ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 20 Apr 2007
ตอบ: 4189
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 9:41 pm
แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)
เลือกตั้ง เลือกผู้แทน สภาผู้แทนฯ ฝ่ายค้าน ประชามติ >>> คำเหล่านี้ ล้วนเป็นศัพท์แสงจากระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น หลายคนสู้และตายเพื่อสิ่งนี้ แต่มีคนเห็นแย้ง

ใช่ครับ วันนี้ผมมีหนังสือแนะนำมา ชื่อหนังสือว่า "ต้านประชาธิปไตย" (against democracy) ซึ่งเขียนโดยนักทฤษฎีการเมืองชาวอเมริกันที่ชื่อว่า เจสัน เบรนแนน (Jason Brennan) และได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยพรินซ์ตั้น ซึ่งไม่ธรรมดาเลยทีเดียว






ท่านอ่านไม่ผิดหรอก ตานี่ไม่ได้เชื่อในระบอบประชาธิปไตยและการเลือกตั้งเต็มรูปแบบ

แน่นอน หลายท่านคงสงสัยว่าถ้าไม่เอาระบอบที่เลวน้อยที่สุดจะเอาอะไรละ?

นายคนนี้เริ่มต้นโดยบอกว่าเฮ้ย ไอ้การเลือกตั้งมันคือการเอาคนส่วนมากที่มีความรู้ทางสังคมศาสตร์และความรู้ข้อเท็จจริงเรื่องการเมืองอันน้อยนิดมากำหนดชะตาชีวิตของสังคมหนึ่งเลยเชียว และการที่ให้คนที่ไม่มีความรู้มากำหนดมันสุ่มเสี่ยงมากเลย ต่อข้อคิดเห็นนี้ ผู้อ่านคงฟังแล้วนึกถึงนักปรัชญากรีกในอดีตอย่างเพลโตเป็นแน่แท้

สำหรับเบรนแนน คนโดยทั่วไปซึ่งเป็นคนส่วนมาก "มีความรู้ทางด้านสังคมศาสตร์และการเมืองน้อยนิด" ซึ่งเขาหมายถึงคนที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขั้นพื้นฐานด้วย ในหนังสือเขาจะยกสถิติมาดูว่าแม้ว่าจำนวนคนที่มีการศึกษาเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ แต่นั่นมิได้หมายความว่า คนอเมริกันมีความรู้ทางด้านการเมืองมากขึ้นเลย

ในหนังสือเขาจะจัดหมวดหมู่คนออกเป็นสามประเภท อาทิ

๑. คนที่ไม่สนใจการเมือง
๒. คนที่ตามการเมือง พอมีความรู้บ้าง แต่เถียงคอเป็นเอ็นโดยไม่เปิดรับข้อมูลด้านอื่น เลือกเฉพาะข้อมูลที่สนองตัณหาของคน
๓. คนที่สนใจศึกษาข้อมูล และพยายามใช้อคติหรืออารมณ์มาประเมินตัดสินให้น้อยที่สุด และพยายามเปิดใจรับกว้างพร้อมแปรเปลี่ยนตามข้อมูลวิเคราะห์ตลอดเวลา

คนประเภทที่สามนี้มีน้อยที่สุด คนประเภทที่ ๑ ย่อมมีมากที่สุด และคนประเภทที่สองก็พอมีให้เห็นบ้างประปราย

สำหรับเบรนแนน คนที่เป็นหมอ วิศวกร หรืออาชีพอื่นๆ ไม่ได้หมายความว่าคนๆนั้นมีความรู้ความเข้าใจทางการเมืองดีพอ ในสังคมหนึ่งๆเราจะเห็นมากมายโดยมิต้องยกตัวอย่างใครคนใดคนหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง ใช่ครับ เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนประเภทที่ ๑. และ ๒. มีมากที่สุดและเป็นผู้กำหนดทิศทางในการเลือกตั้ง เพราะเสียงพวกเขาย่อมมากกว่าเสียงประเภทที่ ๓.

