เข้าร่วม: 11 Feb 2016
ตอบ: 27242
ที่อยู่: ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โลก เข้าร่วม: 13 Feb 2005
โพสเมื่อ: Fri Apr 21, 2017 2:20 pm
[RE: "เมื่อผมกระดูกหักที่อเมริกา" ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลในตปท.]
_________________
...ห้องพยาบาล...
__________________
ขณะนั่งรถไปห้องพยาบาลเค้าก็ถามว่า
เป็นอะไรบ้างเจ็บตรงไหนอะไรยังไง
บอกตรงๆว่าจำไม่ค่อยได้
คือหัวไม่กระแทกแต่พิษบาดแผลมันแรง
จำได้แค่ว่า ไม่มียาแก้ปวดให้กู ทั้งๆที่กูปวดชิบหาย
พารา หรือ บรูเฟน ไม่มีทั้งนั้น
ซึ่งที่ได้คือถุงพลาสติกที่ตักหิมะจากข้างทางห่อผ้ามาให้กูประคบ
คือทำถูกหลักวิชาการทุกอย่งเลย
แต่จุดๆนี้คือไม่คิดว่าแค่ประคบเย็นจะช่วยอะไรแล้ว
Pain Score ประมาณ 9.5
คุ้นๆว่าเค้าถามว่า
หัวยูกระแทกไหม มีบาดแผลตรงไหนอีกหรือเปล่า
แล้วเค้าก็เอาเอกสารอะไรมาให้เซ็นต์ก็ไม่รู้
แล้วก็บอกว่าเห็นใจนะมาเล่นครั้งแรกกระดูกหัก
ถ้าครั้งหน้ามาเล่นจะให้เล่นฟรีนะ (กว่ากูจะหายหิมะก็ละลายหมดละไหม)
แล้วก็
แค่นั้น.....
เอ้า ไม่มีหมอ ไม่มีพยาบาล
ไม่มียาเขี้ยอะไรให้กูเลยเหรอ
แต่เพื่อนก็ถามจนรู้มาแล้วว่ารพ.ที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน
อะไป...เล็ทส์โก
__________________
...โรงพยาบาล1...
__________________
จำไม่ได้ว่าระยะทางขับรถไกลแค่ไหน
แต่ถ้าครึ่งชั่วโมงก็เป็นครึ่งชั่วโมงที่ยาวนานที่สุดในชีวิตละ
ถึงโรงพยาบาล
กว่าจะลำไยกรอกประวัติ
เช็คสิทธิ์ประกันสุขภาพ
โน้นนี่นั้น
ได้ X-ray จนได้
พยาบาลก็บอกว่าเดี๋ยวจะเอายามาให้กินนะ
ก็นั่งรอไป ลำไยปวดกระดูกไปเรื่อย ผ่านไปซักยี่สิบนาที
แม่งก็ยังไม่มา มีคนเดินผ่านมารีบถามว่าจะมียาให้กินไหม
อุ๊บส์ ยังไม่มีคนเอามาให้กินอีกเหรอ โอเครๆ
อ้าวอีพยาบาลลำไย
ได้ยาแก้ปวดมาสบายใจ
ก็นั่งรอหมอต่อไป
คิดว่าจะได้เจอหมอไหม?
พยาบาลบอกว่า หมอไม่ว่างนะ
ยูปกติหาหมอที่ไหน มีรพ.ไหนที่หาหมอเป็นประจำไหม
ก็เลยบอกไปว่า ไอเป็น นักเรียนกะเหรี่ยงต่างด้าวนะ
แต่บัตรประกันน่าจะใช้ได้กับรพ.ใกล้ๆมหาวิทยาลัย
เค้าก็เลยให้ยาแก้ปวดมาประทังชีวิตอีกสองเม็ดคู่กับยาแก้อ้วก
แล้วก็ผ้าสามเหลี่ยมให้อีกอัน
พร้อมกับบอกว่า "กระดูกหักจริงๆแหละ เสียใจด้วยนะจ๊ะ"
แล้วก็นแนะนำให้ไปหาหมอที่รพ.ใกล้มหาวิทยาลัยละกัน
__________________
...หอพัก...
__________________
เมืองที่ไปเล่นสกีคือ Beckley ห่างจากเมืองที่อยู่ Huntington
ประมาณ 2-3 ชม. แต่กินยาแก้ปวดอย่างแรงมาแล้วก็ยังพอโอเค
แต่ใจก็ตุ้มๆต้อมๆ คิดไปประมาณล้านแปดเรื่อง
จะบอกพ่อกับแม่ดีไหมน้า
ประกันจะใช้ได้ป่าว ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร
ต้องผ่าตัดไหม (คือตอนนั้นก็ได้เห็นฟิล์มละ ก็เยินพอควรนะ)
ต้องใส่เฝือกไหม เมื่อไรจะได้เจอหมอ
พอถึงห้องพัก
เป็นคืนที่ทรมาณจัญไรมาก
คืออากาศช่วงนั้นก็หนาวชิบหาย
(ก็แน่ละถ้าหน้าร้อนจะกระดูกหักเพราะเล่นสโนว์บอร์ดได้ไหม)
แค่จะถอดเสื้อแขนยาวออกยังแทบจะร้องไห้
คือตอนนี้แขนซ้ายไม่สามารถทำอะไรได้เลย
อาบน้ำแค่จะถูจักแร้ซ้ายยังปวดร้าวไปถึงไหปลาร้า
กลั้นใจฝืนนอนไป
นอนก็ไม่ค่อยหลับหรอก
ใจก็ยังกังวลว่าเมื่อไรจะได้เจอหมอ
แถมพอตกดึกที่ยาเริ่มหมอฤทธิ์แม่คุณเอ๊ย
มือสั่นควานหายามากินแทบจะไม่ทัน
__________________
...โรงพยาบาล2...
