัพซัมเมอร์นี้เป็นไปได้สวย แมนฯยูไนเต็ด จะเป็นทีมที่อันตรายมากในซีซั่นหน้า เพราะเกมรับนั้นดีมากเป็น “ต้นทุน”
ทำทุกอย่างตามคำบัญชาของกุนซือ และขอแค่ตัวจบสกอร์คม ๆ เราคงได้เห็นแมนฯยูไนเต็ด มีสิทธิ์กลับมายิ่งใหญ่ ยุค “น้ามู” และด้วย “แท็คติก” แบบน้ามู
ที่ต้องยอมรับนะครับว่า จะไม่มีวันนั้น วันที่เราได้เห็นความ “เอนเตอร์เทน” สุดยอดที่มาพร้อมความสำเร็จเหมือนยุคท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อีกแล้ว
“ไข่มุกดำ”
facebook.com/khaimukdam
*ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก “ยูโร่ เค้ก” ผู้สนับสนุนการถ่ายทอดสดฟุตบอลระดับโลกอย่างเป็นทางทางช่อง PPTV และติดตามฟุตบอล “ซูเปอร์ซันเดย์” แมนฯยูไนเต็ด – สวอนซี ได้ทาง PPTV ช่อง 36 ตั้งแต่เวลา 18.00 น.วันอาทิตย์ที่ 30 เม.ย.เป็นต้นไปครับ
[/b]