แทนที่จะเอาหลังพิง "ประชาธิปไตย" โดยไม่ตั้งคำถาม คนเขียนเสนอให้เรามาทบทวนใหม่ว่าถ้าหากมีระบอบอื่นที่ดีกว่าเราควรจะทดลองหรือไม่? พูดง่ายๆคือ ประชาธิปไตยควรเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งในการบรรลุถึงการออกนโยบายที่ดีออกมา ไม่ใช่เป็นสัจจะของโลก

ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงโดยมากเป็นพวกไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น (ignorant) ในสหรัฐฯ หลายคนไม่ทราบว่าพรรคใดครองสภา หรือไม่ทราบเรื่องพื้นฐานต่างๆ แต่ระบอบประชาธิปไตยให้ที่ทางคนขาดความรู้พวกนี้ตัดสินชะตากรรม ถ้าหากเชื่อแบบหัวชนฝาในเรื่องสิทธิในการกำหนดทิศทางประเทศของคนหมู่มาก เราควรจัดให้มีการลงคะแนนเสียงทุกครั้งที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่? สำหรับผู้เขียนนโยบายสำคัญๆไม่ควรมาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากคนที่มีความรู้!!!

นี่จึงเป็นที่มาของข้อเสนอของผู้เขียนที่ว่า "เราควรปกครองโดยระบอบของคนที่มีความรู้" (epistocracy) ระบอบนี้หน้าตาเป็นอย่างไร? เขาเสนอว่าด้วยเหตุที่เราๆไม่สามารถกลับไปยุคเดิมๆได้อีกแล้ว การไม่ให้มีการเลือกตั้งเลยคงเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้น การเลือกตั้งควรจะมี แต่สิทธิเลือกตั้งควรจะเหมือนไลเซนส์ในการขับรถ ขับเครื่องบิน พูดง่ายๆก็คือ ทุกคนมีสิทธิ์ไปคูหากาคะแนน แต่คนที่มีไลเซนส์ทางการเมืองจะมีน้ำหนักเสียงในการเลือกตั้งมากกว่า กล่าวคือ เสียงทุกคนไม่ควรเท่ากัน แต่ใครที่มีความรู้มากกว่าควรมีน้ำหนักกระบอกเสียงมากกว่านั่นเอง

เบรนแนนเสนอว่า คนที่ผ่านการสอบความรู้ทางสังคมศาสตร์และการเมืองเท่านั้น ที่ควรมีน้ำหนักเสียงมากกว่า ระบบดังกล่าวนี้ลดอำนาจของคนที่ขาดความรู้ความเข้าใจทางการเมือง แน่นอน ระบอบนี้ ใครก็ตามแม้ว่าจะขาดปริญญาก็สามารถไปสอบได้ ถ้าคิดว่าตัวเองแน่พอ

ฟังดูก้าวหน้ามากเลยใช่ไหมครับ? แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่เลย เพราะในการเลือกตั้งทั่วไป ก็ห้ามเด็กอายุไม่เกิน 18 ปีเลือกตั้งอยุ่แล้วเพราะความเชื่อที่ว่าเขาอาจจะขาดความรู้เบื้องต้น เช่นเดียวกัน สำหรับผู้เขียนนั้น ทำไมเราไม่ลองจำกัดสิทธิ์ของคนที่อายุ 35 40 หรือ 50 บ้างละ พวกที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจปัญหาสังคมศาสตร์และการเมืองเลย

ฟังดูไปไกลมาก แต่คนเขียนรู้ดีว่ามันสุดโต่งที่จะนำมาปฏิบัติ เขาเลยเสนอให้ทดลองในระดับท้องถิ่นดูสิ ถ้าเวิร์ค ก็ค่อยๆขยับขยายออกไปเรื่อยๆ อันที่จริงข้อคิดเห็นของหมอนี่ก็น่ารับฟัง แม้จะแลดูสุดโต่ง จากปรากฏการณ์ในยุโรป อาทิ การลงคะแนนเสียง Brexit ทั้งๆที่ ข้อมูลแสดงชี้ชัดว่าการออกจากยุโรปไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่คนส่วนมากเลือกที่จะออกเพราะอารมณ์และความหน่ายที่มีต่อผู้อพยพเข้ามาทำงาน พูดง่ายๆคือ เป็นการลงคะแนนที่ไม่ได้มาจากการประเมินและวิเคราะห์ข้อมูลนั่นเอง หนังสือของเขาได้ตั้งคำถามต่อการเข้ามาของโดนัลด์ ทรัมป์เฉกเช่นเดียวกัน เช่น เขาบอกว่า ทรัมป์ชนะ เพราะคนลงคะแนนเสียงมันขาดความใส่ใจนั่นเอง http://foreignpolicy.com/2016/11/10/the-dance-of-the-dunces-trump-clinton-election-republican-democrat/

