สัญญาหิน
แต่งตั้งกันไปเรียบร้อยอย่างเป็นทางการ ในที่สุดเฮดโค้ชทีมชาติไทย คนใหม่ก็ได้ชื่อแล้วคือ มิโลวาน ราเยวัช หลังปล่อยให้รอลุ้นกันมานานพอสมควรหลังจากการโบกมือลาตำแหน่งของโค้ชซิโก้ ด้วยออปชั่นสัญญา 1 ปี + ออปชั่นขยายสัญญา 1 ปี หากผลงานเป็นที่น่าพอใจ
กับประเด็นนี้ก่อนการแต่งตั้งทางการ ซึ่งจากผมที่ติดตามทำข่าวแบบเกาะติดชนิดริงไซด์ทั้งสัมภาษณ์กลุ่มหรือเดินดุ่มๆไปสอบถามนอกรอบคำตอบก็ไม่ต่างกัน คือบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร เรียกว่าเก็บปิดมิดชิดจริง แม้เพื่อนๆพี่ๆนักข่าวจะพยายามต้อนไล่ถามแบบสุดๆ ก็ไม่หลุดออกมา
เช่นเดียวกับคำถามผู้ช่วยโค้ชชาวไทยที่ผมก็พยายามสอบถามว่าได้หมายตาเล็งใครไว้ในใจหรือยัง ซึ่งตามสเป็คโค้ชเฮง ประธานเทคนิคที่วางไว้คือหลักๆต้องมีความเข้าใจ คิดเป็น รวมถึงต้องสนับสนุนการทำงานของโค้ชใหญ่ได้เป็นอย่างดี ทว่าถึงตอนนี้ก่อนวันประกาศคัดเหลือสามแคนดิเดตเฮดโค้ชชุดใหญ่ เอาจริงๆ เรื่องผู้ช่วยโค้ชชาวไทย ก็ยังไม่มีการติดต่อโค้ชชาวไทยคนใดๆทั้งสิ้นน่ะครับ ไม่ว่าจะเป็นโค้ชโย่ง วรวุฒิ หรือ โค้ชโอ่ง ดุสิต หรือแม้กระทั่งกุนซือไทยรายอื่นๆ
อีกทั้งในรายของ โค้ชโย่ง วรวุฒิ นั้นทางคุณโจ พาทิศ โฆษกบอลไทย เผยเองว่ายังไม่ชัวร์ด้วยซ้ำว่าอนาคตที่ควบสองหัวโขน ทั้งทีมชาติไทย ยู23 และสโมสรจะเป็นอย่างไร สาเหตุนั้นแม้ไม่เอ่ยแต่ก็คงพอจะทราบกันนั่นก็คือตอนนี้ โค้ชโย่ง ผู้เป็นมิตรกับนักข่าวบอลไทยในสายตาผมนั้นกำลังมีผลงานดีกับสุพรรณบุรี
ชนิดที่หากผมเป็นประธานสโมสร หรือเป็นคนมีอำนาจตัดสินใจเลือกโค้ช ผมก็คงไม่ปล่อยและคงอยากจะเจรจาให้มาคุมทัพช่วยสโมสรแบบฟูลไทม์ ก็ต้องติดตามกันว่าบทสรุปเรื่องนี้จะออกอย่างไร เพราะ โค้ชโย่ง เคยให้สัมภาษณ์แล้วว่าอยากมาทำทีมชาติ และหากมาทำทีมชาติ ก็ต้องมาแบบฟูลไทม์ตามนโยบายของสมาคมฯ
วกกลับมาที่ประเด็นโค้ชทีมชาติไทย ชุดใหญ่ จากที่ผมได้ยิงคำถามเรืองค่าเหนื่อยของกุนซือทีมชาติไทยคนใหม่ นั้นเท่าไหร่ คุณพาทิศ เผยว่าได้มากกว่าคนเดิมแน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้เป็นค่าจ้างที่ดูโอเวอร์ เพราะก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่ซัพพอร์ทเรื่องต่างๆมากมายเช่นที่พัก อาศัยเป็นต้น
ส่วนกรณีหากคุมทีมชาติไทย แล้วผลงานดีจะมีการพิจารณาขึ้นค่าจ้างให้หรือไม่นั้น สมาคมฟุตบอลไทยฯ จะมีการขึ้นค่าจ้างให้อย่างแน่นอนโดยอยู่ในเงื่อนไขช่องสัญญาที่ทางโค้ช จะเป็นคนกรอกตัวเลขด้วยตัวเอง ซึ่งค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นนั้น จะขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์
ส่วนประเด็นสัญญาการคุมทีมนั้นโค้ชที่พูดคุยส่วนใหญ่ก็ต้องการจะคุมทีมระยะยาวเพื่อพัฒนาเยาวชน แต่ทางสมาคมฟุตบอลไทยฯนั้นเต็มที่ยื่นสัญญาเบื้องต้นก่อน 1 ปี ซึ่งตรงเงื่อนไข 1 ปีนี้ ผมค่อนข้างเห็นด้วย ในแง่ของการทดสอบฝีมือ และเพื่อป้องกันไมให้โค้ชต่างชาติมองทีมชาติไทย เป็นเพียงสนามทดลอง เพราะเป้าหมายของไทย เปลี่ยนก็เพื่อสิ่งที่ดีขึ้น พัฒนาขึ้น โดยเฉพาะแนวทางการเล่นจะชัดเจนขึ้นตามที่ โค้ชเฮง ได้กล่าวไว้
อย่างไรก็ดีการพิจารณาต่อสัญญาโค้ชนั้น ผลการแข่งขันในสนามไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ที่ทาง สมาคมบอลไทย อยากเห็นนั้นคงจะเป็นเรื่องสถิติ ทรงบอลแนวทางการเล่น การครองบอล จ่ายบอล อะไรแบบนี้มากกว่า ซึ่งหากเป็นไปด้วยดี แม้ทีมชาติไทย จะไม่ชนะ หรือตกรอบ ก็มีโอกาสพิจารณาได้ไปต่อ.. แต่หากผลงานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ไม่ผ่านเกณฑ์ตามที่ประเมินกันไว้ สมาคมบอลไทยก็จะไม่เสียเวลาและพร้อมจะพิจารณาสรรหาโค้ชใหม่ทันทีเช่นกัน
เชื่อเหลือเกินว่าเจอเงื่อนไขสัญญาแบบนี้เข้าไป ต่อให้กุนซือดังระดับโลกมีดีกรีแค่ไหน อนาคตการทำงานในตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติไทยยุคผู้นำบอลไทย ที่เด็ดขาด จริงจัง สมกับเป็นอดีตนายตำรวจใหญ่ระดับจ่าฝูงสีกากี บอกเลยว่าไม่มีอะไรแน่นอน .. ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้โค้ชทีมชาติไทยคนใหม่ผ่านด่านหิน การเซ็นสัญญา 1 ปี ไปให้ได้เพื่อต่อยอดพาบอลไทยไปสู่เป้าหมายระดับโลกตามโรดแมพสมาคมฯที่วางไว้.. GOODLUCK
ยอดี้
เครดิตภาพเพจ FA THAILAND