__________________
น้องคนไทยใจดีแก๊งเดียวกันขับรถพามาโรงพยาบาล
เป็นโรงพยาบาลที่ใกล้มหาวิทยาลัย ประหนึ่งรพ.จังหวัดก็ว่าได้
เมืองนี้ก็ไม่ได้เป็นเมืองใหญ่มากใครๆก็รู้จักโรงพยาบาลนี้
ก็โดนจับไป X-ray เหมือนเดิม
แล้วก็รอฟังผล
ได้พบกับชายหนุ่มวัยน่าจะซักสามสิบกลางๆ
ฮีก็แนะนำตัว ฮีบอกว่าฮีไม่ได้เป็นหมอนะ
ฮีเป็น Physician Assistant (ย่อว่า PA)
แล้วหมออยู่หนายยยยยยยยย
แต่ฮีก็อธิบายดี
ฮีบอกว่า เฝือกไม่ต้องใส่นะ
เพราะหักที่ไหปลาร้าใส่เฝือกไม่ได้
ส่วนจะต้องผ่าตัดหรือไม่นั้น
เค้าบอกไม่ได้เดี๋ยวจะนัดคุณหมอให้อีกทีนะ
(ฟร๊าคคคคค หมออยู่ไหน กูอยากคุยกะหมอ)
สุดท้ายก็เดินคอตกกลับบ้าน
ได้ยาแก้ปวดอย่างแรง มา 20 เม็ด
(Hydrocodone + Para : เป็นกลุ่มพวก Opioid derivative/ บ้านเราก็พวก Tramol)
เอาจริงๆนะปวดเลเวลนี้ให้ Morphine Tablet เถอะ
วันนี้เป็นวันศุกร์
นัดเจอหมออีกทีวันจันทร์
เป็นเสาร์อาทิตย์ที่ชีวิตจัญไรมาก
__________________
...โรงพยาบาล3...
__________________
สรุปได้เจอหมอ (ซะที!!)
แต่ก็เจอ Resident ก่อนนะ
คุยกับ Resident นานมาก
รู้สึกเลยว่าเค้าพยายามพูดช้าเพื่อให้เราเก็ท (แต่ก็ยังเร็วสำหรับเราอยู่ดี)
เอาเป็นว่าก็สื่อสารจนได้ในที่สุดอะนะ
สรุปไม่ได้ผ่า
ไม่ต้องเฝือก
กินยาแก้ปวดอย่างเดียว
หมอแนะนำให้ไปซื้อ Vitamin D มากินเสริม
แล้วก็เริ่มทำกายภาพหลังจากสองอาทิตย์
รู้สึกเหมือนสามวันที่ผ่านมา
เราเสียแรงนอยไปอย่างไร้ประโยชน์
__________________
...สรุป...
__________________
ชีวิตลำบากสุดๆในช่วงประมาณอาทิตย์แรก
พอเริ่มผ่านสองอาทิตย์ไปแล้วเริ่มทำกายภาพ
ก็เริ่มใช้งานแขนได้มากขึ้นเรื่อยๆ
หายดีกลับมาใช้แขนได้เต็มที่ 100%
ตอนผ่านไปประมาณ 5 เดือนกว่า
(ตอนแรกหมอบอกว่า Recovery time ประมาณ 6 เดือน)
สรุปจริงๆก็คือ
อย่าป่วยที่อเมริกาเลยนะ
ชีวิตลำบาก
คนดูแลก็ไม่มี
คนให้อ้อนก็ไม่มี
นี่ยังไม่ได้เล่าเรื่องประกันกับเรื่องค่าใช้จ่ายเลยนะ
แต่ในโพสเก่าๆเคยเล่าไปแล้วครั้งหนึ่ง
เจอเรื่องร้ายๆในชีวิตทีไร
ก็คิดถึงเรื่องนี้ทุกที
แล้วก็คิดว่า
เออ เจ็บที่สุดในชีวิตก็ผ่านมาแล้ว
ถ้าแขนยังไม่ขาด ขายังเดินได้
ก็สู้ต่อไปละกัน
ไปละ
สู้ๆนะ พุ่งนี้ก็วันศุกร์ละ
#โตแล้วโพสอะไรก็ได้
#ผมอยากให้เค้าเลิกคิดว่าเราขี่ควายไปเรียน
ศัพท์ประจำวัน
Collar Bone = กระดูกไหปลาร้า
Clavicle Bone = collar bone ภาษาหมอ
Collar shirt = เสื้อมีปก
Fracture = การแตก, การหัก
Sharp Pain = ปวดจิ๊ดๆ
Dull pain = ปวดตื้อๆ