หนังสือของหมอนี่สามารถหาโหลดได้ถ้าอยากอ่านจริงๆ ส่วนใครที่ขี้เกียจก็อ่านที่ผมสรุปมาประมาณนี้ก็พอครับ ใครมีความเห็นอะไร อย่าดึงเข้าการเมืองไทยเป็นพอ บอกก่อนนะครับว่าโดนลบก็ไม่เกี่ยวกับผม เพราะผมมาแนะนำหนังสือเชิงทฤษฎีวิชาการ ใครดึงเข้าการเมืองประเทศอื่นก็ไม่เป็นไรครับ ตามสบายไม่ผิดกฎเด้อ


The sad truth is that most evil is done by people who never make up their minds to be good or evil. Hannah Arendt
เข้าร่วม: 15 Jan 2006
ตอบ: 6747
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 9:47 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
แน่นอนว่า กฏหมายที่มาจากคนที่บอกว่าตัวเองที่มีความรู้ ก็ออกมาเพื่อพวกพ้องของตัวเองและกดหัวคนอื่นไว้โดยบอกว่าคนอื่นมันไม่มีความรู้ คล้ายๆกับไทยที่บอกว่าคนต่างจังหวัดมันไม่มีความรู้ ขายเสียงประมาณนี้แหละ ยิ่งนานจะยิ่งชัด

ประชาธิปไตยมันไม่ดีสุดก็จริง แต่อย่างน้อยแม่งก็ยังต้องให้คนจำนวนมากมาลงคะแนนเสียง ระบบอื่นเอาคนดีตัวแทนที่คัดสรรมาแล้วให้คน500คนตัดสินอนาคตแทน50ล้าน แต่เวลาที่ต้องรับกรรม แม่งเอาเงินจาก50ล้านคนไปชดใช้ ใครไม่อยู่กับอีกฝั่งก็เตรียมได้เลย

เข้าร่วม: 26 Oct 2010
ตอบ: 27424
ที่อยู่: D:
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 9:55 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
ผมโคตรเห็นด้วยเลย การคัดเลือกต้องมี วิธีคัดมีหลายแบบเช่น ไม่จบปตรีได้1เสียง

ปตรีปโทสองเสียง ปเอกสามเสียง


ไม่ก้ จ่ายภาษีปีละไม่ถึงแสนได้เสียง ปีละแสนกว่าๆ2เสียง ล้านนีงสามเสียง

ไม่ก้ ให้มีกำหนดสอบถ้าสองได้เกิน70% ได้สองเสียง 80 เปอสามเสียง


คือให้มันมีขั้นๆมั่งแต่ต้องไม่ให้ห่างมากเกินเช่นสูงสุดสามเสียงพอ
0
0


เข้าร่วม: 06 Apr 2017
ตอบ: 327
ที่อยู่: บ้านเมียน้อง และน้องเมีย
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 9:56 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
ประเทศประชาธิปไตยแบบอเมริกา แต่ไม่เคารพในเสียงของประเทศอื่นที่เค้ามีระบบการปกครองของเค้า

เที่ยวไปตราหน้า ชี้ว่าคนอื่นว่าประชาธิปไตยข้าดีที่สุด
เข้าร่วม: 15 Jan 2006
ตอบ: 6747
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 9:59 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
YORKE พิมพ์ว่า:
ผมโคตรเห็นด้วยเลย การคัดเลือกต้องมี วิธีคัดมีหลายแบบเช่น ไม่จบปตรีได้1เสียง

ปตรีปโทสองเสียง ปเอกสามเสียง


ไม่ก้ จ่ายภาษีปีละไม่ถึงแสนได้เสียง ปีละแสนกว่าๆ2เสียง ล้านนีงสามเสียง

ไม่ก้ ให้มีกำหนดสอบถ้าสองได้เกิน70% ได้สองเสียง 80 เปอสามเสียง


คือให้มันมีขั้นๆมั่งแต่ต้องไม่ให้ห่างมากเกินเช่นสูงสุดสามเสียงพอ  


ก็แพ้อยุ่ดี ยิ่งประเทศยิ่งใหญ่ ยิ่งแพ้ยับ คน3เสียงมี2% 2มี10% จะเอาอะไรมาสู้ 1เสียง 80%+ เดี๋ยวก็วนกลับมาที่ขายเสียงอีกอยู่ดีแหละ 2-3เสียงเป็นไปไม่ได้หรอกคับ คนที่ไหนถ้ามีอำนาจออกกฏแล้วจะออกให้ตัวเองเสียเปรียบ ต้องเป็นร้อยอะ
0
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 626
ที่อยู่: Thailand
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 10:02 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
ขอบคุณที่แนะนำหนังสือหนึ่งในแนวคิดที่ค่อนข้างจะหายากในสมัยนี้นะครับ(ไม่เคยผ่านตามาก่อน)
0
0

"ดูให้จบ"
เข้าร่วม: 13 Jan 2011
ตอบ: 22030
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 10:04 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
มันจะกลายเป็นการเอาใจ/ให้อำนาจ กลุ่มวิชาชีพ/กลุ่มบุคคลหนึ่งๆเกินไปรึเปล่า

ประเด็นของประชาธิปไตยคือทุกคนมีส่วนแบ่งอำนาจ ทุกคนตระหนักในอำนาจนั้น

ปัญหาคือกลุ่มอิกนอแรนท์นั่นล่ะ แต่ผมแค่มองว่าแก้แบบนี้มันก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีอะ

แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทางออกที่ดีมันเป็นยังไงเหมือนกัน
We wished, without hesitation, that one day...
the two of us would be able to see the cherry blossoms...
together again.


เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 14533
ที่อยู่: ท้ายครัว จอห์น เฮนรี่
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 10:06 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
YORKE พิมพ์ว่า:
ผมโคตรเห็นด้วยเลย การคัดเลือกต้องมี วิธีคัดมีหลายแบบเช่น ไม่จบปตรีได้1เสียง

ปตรีปโทสองเสียง ปเอกสามเสียง


ไม่ก้ จ่ายภาษีปีละไม่ถึงแสนได้เสียง ปีละแสนกว่าๆ2เสียง ล้านนีงสามเสียง

ไม่ก้ ให้มีกำหนดสอบถ้าสองได้เกิน70% ได้สองเสียง 80 เปอสามเสียง


คือให้มันมีขั้นๆมั่งแต่ต้องไม่ให้ห่างมากเกินเช่นสูงสุดสามเสียงพอ  

ถ้าแยกแบบนี้มันต้องแยกด้วยว่าจบด้านใดมา
ถ้าจบพวกรัฐศาสตร์ก็โอเค แต่ถ้าจบด้านอื่นๆดีไม่ดีชาวบ้านที่สนใจมีควารู้การเมืองมากกว่าอีก

เข้าร่วม: 13 Jan 2011
ตอบ: 22030
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 10:07 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
heracoz พิมพ์ว่า:
YORKE พิมพ์ว่า:
ผมโคตรเห็นด้วยเลย การคัดเลือกต้องมี วิธีคัดมีหลายแบบเช่น ไม่จบปตรีได้1เสียง

ปตรีปโทสองเสียง ปเอกสามเสียง


ไม่ก้ จ่ายภาษีปีละไม่ถึงแสนได้เสียง ปีละแสนกว่าๆ2เสียง ล้านนีงสามเสียง

ไม่ก้ ให้มีกำหนดสอบถ้าสองได้เกิน70% ได้สองเสียง 80 เปอสามเสียง


คือให้มันมีขั้นๆมั่งแต่ต้องไม่ให้ห่างมากเกินเช่นสูงสุดสามเสียงพอ  


ก็แพ้อยุ่ดี ยิ่งประเทศยิ่งใหญ่ ยิ่งแพ้ยับ คน3เสียงมี2% 2มี10% จะเอาอะไรมาสู้ 1เสียง 80%+ เดี๋ยวก็วนกลับมาที่ขายเสียงอีกอยู่ดีแหละ 2-3เสียงเป็นไปไม่ได้หรอกคับ คนที่ไหนถ้ามีอำนาจออกกฏแล้วจะออกให้ตัวเองเสียเปรียบ ต้องเป็นร้อยอะ  



แต่มันก็กระจายเวทของความสำคัญของเสียงได้มากขึ้นไงครับ

ประเด็นนี้มันไม่ได้อยู่ที่วาใครชนะหรือใครแพ้ ประเด็นคือกลุ่มที่เห็นค่าของอำนาจเสียงตัวเองควรได้อำนาจเสียงมากที่สุดแค่นั้นเอง
0
0
We wished, without hesitation, that one day...
the two of us would be able to see the cherry blossoms...
together again.


เข้าร่วม: 03 Oct 2005
ตอบ: 345
ที่อยู่: Manhattan Project
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 10:09 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
ยังงี้คนก็ไม่เท่ากันสินะครับ
4
0
If people do not believe that mathematics is simple, it is only because they do not realize how complicated life is.
เข้าร่วม: 08 Dec 2008
ตอบ: 749
ที่อยู่: บ้าน David Silva
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 10:10 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
การศึกษามันก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดคุณค่าของความเป็นคน
ไม่ว่าจะจบ ม.3 หรือ ป.เอก5ใบ ถ้าผลประโยชน์ลงตัว ก็จบสิ้น

ที่สถานศึกษาทุกวันนี้ยังมีแบ่งฝ่ายทางการเมืองกันเลยครับ
อยู่ที่ว่า บุคลากรจะปลูกฝังแนวความคิดให้ฝ่านไหนอีกที


เข้าร่วม: 20 Apr 2007
ตอบ: 4189
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 10:17 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
Mr. von Neumann พิมพ์ว่า:
ยังงี้คนก็ไม่เท่ากันสินะครับ  


คนเท่ากัน และมีโอกาสมีสิทธิ์ทางการเมืองเท่ากันด้วยครับ
0
0
The sad truth is that most evil is done by people who never make up their minds to be good or evil. Hannah Arendt
เข้าร่วม: 15 Jan 2006
ตอบ: 6747
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 10:20 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
LuLLaZZx พิมพ์ว่า:
heracoz พิมพ์ว่า:
YORKE พิมพ์ว่า:
ผมโคตรเห็นด้วยเลย การคัดเลือกต้องมี วิธีคัดมีหลายแบบเช่น ไม่จบปตรีได้1เสียง

ปตรีปโทสองเสียง ปเอกสามเสียง


ไม่ก้ จ่ายภาษีปีละไม่ถึงแสนได้เสียง ปีละแสนกว่าๆ2เสียง ล้านนีงสามเสียง

ไม่ก้ ให้มีกำหนดสอบถ้าสองได้เกิน70% ได้สองเสียง 80 เปอสามเสียง


คือให้มันมีขั้นๆมั่งแต่ต้องไม่ให้ห่างมากเกินเช่นสูงสุดสามเสียงพอ  


ก็แพ้อยุ่ดี ยิ่งประเทศยิ่งใหญ่ ยิ่งแพ้ยับ คน3เสียงมี2% 2มี10% จะเอาอะไรมาสู้ 1เสียง 80%+ เดี๋ยวก็วนกลับมาที่ขายเสียงอีกอยู่ดีแหละ 2-3เสียงเป็นไปไม่ได้หรอกคับ คนที่ไหนถ้ามีอำนาจออกกฏแล้วจะออกให้ตัวเองเสียเปรียบ ต้องเป็นร้อยอะ  



แต่มันก็กระจายเวทของความสำคัญของเสียงได้มากขึ้นไงครับ

ประเด็นนี้มันไม่ได้อยู่ที่วาใครชนะหรือใครแพ้ ประเด็นคือกลุ่มที่เห็นค่าของอำนาจเสียงตัวเองควรได้อำนาจเสียงมากที่สุดแค่นั้นเอง  


แพ้ชนะนี่ยิ่งกว่าสำคัญอีกคับ อำนาจจะย้ายจากมือผู้ปกครองไปสู่คนที่มาจากประชาชนส่วนมาก แล้วคิดเหรอคับว่าประชาชนส่วนมากจะเห็นดีเห็นงามกับกฏหมายดูถูกความเป็นคนแบบนี้ คนที่มาจากประชาชนส่วนมากเค้าก็ต้องลงมือจัดการกับพวกอำนาจเก่าแน่ๆ วิธีรับมือกับประชาชนส่วนมากที่ได้ผลดีที่สุดก็คือกำลังทหารคับ สุดท้ายก็ลงเอยแบบประเทศแถวๆนี้อยู่ดีแหละ เพราะฉะนั้นเค้าต้องออกกฏบีบให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม แต่ไม่ว่ายังไงฝั่งกูก็ชนะอยู่ดี เดี๋ยวอีกไม่นานเราคงจะได้เห็นตัวอย่างจากประเทศไทย บีบๆคลายๆ เอากำลังทหารเชือดไก่ แล้วก็ล้างสมองผ่านการศึกษาตามโรงเรียน มารอดูอนาคตกันคับ ถ้าอยู่นานจะยิ่งชัด
เข้าร่วม: 12 Jan 2010
ตอบ: 185
ที่อยู่: this sh1t way too crazy, ayy.
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 10:27 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
0
0
Once a Kop Always a Kop:)))
เข้าร่วม: 01 Apr 2010
ตอบ: 6754
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 10:41 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
พี่แกต้องเป็นเพลโต้กลับชาติมาเกิดแน่ๆ

แต่ผมแอบเห็นด้วยนิดๆหน่อยๆเรื่องการรับรู้ทางด้านการเมืองของพวกจบแพทย์จบวิศวะนะ หลายๆคนมั่นใจมากๆด้านการเมืองทั้งๆที่ข้อมูลตื้นเขินมากๆ

อันนี้เอามาจากดูคนใกล้ตัวนะ เป็นแบบนี้ซะ90เปอร์เซน
0
0
เข้าร่วม: 23 Aug 2009
ตอบ: 505
ที่อยู่: ถ้ำของเพลโต
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 11:04 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
ทำไมจากความทรงจำชองผมคือ เพลโตเขียนไว้ว่าให้จำฉลากมาเป็นผู้แทนต่างหาก
ผมว่าระบบที่มันเทียบเท่าไร้การเอาเปรียบมากที่สุดในโลกมนุษย์คือ อยู่ตามมีตามเกิด
สมัยเป็นลิงโหนเถาวัลย์ตัวใครตัวมัน หากอยากอ่านหนังสือแบบนี้แนะนำว่าอ่านเล่ม
โฉมหน้าศักดินาไทยด้วยครับ จะได้เข้าใจว่าแต่ละระบบมันปูที่ทางของตัวเองไว้อย่างไร
อย่างระบบอื่นๆมันมีผู้ได้ประโยชน์อย่างชัดเจน แต่ประชาธิปไตยมันเว้นว่างไว้ให้คนใน
สังคมเป็นคนเติมเอง ถ้าสังคมที่ทุกคนมีความรู้ความอ่านเท่าทันกัน มันก็จะคานอำนาจ
ไปมาได้ ถ้ารู้แบบนี้แล้วก็ควรปรับปรุงให้คนมีความรู้ความเท่ากันก่อน แต่ตั้งแต่เกิดมา
ก็ไม่เคยเห็นใครสนใจจะทำตรงนี้ เห็นมีแต่จะใช้ช่องว่างระหว่างความรู้สูบกินเลือดเนื้อ
คนอื่นๆ ไม่ต้องคิดเข้าข้างฝ่ายไหน ฝ่ายไหนก็เป็นกันหมด เพราะคนไทยไม่มีจิตสำนึก
ว่าคนคือรัฐ รัฐคือคน แต่มีการแบ่งมั่วซั่วไปหมด ไอที่เสนอมาว่าเสียงต้องไม่เท่ากัน
สุดท้ายลึกๆก็หวังเพื่อสมประโยชน์ของตัวเอง แล้วถ้าเกิดแบบนั้นพวกคนเสียงน้อย
กว่าออกมาเรียกร้องผลประโยชน์บ้าง คุณก็คงไม่นึกอยากปกป้องผลประโยชน์
ของเขาหรอก เพราะคุณมองว่าคุณกับเขาไม่เหมือนกัน ความสำคัญไม่เท่ากันไง

ปล.ไม่ต้องหาผมงู้นงี้หรอก ผมน่ะป่วยจะตายอยู่แล้ว ที่ต้องควานหาทิศทาง
ที่เหมาะสมน่ะคือคนที่จะอยู่กันต่อไปต่างหาก
0
0
เข้าร่วม: 20 Sep 2010
ตอบ: 3094
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 11:30 pm
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
จริงๆผมว่าข้อเสนอนี้ไม่ได้ใหม่ซะเลยทีเดียว เพียงแต่หนังสือวิชาการเรื่องนี้ดูค่อนข้างใหม่เท่านั้น

ปัญหาแรกที่ผมเห็นและคิดว่ามันควรจะโดนตั้งคำถามก่อนคือ license ที่ว่านี้ออกโดยใคร ใครเป็นผู้มีสิทธิ์ที่จะกำหนดว่า ใครที่สามารถเลือกตั้งได้หรือไม่ได้ หรือแม้แต่จะวัดโดยการสอบ ก็น่าจะมีคำถามว่า ใครเป็นคนออกข้อสอบ

แค่ที่มาของคนออกข้อสอบนี่ก็ปวดหัวแล้ว เพราะคนออกข้อสอบก็ย่อมคำนึงถึงชนชั้นของตัวเองเสมอ เราจะเอายังไงดีกับคนออกข้อสอบนี้

สมมติว่าเรามีกลุ่มบุคคลชุดแรก ที่จะมาออกข้อสอบ ว่าใครสามารถโหวตได้บ้างหรือไม่ ให้ย้อนกลับไปดูก่อน "Voting Rights Act of 1965" หรือถ้าขี้เกียจอ่าน หาหนังเรื่อง "Selma" มาดูก็ได้ครับ ดูว่าก่อนหน้านี้ที่คนดำต้องโดนทดสอบก่อนได้สิทธิ์ในการโหวต สภาพมันเป็นอย่างไร แค่นี้ก็น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีว่า ทฤษฏีนี้ ใช้ไม่ได้จริงครับ

Keywords : Selma to Montgomery marches, Selma, Martin Luther King Jr., Voting Rights Act of 1965,

เข้าร่วม: 06 Oct 2006
ตอบ: 268
ที่อยู่: สุวรรณภูมิ
โพสเมื่อ: Wed Apr 19, 2017 11:46 pm
[RE]แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)
จะเป็นไปได้ไหมถ้าเราให้สิทธิเลือกผู้แทนเป็นสาขาอาชีพไป แล้วให้ผู้แทนในสาขาอาชีพนั้นๆเลือกผู้นำอีก แทนที่จะเอาใครก็ไม่รู้ มาทำงาน ก็ดันคนที่ตรงสายเข้าใจถึงสายงานนั้นนั้นอย่างแท้จริงมาบริหาร
0
0
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 419
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 20, 2017 12:00 am
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
แนวคิดคนดี ที่เปนอยุ่ตอนนี้ก้อไม่ใช่เพราะคนดีออกมาเป่านกหวีดเหรอ
0
0
เข้าร่วม: 25 Apr 2010
ตอบ: 634
ที่อยู่: อยู่ได้ทุกที่
โพสเมื่อ: Thu Apr 20, 2017 12:55 am
[RE]แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)
ผมว่ามันก็ยังไม่เวิร์คอ่ะครับ ยังไงควรตั้งพื้นฐานให้ทุกคนได้มีสิทธิออกเสียงก่อน
เพราะถึงแม้จะมีแต่คนที่ผ่านไลเซ่นที่ว่าเป็นคนเลือก ก็ใช่ว่าจะทำให้มีสังคมที่ดีได้
หนำซ้ำยังเป็นการจำกัดสิทธิคนอื่น โดยที่คุณไม่ได้มีหลักประกันว่าเขาจะมีชีวิตที่ดี แม้ไม่ได้เป็นคนเลือก
ทางทีดีควรจะให้ความรู้อย่างทั่วถึงในทางด้านสังคมศาสตร์กับทุกคนมากกว่า
แต่ผมเห็นว่ายังไงก็ต้องตั้งต้นว่าทุกคนมีสิทธิครับ ไม่คิดว่าควรจะมีใครที่เป็นคนคิดมาตรฐานความสามารถของคนในการเลือกผู้แทน

ส่วนตัวไม่คิดว่าความคิดของหมอนี่น่าสนใจเท่าไหร่ แล้วก็คิดว่าเค้าไม่ใช่คนแรกที่คิดเรื่องนี้
0
0
Man Utd is My LiFe
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 509
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 20, 2017 2:07 am
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
เป็นระบบที่ถ้าทำได้จริงก็น่าสน แต่ประเด็นคือมันอุดมคติเกินไป

อารมณ์แนวๆเหมือนคอมมิวนิสที่พยายามทำให้ทุกคนเท่ากัน แต่มันขัดกับสังคมมนุษย์ปกติกัน

ส่วนระบบนี้จะพยายามแยกกลุ่มคนด้วยตัวแปรบางอย่างให้ชัดเจน แต่ในทางปฎิบัติมันทำยากมาก
ทั้งเรื่องการคัดกรอง อย่างมาตรฐานlicence ว่าจะกรองได้จริงมั้ย ได้ขนาดไหน แม่นยำพอรึเปล่า
การถ่วงน้ำหนักที่จะโหวตอีก แล้วถ้าคนที่ได้สิทธิ์เลือกมีน้อยมาก คนอื่นที่ไม่มีเค้าจะว่ากันยังไง
มันเลยดูซับซ้อนแถมมีปัญหานิดหน่อย

ส่วนปัจจุบันเค้าก็เลยทำแบบนี้กัน คือ พอมีเลือกต้ง/โหวตอะไรซักอย่างที่ทุกคนมีส่วนร่วม ก็ทำปฎิบัติการเชิงรุก เช่น ให้ความรู้ แจกใบปลิวสรุปสาระสำคัญ จัดสัมมนา เปิดเวทีแสดงความคิดเห็นกัน ทำพวกนี้มันดูง่ายกว่าเยอะ
แถมทุกคนก็น่าจะรู้สึกไม่ด้อยค่าทางสังคมอีก
0
0
เข้าร่วม: 21 Nov 2014
ตอบ: 1871
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Apr 20, 2017 9:37 am
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
ผมก็เห็นด้วยนะ แต่ให้ตัดเรื่องปริญญาออกไปเลย ตัวบทความเองก็บอกว่าปริญญาไม่ได้เกี่ยวกับความรู้ทางการเมืองเลย

ผมว่าเปลี่ยนเป็นใครอยากเลือกตั้ง ก็ไปสอบไลเซนส์พื้นฐานเกี่ยวกับการเมืองดีกว่า แล้วก็ทำให้มันมีลำดับขั้นไป คะแนนเสียงก็ขึ้นตามลำดับขั้นด้วย ใครสนใจการเมืองก็ไปสอบ ไม่สนใจก็ปล่อยให้คนที่มีความรู้เค้าเลือก

แต่อย่างว่า มันค่อนข้างจะสุดโต่งไปหน่อย ไม่ค่อยเหมาะกับยุคสมัยนี้เท่าไหร่ นอกจากประเทศที่ต้องการการพัฒนาอย่างเร็วสุดๆ
0
0
เข้าร่วม: 30 Aug 2009
ตอบ: 6674
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Sat Apr 22, 2017 9:37 am
[RE: แนะหนังสือชื่อ "ต้านประชาธิปไตย" (Against Democracy)]
ข้อดีของประชาธิปไตย คือการได้มีโอกาสลองถูกลองผิดครับ การที่เราเดินไปในทางที่ผิดพลาดบ่อยๆ(ในระบบประชาธิปไตยนะ ไม่ใช่เผด็จการแต่อ้างประชาธิปไตย) จะทำให้คนมีบทเรียน และเกิดการเรียนรู้ขึ้นเอง

ซึ่งคำว่าโอกาส นี่หล่ะที่ทำให้ประชาธิปไตยดูดีกว่าระบบอื่น แต่คำว่าโอกาส มันก็ต้องมีเวลาของมัน แต่ระบบอื่น เช่น เผด็จการ มันไม่มีทางได้เลือกอะไรซักอย่างเลย เราต้องตามในทุกสิ่งอย่าง ที่เค้าร่าง หรือ กำหนดออกมา และไม่สามารถที่จะปฏิเสธมันได้ด้วย แม้ว่ามันจะผิดโดยรู้อยู่กับใจเรา หรือเป็นบทเรียนที่ผิดพลาดซ้ำๆ พวกนี้เป็นเพราะระบบเผด็จการ หรือ ระบบเผด็จการที่อ้างประชาธิปไตยบังหน้า